เรื่อง ความกระตือรือร้นของพระเจ้า อสย 9.1-7
เรื่อง ความกระตือรือร้นของพระเจ้า อสย 9.1-7
คริสต์มาสถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญของโลก โลกได้เปลี่ยนมานับปีศักราชใหม่โดยเริ่มจากพระเยซูคริสต์ แม้จะไม่มีใครทราบวันที่แน่นอนของวันประสูติ การฉลองไม่ใช่คำบัญชาแต่เราทำเพราะสำนึกในพระคุณ แม้ไม่ได้บันทึกวันที่แต่ก็ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ คริสต์มาสไม่ได้เริ่มจากมนุษย์แต่เริ่มจากพระเจ้า
พระธรรมอิสยาห์เขียนในช่วงเวลาที่อาหัสปกครองยูดาห์ 2พกษ16.1-3 ขณะอาหัสอายุเพียง16พรรษา เป็นกษัตริย์ที่ทำบาปอย่างมาก เอาบุตรของตนเดินลุยไฟถวายพระต่างชาติ ถวายเครื่องบูชาแด่พระต่างชาติเพื่อเอาใจต่างชาติ
สภาพเบื้องหลังของพระคัมภีร์ อสย 9
-ชนชาติยิวทิ้งพระเจ้า พระเจ้ายกเรื่องโค และลา และร้องไห้กับเขา ตีสอนทั่วตัวก็ไม่ราบจำ อสย 1.2-6
พวกเขากินดื่ม ฟังเพลงดนตรีคอนเสริต์ เลี้ยงสัตว์ในบ้าน แต่กลับมิได้เอาใจใส่พระราชกิจพระเจ้า อสย 5.11-13
-ปัญหาการปกครอง มีการฆ่าผู้นำ โค่นล้มอำนาจ ภายใน2-3ปีเปลี่ยนผู้นำหลายคน อสย 3.16-25
-มีข่าวอัชซีเรียมาโจมตี และการรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้าน อสย 10.33
-มีปัญหาในด้านเศรษฐกิจ อสย 5.9-10
แม้กษัตริย์อาหัสจะทำบาปชั่ว ประชากรของพระเจ้ามีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวัง แต่พระเจ้าก็ยังระลึกคำสัญญาที่มีต่อดาวิด ทรงเปิดเผยให้ผู้รับใช้อิสยาห์ได้เห็นถึงภาพในอนาคตเพื่อเป็นความหวังใจแก่ประชากรของพระเจ้า ว่าเมืองที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมใจ กลัดกลุ่มใจ อยู่ในสภาพที่อับอาย เหมือนคนที่แบกแอกที่หนัก เหมือนคนที่เดินในความมืด แต่อีกไม่นานพระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงให้พวกเขา พระเจ้าทรงสำแดงถึงความกระตือรือร้นของพระเจ้า ที่จะกระทำการเพื่อมนุษย์ทุกคน 2 ประการ
ประการที่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อสย 9.1
เมืองนั้นจะไม่อยู่ในความแสนระทม จะไม่กลัดกลุ่ม จะไม่เป็นที่ดูหมิ่นอีกต่อไป แต่พระเจ้าจะให้เกิดความรุ่งโรจน์ มี
สง่าราศีใหม่อีกครั้ง ( นี่คือถ้อยคำแห่งความหวัง)
-เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้า เริ่มจากอาดัมจนถึงผู้นำยุคต่อๆมาเดินหันหลังให้พระเจ้า ทำบาป (ไม่รักษาสะบาโต
แต่งงานกับคนต่างชาติ ต่างความเชื่อ และกราบไหว้รูปเคารพ ) ชื่นชอบของต่างชาติจึงถูกเป็นทาสของต่างชาติ ทุกข์
ยากทรมาน ถูกทำร้าย ถูกกดขี่ข่มเหง เร่ร่อน บ้านเมืองถูกเผาทำลายเสียหาย
-เป้าหมาย : ก็เพื่อเขาจะสำนึก กลับใจใหม่ กลับมาเสาะแสวงหาพระเจ้าด้วยใจหิวกระหายอีกครั้ง
