คุณจะเลือกข้างไหน?
คุณจะเลือกข้างไหน?
โดย ดอกอาว
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549 คือ2ปีที่แล้วมานายอานันท์ ปันยารชุน ประธานองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประ เทศไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "การปฏิรูปสังคมและการเมืองครั้งใหม่" โดยชี้ว่าสังคมไทยกำลังล้มเหลว-แตกเป็นเสี่ยงๆ และถึงเวลาที่ประชาชนต้อง "เลือกข้าง"
"ผมมาวันนี้อยากให้คึกคักมากขึ้น จึงขอประกาศตัวเลยว่าผมไม่เป็นกลาง ในชีวิตผมไม่เคยเป็นกลาง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความถูกต้องและความผิด ไม่เป็นกลางระหว่างความถูกกับความชั่ว ระหว่างประชาธิปไตยกับไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่เคยเป็นกลางระหว่างธรรมะและอธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างวิชาและอวิชชา หรือระหว่างกติการัฐธรรมนูญที่ถูกต้องกับกติกาที่จัดตั้ง ไม่เคยเป็นกลางระหว่างอิสรภาพของสื่อกับการกีดกันอิสรภาพ ไม่เคยเป็นกลางระหว่างหลักนิติธรรมกับการใช้ความอยุติธรรม ไม่เคยเป็นกลางระหว่างความดีและความไม่ดี.....
ผมอยู่ฝ่ายหนึ่งเสมอไปและตลอดชีวิตเชื่อว่าฝ่ายที่ผมอยู่นั้นถูกต้อง ถึงเวลาที่สังคมไทยใช้คำว่าเป็นกลางเฟ้อเกินไป สังคมไทยต้องมีจุดยืน แต่ต้องเป็นจุดยืนที่มาจากข้อเท็จจริงและมีเหตุผล ต้องแน่ใจว่าจุดยืนที่เราเลือกนั้นระหว่างฝ่าย ไม่ใช่ระหว่างบุคคล จะเป็นจุดยืนที่ถูกต้องและเหมาะสม"
จากกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีออกมาแถลงเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 26 สิงหาคม ถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์การชุมนุมกดดันรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย ซึ่งมีเนื้อหาสรุปว่าเรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวโดยต้องเลือกข้างและอย่าร่วมมือกับฝ่ายที่นายกรัฐมนตรีเรียกว่าพวกทำลายบ้านเมือง รวมทั้งเรียกร้องให้สื่อมวลชนตัดสินใจเลือกอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง จะอยู่ตรงกลางไม่ได้ และเห็นว่าหากครึ่งหนึ่งของสื่อที่อยู่กับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนั้น จะถือว่าสื่อมวลชนมีส่วนส่งเสริมให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายด้วยนั้น
จึงทำให้สื่อออกมาแถลงการณ์ร่วม (ฉบับที่ 2) เรื่อง การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองว่า
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนประกอบด้วยสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องและท่าทีดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นความคิดและทัศนคติที่ไม่ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ในทางกลับหากสื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าวที่บิดเบือนข้อเท็จจริง หรือยอมตนเป็นเครื่องมือการปลุกระดมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ยิ่งจะทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมและอาจนำเหตุการณ์ไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในสังคมไทยไม่ต้องการให้เกิดขึ้น สำหรับข้อเสนอให้มีการเลือกข้างนั้น ขอยืนยันว่า สื่อมวลชน ทุกแขนงเลือกอยู่ข้างประชาชนและความถูกต้องอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นต้องเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน
ดังนั้น ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองของฝ่ายต่างๆ ที่ดำรงอยู่ในช่วงขณะนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้งสี่องค์กร ขอสนับสนุนให้สื่อมวลชนทุกแขนง ทำหน้าที่การรายงานข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง และต้องยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพของสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด ด้วยการนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านมากที่สุดเพื่อประกอบการตัดสินใจใดๆ
สุดท้ายองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดย และต้องไม่ใช้สื่อของรัฐ ปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งต่างเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ลงชื่อ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.ctj.in.th
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.tja.or.th สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย www.thaibja.org สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย www.tcta.or.th 26 สิงหาคม ๒๕๕๑
จำเป็นต้องเลือกข้างด้วยหรือ?
จากสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ทำให้ผู้นำประเทศถูกกดดันอย่างมาก จากพันธมิตรประชาชนที่บุกยึกสถานีโทรทัศน์ NBT ถึงกับเรียกร้องให้สื่อเลือกข้าง ปัญหาก็คือว่าสื่อจะเลือกข้างไหนดีล่ะ จะอยู่ฟากรัฐ หรือจะอยู่ฟากประชารัฐ ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร สื่อก็ต้องเป็นกลางอยู่แล้วถ้าสื่อไม่เป็นเป็นกลางสื่อก็ไม่ใช่สื่ออีกต่อไปนะครับท่านายกฯ บ้านเมืองนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปหนอ ในภาวะที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้เลือกฟาก ตราบใดที่ทุกคนจะเอาฟากใดฟากหนึ่งเมื่อนั้นประเทศชาติจะเสียหาย ฝ่ายหนึ่งก็อ้างว่าผู้นำประเทศไม่เปิดกว้างรับฟังเสียงประชาชน ใช้สื่อNBT เข้าข้างฟากรัฐ อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่าฝ่ายพันธมิตรก็เอาแต่จะโจมตีตนเอง สำหรับการเมืองในวันนี้ถามผมในฐานะผู้นำคริสตจักรว่าผมคิดอย่างไรกับเรื่องการเลือกฟาก ผมขอยืนยันว่าผู้นำประเทศไม่ควรจะสนับสนุนหรือกดดันประชาชนให้เลือกฟากเด็ดขาด ผมขอให้ผู้นำทุกฝ่ายช่วยกันคลีคลายปัญหาโดยหลีกเลี่ยงความรุนแรงและการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ สำหรับเรื่องการเมืองผมมีมุมมองว่า ในภาวะที่กดดันเช่นนี้ผู้นำอย่ากดดันให้ประชน หรือสื่อมวลชนเลือกข้างเด้ดขาด เพราะมันจะทำให้เกิดความรุนแรง และเผชิญหน้ากันไม่มีที่สิ้นสุด แต่แทนที่จะเผชิญหน้ากันขอให้ทุกฝ่ายถ่อมใจมานั่งลงคุยกัน ว่าอยากจะเห็นอะไรเกิดขึ้นในทางที่ดีขึ้นในสังคมไทยของเรา สุดท้ายแล้วคนไทยทั้งประเทศก็ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อนทั่วกัน
คริสเตียนเลือกข้างไหน ?
สิ่งที่สำคัญที่ผู้นำและพี่น้องชาวไทยจะต้องเลือกเสียในวันนี้ก็คือการเลือกที่จะยืนอยู่ข้างพระเจ้ามากกว่า การเลือกเอาพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าที่จะเลือกว่าจะอยู่ฟากรัฐ หรือฟากประชารัฐ สำหรับโยชูวาและครอบครัวท่านได้ตัดสินใจชัดเจนว่าเขาเลือกฟากพระเจ้าเท่านั้น เลือกที่จะเชื่อฟัง เลือกที่จะรักษาชีวิตที่บริสุทธิ์ เลือกที่จะกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เลือกที่จะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต และนี่ก็คือสิ่งที่เราจะต้องขีดเส้นตายในชีวิตว่า วันนี้เราจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับเรื่องพระเจ้า เจ้าของลมหายใจของเราทุกคน องค์พระผู้สร้างของเรา คริสเตียนทุกคนจะต้องตัดสินใจอย่างชัดเจนว่าจะเลือกฟากพระเจ้า หรือฟากเนื้อหนัง และโลกีย์ จะทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า หรือน้ำพระทัยของข้าพระเจ้า
โยชูวา บทที่ 24:15 และถ้าท่านไม่เต็มใจที่จะปรนนิบัติพระเจ้า ท่านทั้งหลายจงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติผู้ใด จะปรนนิบัติพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส หรือของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า"
สำหรับผมไม่เลือกข้างใคร แต่จะขอเลือกข้างพระเจ้า และรับใช้พระองค์ต่อไป อาเมน