บทเรียนจาก โจรงัดบ้านศิษยาภิบาลตอนตี2
ผมรับใช้พระเจ้ามากว่า 25 ปี บางทีก็เหนื่อยล้า เพราะต้องทำงานกับคน คนก็มีหลายๆรูปแบบ บางทีก็เจอคนจริงใจ บางทีก็เจอคนหน้าไหว้ บางทีเพื่อนคิดว่าสนิทพอที่จะระบายทุกอย่างให้ บางทีก็เหนื่อยกับการที่เราจะต้องอดทนกับคน การรอคอยที่จะเห็นลูกแกะเติบโตขึ้นในพระเจ้า เหนื่อยกับวิถีแห่งโลกที่นับวันการมีชีวิตในโลกนี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน ความรู้สึกแบบมนุษย์ธรรมดาก็ผุดขึ้นมา......... รู้สึกบางคราวเหมือนพระเจ้าอยู่แสนไกล หมดแรง เพราะหลายๆสาเหตุ บ่นว่าพระเจ้าคงลืมลูกกระมั่ง อีกนานแค่ไหนพระเจ้าจะช่วยผ่อนให้เบาแรงขึ้นบ้าง......
จนกระทั่งวันหนึ่ง แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เขาบ้าน ขณะที่ผมและครอบครัวพักสงบเหนื่อยจากภาระกิจการงาน แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็งัดบานหน้าต่างเข้ามา และเข้ามาค้นหาสิ่งของที่มีค่าได้กว่า 2 แสนบาท เช่นคอมโน๊ตบุคพึ่งซื้อมาคืนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือทั้งบ้าน4 เครื่อง คอมฯพีซี กล้องถ่ายวีดีโอ และอื่นๆอีกเพรียบ ราวๆตีสองเราได้ยินเสียงสัญญาณกันขโมยดังมากที่ใกล้ๆบ้านของเรา ผมก็ยกหัวขึ้นพรางคิดไปว่าใครกันหนอดึกป่านนี้ไม่เกรงอกเกรงใจกันบ้าง แล้วก็นอนหลับต่อ
รุ่งเช้าลูกๆกำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียน ปรากฎว่าลูกวิ่งขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทีตกใจสุดชีวิต พ่อทำไมบ้านเราเป็นอย่างนี้ ประตูเปิดออก บ้านเรือนรื้อกระจายเต็มบ้าน ผมกระโดนลงมาจากที่นอนร้องถามลูกสาวว่า โน๊ตบุคพ่อยังอยู่ไหม เนื่องจากว่าพึ่งไปซื้อมาและชาร์ตไฟไว้ชั้นล่าง ( มีคนถวายโน๊ตบุคให้วันแรก )
กองทัพฑูตสวรรค์ของพระเจ้า
สิ่งที่ไม่คิด็เกิดขึ้นกับผู้รับใช้ เราก็ตรวจตราดูว่ามีอะไรหายไปบ้าง? ขอบคุณพระเจ้ามีสร้อยคอเงินหายไปเพียง 3 เส้นเท่านั้นราคาไม่ถึง1000 บาท ทุกอย่างพวกมันกำลังเตรียมไว้เสร็จพร้อมที่จะขนออกจากบ้าน แต่พระเจ้าได้ตั้งเหล่าฑูตสวรรค์ไว้ป้องกันทุกมุมของบ้าน พระเจ้าคงจะให้พวกมันสักคนคิดว่า รีบถอยรถเก่งออกและเอาของใส่ไปทั้งหมดหนีเข้ากลีบเมฆ ...... ว่าแล้วมันก็คงจะรีบเอากุญแจรถที่ผมวางไว้บนโต๊ะอาหาร มันก็รีบเอาไปเปิดประตูรถโดยไม่ช้า ทันใดนั้นสัญญาณกันขโมยก็ดังขึ้น ที่มันดังก็เพราะว่าพวกมันไม่ได้กดรีโมท แต่ใช้กุญแจเปิดสัญญาณจึงดังขึ้นเสียงดังมากๆ มันคิดว่าผมคงจะลุกขึ้นมาดูเป็นแน่..... ที่ไหนได้ผมกลับหลับไม่รู้อะไรเลย หลับเป็นตาย.....
พวกมันวิ่งหนีออกไปจากบ้านไปเจ็ดทาง หลายชั่วโมงผ่านไป ประมาณ 6 โมงเช้าตรู่ของวันใหม่ เราถึงรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในบ้านของเรา พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษาไว้ ทรัพย์สินเงินทองกว่าจะหามาได้สักชิ้นในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า คนทำงานในคริสตจักรก็ไม่ใช่ง่ายๆนัก อธิษฐานมานาน แล้วหากวันหนึ่งโจรพวกนี้ขนทรัพย์สินของเราไปสิ้น ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร? ไม่ต้องเดาอะไรก็รู้ว่าผมและครอบครัวคงจะเศร้าใจไปอีกนานแสนนาน
บทเรียนสอนใจ
แต่พระเจ้าสอนให้ผมรู้ว่า ในยามที่ผมคิดว่าพระเจ้าเงียบไปจากชีวิตของผม ขณะที่ผมเทศนาสั่งสอนพี่น้อง เหมือนอยู่ใกล้พระเจ้า แต่ความรู้สึกของผมบางครั้งก็มีที่จะรู้สึกว่าตัวเองต่อสู้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าในชีวิต เหมือนพระเจ้าปล่อยวางชีวิตของเรา ปล่อยให้เราต้องดิ้นรน และต่อสู่กับสารพัดแห่งความยากลำบากในฐานะมนุษย์เดินดิน......
ผมคุกเข่าลงบอกพระเจ้าว่า ลุกรู้แล้วว่า พระองค์ไม้ได้ทอดทิ้ง มิได้ปล่อยวาง มิได้เคลิ้มไป หรือหลับไปจากลูกเลย แม้ว่าตี2 ขณะที่ลุกก็หลับไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่พระเจ้ายังคงปกปักรักษา ดูแลความปลอดภัยของลูก ไม่ได้ปล่อยให้คนอธรรมข่มใจเสมอไป
ท่านเคยรู้สึกพระเจ้าเงียบไปจากคำอธิษฐานของท่านบ้างไหม.? .... วิงวอนจนน้ำตาอาบแก้มก็แล้ว เหมือนพระเจ้าตัดหางคุณปล่อยโบสถ์ คำอธิษฐานที่แห้งแล้ง จิตวิญญาณที่อ่อนแรง การมองโลกในทัศนคติลบๆ และการมองเห็นปัญหาใหญ่โตกว่าพระเจ้า ความน้อยเนื้อต่ำใจ อย่าเลยนะครับ....อย่าได้น้อยใจพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งท่าน แต่ทรงห่วงใยชีวิตของท่านเสมอ อย่าลืม 1เปโตร 5:7 พระเจ้าทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย แม้ดูเหมือนว่าพระองค์ห่างไกล แต่แท้จริงแล้วไกลแต่ใกล้ ซึ่งแตกต่างกับมนุษย์ที่อยู่กับเราใกล้ชิด แต่กลับแสนไกล ศัตรูทั้งหลายอาจจะคิดวางแผนอย่างดีเพื่อทำลายคนของพระเจ้า แต่พระองค์ทรงปกป้องไว้ให้พ้นหมด ฮาเลลูยา อาเมน.
ขอพระเจ้าอวยพระพร ว่างๆจะเขียนแบ่งปันอีกครับ
อ.เรวัฒน์ เทพจักร์