-ปัจจุบันนี้ มนุษย์กำลังทำบาป เล่นกับบาปชั่วยิ่งกว่า ไม่เพียงไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่กลับประพฤติตนต่อต้านพระเจ้า
อย่างชัดเจนชัดเจน
เช่น - ประกาศว่ามนุษย์มาจากลิงไม่ใช่จากการทรงสร้าง เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระเจ้าอย่างมหันต์
- พระเจ้าทรงสร้างเพศชาย-หญิง แต่ปัจจุบันมีเพศที่3 และยอมรับกันว่าชอบธรรมด้วย มีกฎหมายรับรอง
- พระเจ้าห้ามล่วงประเวณี แต่ปัจจุบันมีการทำแท้งมากมาย ตัวอย่าง ทำแท้งทิ้ง 2002ศพ ที่วัดไผ่เงิน
- พระเจ้าห้ามฆ่าคน แต่คนยุคนี้มีการฆ่าคนอื่นเหมือนของเล่นๆ มีวิธีการที่โหดเหี้ยม อมหิต
- อารมณ์ของคนยุคนี้สั้นๆ ปฏิบัติตัวต่อกันเหมือนสัตว์ร้าย (เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นผีเป็นพระเจ้า เห็นเหล้าเป็นโอวัลติน)
หากมนุษย์ยังขืนดื้อรั้นเช่นนี้ ปลายทางก็คือไม่ใช่แค่เป็นทาสประเทศเพื่อนบ้านต้องอับอาย แต่มนุษย์จะต้องได้รับการลงโทษบาปจากกฎเหล็กของพระเจ้า อับอายชั่วนิรันดรที่นรก หาความสุขสักนิดไม่มีเลย นั่นคือผลของความบาป
เช่นเดียวกับอาดัม-เอวาหลังทำบาปก็หลบซ่อนตัวจากพระเจ้า ไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่อยากอธิษฐาน หมดสง่าราศีไม่ได้รับการอวยพระพรจากพระเจ้า ชีวิตทุกๆวันมีแต่ความทุกข์ใจ และจะยิ่งเจ็บปวดเมื่อพระเจ้าปล่อยทิ้งเราไว้ชั่วขณะหนึ่ง เช่นซาอูล เช่นอิสราเอล ได้รับความอับอายขายหน้า....
ตัวอย่างเรื่องขำขัน : มีคนเล่ากันว่าเป็นภาคที่มีความทุกข์กว่าภาคใดๆนั่นก็คือภาคอิสาน สังเกตจากไหน ( ตอนเช้า-มื้อเศร้า พอเย็นลงก็บอกว่า มื้อแล้ง ถามว่าอร่อยไหม?ก็ตอบว่า แสบๆๆ เวลาร้องเพลงก็โอดครวญ...โอ๊ย...ด้วยความเจ็บปวด และขนาดร้องเพลงก็ยังปิดหูตัวเองไม่อยากฟังเสียงตัวเอง ) ..... ฮาๆๆๆ
-เมืองนั้นจะไม่อยู่ในความแสนระทม จะไม่กลัดกลุ่ม จะไม่เป็นที่ดูหมิ่นอีกต่อไป แต่พระเจ้าจะให้เกิดความรุ่งโรจน์ มี
สง่าราศีใหม่อีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้พระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเราเจ็บปวด เสียพระทัย ร้องไห้ และนี่คือเหตุผลว่าพระองค์ทรงกระตือรือร้นที่จะกระทำการนี้เพื่อท่านและข้าพเจ้า
ตัวอย่าง : เราทุกคนเหมือนเด็กน้อยที่เล่นๆอยู่แล้วเงียบไป ผู้เป็นแม่ก็จะเรียกหาว่าอยู่ไหนลูก จะทิ้งงานทุกอย่างที่ทำแล้วตามหาจนกว่าจะเจอลูกปลอดภัยดี เช่นเดียวกันพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้มนุษย์ที่รักยิ่งพินาศไป
จึงโปรดประทานพระบุตรลงมาบังเกิด เพื่อนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่มนุษย์ทุกคน มาสู่ท่านและข้าพเจ้าในวันนี้ ไม่ต้องกลัดกลุ่มใจ ไม่อับอาย แต่จะรุ่งโรจน์ แต่นำการเยียวยารักษา การช่วยเหลือมาให้เขา ให้เป็นชนชาติผู้รับพระพร3ประการ
1.กาลิลีจะรุ่งโรจน์
กาลิลีเป็นแคว้นเล็กๆในสายตาของคนยิวจึงมีคนสมัยก่อนพูดดูถูกว่าสิ่งดีใดจะมาจากกาลิลี? ยอห์น 7:41. คนอื่นๆก็พูดว่า"ท่านผู้นี้เป็นพระคริสต์"แต่บางคนพูดว่า"พระคริสต์จะมาจากกาลิลีหรือ แต่จากนั้นอีก 700กว่าปี พระเยซูก็บังเกิดและใช้กาลิลีเป็นที่อบรมสร้างผู้นำยุคใหม่ที่คาเปอร์นาอูม และส่งสาวกออกประกาศข่าว และทุกวันนี้ก็ยังมีผู้คนทั่วโลกท่องเที่ยวที่นั่น นำเงินมหาศาลเข้าประเทศอิสราเอล
บทเรียนฝ่ายวิญญาณ : ชีวิตของคุณในสายตาของคนอื่นอาจจะเล็กน้อย ไม่มีชาติตระกูล ไม่มีฐานะสูง ไม่ได้เรียนจบสถาบันดังๆ ไม่เก่งอะไรเลย แต่พระเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงให้ท่านพบความสำเร็จได้ เกิดผลได้เช่นโยเชฟ แม้จะถูกพี่น้องกระทำอย่างรุนแรง ไร้ความรัก ความปราณี แต่พระเจ้าก็เมตตาอุ้มชูให้เขาได้ดีในไม่ปีสิบปีที่อียีปต์ คริสตจักรวันนี้อาจจะเล็กๆในสายตาของคนอื่นๆ จำนวนคนก็ไม่มาก เงินถวายก็อาจจะน้อย แต่พระเจ้าสามารถอวยพระพรให้เติบโตขึ้นได้ ทรงตั้งต้นการดีในพวกท่านแล้วจะทรงกระทำให้สำเร็จ ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทำไม่ได้.....
2.สว่างจะส่องมาบนเขา อสย9.2
ความมืดบ่งบอกถึงชีวิตมืดมน ไร้หนทางออก เต็มไปด้วยอันตรายน่ากลัว บางครั้งเล็งถึงความตาย ความชั่วร้าย ชีวิตของมนุษย์ทุกคนอยู่ในความมืดมาตลอด ศาสนาทุกศาสนาก็มุ่งสอนให้คนทำการดี แต่คนก็ยังอ่อนแอ ตัวอย่าง :ข้อความติดท้ายรถสิบล้อ “ ชั่วดีกูรู้รู้ แต่กูทำไม่ได้” มนุษย์เดินหลงทางในความมืด สิ่งที่คนกำลังอยู่ในความมืดต้องการที่สุดคือแสงสว่างส่องนำทาง
ยอห์น 8:12. อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า"เราเป็นความสว่างของโลกผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืดแต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" พระเยซูทรงบังเกิดเพื่อนำความสว่างส่องไม่ให้เราหลงทางผิดอีกต่อไป ไม่ต้องเผชิญกับอันตรายของชาติหน้าอีกต่อไป ไม่เพียงพระองค์เป็นความสว่างเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงให้เราเป็นความสว่างส่องไปยังสังคม ชุมชนอีกด้วย ลำพังตัวเราเองไม่มีแสงในตัวเหมือนดวงจันทร์ แต่ที่เราส่องสว่างได้เพราะเรารับแสงจากพระเยซู ด้วยเหตุนี้เองชนชาติใดที่ต้อนรับเอาพระเจ้า การฟื้นฟูจะเกิดขึ้นกับชนชาตินั้น ตัวอย่าง : เกาหลีใต้
ประเทศชาติจะเจริญขึ้น เพราะจิตวิญญาณได้รับการเยียวยารักษา คนชอบธรรม คนมีพระเจ้าได้เข้าไปนั่งบริหารงานองค์กร เข้าไปบริหารในรัฐบาลมากขึ้น สังคมจึงเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง อาชญากรรมลดลง บ้านเมืองก็ร่มเย็นเป็นสุขเพราะสว่างของพระเจ้าส่องมาบนเขา พี่น้องอยากเห็นประเทศชาติของเราเป็นเช่นนั้นไหม ? จงอธิษฐานขอสว่างส่องเข้ามาสู่คนในชนชาติของเรา ให้เราส่องแสงของพระเจ้าออกไป
3.เพิ่มความชื่นบานของเขา อสย9.3-4
สภาพความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่มีพระเจ้า จะมีความสุขสันติสุขที่ไม่เหมือนโลกนี้ให้ ชีวิตจะเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีออกมา ( ไม่ต้องปั้นหน้า ) โดยมีภาพความชื่นบานของคน 3 กลุ่ม
3.1 เหมือนชาวนา ชื่นบานเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้มากมาย หลังจากที่ตรากตรำทำงาน
3.2 เหมือนนักรบ ที่กลับมาพร้อมชนะในสงคราม และริบยึดของมาแจกจ่ายกัน
3.3 เหมือนคนที่แบกภาระหนัก ข้อ 4 แอกที่เป็นภาระหนักนั้นได้รับการปลดแอกโดยพระเจ้าแล้ว มัทธิว11:28.
บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเราและเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
มีพระเยซูผู้เดียวที่กล้าตรัสกับมนุษย์ทุกคนว่า บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาหาเรา ดังนั้นไม่ว่าคุณและผมจะอยู่ในสภาพใดๆ ใครไม่ได้สวมรองเท้าคู่เดียวกับเราย่อมไม่เข้าใจปัญหา ภาระอันหนักที่เราแบกไว้ แต่พระเจ้าทรงเมตตา ทรงรู้ว่าเราแบกภาระไม่ไหว จึงท้าทายว่าให้เรามาหาพระองค์ พระองค์จะปลดแอก ปลดภาระหนักให้เราเอา เพื่อให้เราเดินสะดวกได้ ทรงประทานแรงกำลังให้เราสามารถบินสูงเหมือนนกอินทรีย์ได้
ดังนั้นในวันนี้หากท่านมีปัญหาหนัก มีความทุกข์ใจ มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาในที่ทำงาน สับสนกับอนาคตของตนเอง จงมาหาพระเจ้าวันนี้ และนำเอาภาระที่แบกหนักของคุณนั้นวางภาระปัญหานั้นมอบแด่พระเจ้า พระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงคุณและผม จะช่วยปลดแอกที่แบกไว้ จะประทานสันติสุขให้ที่ไม่เหมือนความสุขที่โลกนี้มอบให้
นี่คือพระพรในวันคริสต์มาส และเป็นความกระตือรือร้นของพระเจ้าที่จะกระทำการนี้เพื่อเราทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา โดยไม่ต้องเสียเงินเสียค่าใดๆเลย
ประการที่ 2 ประทานชีวิต เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ อสย 9.-6-7
ข้อ 6 พระเจ้าทรงกล่าวสำแดงให้อิสยาห์ทราบว่า แม้ว่าอิสราเอลสมัยนั้นจะมีกษัตริย์ที่ชั่วต่อพระเจ้า มีสังคมที่ตกต่ำในการอธรรม ดูเหมือนไร้ความหวัง หรือไม่มีที่หวังได้ ไม่มีความชื่นชมยินดีได้เลย ชีวิตมีแต่กลัดกลุ่มใจ เศร้าใจ หมดหวังกำลังใจ บางคนร้ายกว่า ชีวิตของเขาอยู่ในโลกนี้เพื่อรอวันตาย
แต่สิ่งที่พระเจ้ากำลังจะกระทำนั่นก็คือ พระเจ้าจะประทานทารกน้อยคนหนึ่งเกิดมา นั่นคือคำพยากรณ์ล่วงหน้า 700 ปีก่อนที่พระเยซูจะบังเกิด เพื่อนำเอาการปกครอง จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ จะเป็นองค์ผู้นำสันติราชและสันติภาพสู่โลก นำเอาความยุติธรรมที่แท้จริง และความชอบธรรมมาสู่มนุษย์ประชากรของพระเจ้า
เพราะบาปทำให้มนุษย์ต้องตายฝ่ายวิญญาณ แต่พระเยซูได้มาเพื่อประทานชีวิตใหม่แก่ผู้เชื่อ
ในโลกนี้เราไม่สามารถหาชีวิตที่มีความสุขครบสมบูรณ์ได้ เราได้อย่างก็เสียอีกอย่าง บางคนมีครอบครัวน่ารักแต่ยากจน บางคนร่ำรวยแต่มีปัญหาครอบครัวเยอะ บางปีน้ำไม่มีเพียงพอ แต่บางปีก็น้ำมากเกินไปท่วมบ้านเรือนเสียหาย แม้เราจะมีบ้านหลังใหญ่โตมีเตียงนอนสวยหรูแต่กลับนอนหลับไม่อิ่มไม่สุขใจ มีแอร์เย็นช่ำแต่จิตใจก็ไม่เย็นสบายลง เรามีเครื่องมือสื่อสารไฮเทคแต่ก็ยังมีปัญหาในการพูดคุยสื่อสารกัน เรามีศาลพิจาณาคดีแต่ก็หาความยุติธรรมในโลกนี้ 100%ไม่ได้ เราปลุกใจสร้างสันติภาพโลกแต่สันติภาพก็ไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นชีวิตปราศจากพระเจ้าก็ไม่มีความหวังอันใด แม้ในโลกนี้เราจะมั่งมีมากมาย แต่หากไม่มีพระเจ้า ตายไปก็ไม่มีค่าอันใดเลย
จากข้อความ อสย 9.6 จึงทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าผู้อยู่เหนือโลกนี้ ทรงเห็นปัญหาทุกๆอย่าง ทรงรักและเข้าใจจึงได้ประทานเด็กน้อยคนหนึ่งนั่นหมายถึงพระเยซูคริสต์ เพื่อมาประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่ เพื่อให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ลก1.32 ทูตสวรรค์ของพระเจ้าก็ลงมาสำแดงเรื่องนี้แก่มารีย์ว่า เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู (แปลว่าผู้ช่วยให้รอด) บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะทรงเรียกว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด ท่านจะปกครองพงค์พันธ์ของท่านสืบไป และแผ่นดินของท่านจะไม่มีที่สิ้นสุดเลย..... โฮซันนา... สรรเสริญพระเจ้า
เปิดไปใน ลก 1.46 เปรียบเทียบดูว่ามารีย์เริ่มสรรเสริญพระเจ้าว่าอย่างไร ? สังเกตสิ่งที่เขาขอบพระคุณพระเจ้าที่เลือกใช้เธอผู้เล็กน้อย และพระเจ้าผู้ห่วงใยฐานะต่ำต้อยด้อยค่า ผู้ทำการใหญ่เพื่อเรา ทำให้เราเห็นว่าพระเจ้ากระทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไรหรือ ?
พระเจ้าไม่ได้ว่างงานนะครับพี่น้อง ไม่ได้นึกสนุก ไม่ได้หวังที่จะมีบุญคุณต่อมนุษย์ แต่เพราะว่าพระองค์มีความรักอันยิ่งใหญ่ตาม ยน 3.16 รักมนุษย์มากมายจนกระทั่งยอมทำได้ทุกๆอย่าง พี่น้องเคยรักใครสักคนไหม ? ตัวอย่างอาการของคนรักกันเป็นอย่างไง ? สบตากัน ตักข้าวให้กัน จับมือกันราวจะไม่พรากจากกัน เดินเคียงคู่กัน แต่นานวันรักที่เคยหวานชื่นก็จืดจางไป ทานข้าวไม่คุยกัน ตอนรักกันอะไรๆก็ฮันนี่ๆ แต่นานวันก็หันหนีๆ
แต่ความรักของพระเจ้าเป็นความรักมั่นคง นั่นแหละคือเหตุผลที่พระเจ้าทรงยอมประทานพระบุตรลงมาบังเกิดอยู่ในฐานะต่ำต้อย และเพื่ออะไร ?
มัทธิว20:28. บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติแต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขาและประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก"
ยอห์น 10:10. ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสียเราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
นี่คือ ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้ คือเพื่อจะประทานชีวิตใหม่โดยผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เพื่อเราจะได้รับความรอด ได้กลับคืนดีกับพระเจ้าอีกครั้ง และจะได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ตลอดไป นั่นคือหัวใจของเรื่องนี้ทั้งหมด คือให้มนุษย์ได้มีชีวิตผ่านทางพระเยซู เป็นชีวิตครบสมบูรณ์ ในโลกนี้เราก็มีพระเจ้า และอยู่กับพระเจ้าอย่างมีความสุข เมื่อเราจากโลกนี้ไปเราก็ได้กลับไปหาพระเจ้าเพื่อชีวิตนิรันดร นั่นคือชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุด แต่หลายคนที่หาเงินทองในโลกนี้ เขามีเพียงความสุข ความสำเร็จในโลกนี้เท่านั้น แต่ในสวรรค์พระคัมภีร์กล่าวว่า พระบุตรคือพระเยซูเสด็จมาบังเกิดแล้ว และหากเขาปิดใจ ไม่ยอมรับ แม้ว่าโลกโลกนี้เขาจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ทรัพย์สินของเขาจะไม่เกิดประโยชน์ หรือช่วยเขาให้รอดเพื่อซื้อสวรรค์ไม่ได้เลย พระเยซูทรงตรัสว่า จะมีประโยชน์อะไร ? หากคุณได้ทุกสิ่งในโลกนี้ แต่จบชีวิตลง.....
ประยุกต์ใช้ : ชีวิตที่พระเจ้าประทานให้มีค่ามาก ดังนั้นเราต้องดำเนินชีวิตที่มีค่ากับสิ่งที่มีค่า ใช้ชีวิตทุ่มเทเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ใช้ชีวิตที่พระเจ้าประทานให้อย่างคุ้มค่า
สรุป ..... ดังนั้นพี่น้องที่รัก คริสต์มาสจึงสำคัญต่อเราทุกคน ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนแล้วก็อย่าลืมความหมาย หรือสาระสำคัญหัวใจของคริสต์มาส อย่าให้เราหันไปสนใจเพียงการตบแต่ง ต้นคริสต์มาส การร้องเพลง การจัดหาของขวัญให้ผู้ใหญ่ หรือการเตรียมงานใหญ่โตโดยปราศจากความหมายแท้ เราต้องตระหนักและซาบซึ้งถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา ความรักที่พระเจ้ากระตือรือร้นที่จะกระทำเพื่อเรา ขอให้เราแสดงออกกระตือรือร้นตอบสนองพระเจ้า กระตือรือร้นที่จะมานมัสการ มาอธิษฐาน รับใช้พระเจ้าอย่างกระตือรือร้น กระตือรือร้นที่จะเป็นพยานทั้งมีโอกาสและไม่มีโอกาส กระตือรือร้นที่จะถวายทรัพย์ และมีท่าทีที่หิวกระหายหาพระเจ้า อย่าทำให้คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาล ชินชากับคริสต์มาส หรือถือว่าเป็นภาระสำหรับเรา ให้ปลุกจิตสำนึกเสมอว่า โดยพระคุณพระเจ้าจึงทำให้เรายิ้มได้ โดยพระคุณพระเจ้าจึงทำให้เรายืนอยู่วันนี้ได้ ดังนั้นชีวิตคนที่มีพระเจ้า เราจึงมีความสุข แม้ว่าเราจะยังคงเผชิญกับปัญหามากมายอยู่ แต่เราก็เรียนรู้ที่เดินผ่านไปได้ด้วยพระเมตตาของพระเจ้า อย่าให้การเป็นคริสเตียนของเราเจริญรอยตามการกระทำของอิสราเอลที่ทอดทิ้งพระเจ้า อย่ารอให้พระเจ้าเฆี่ยนตีลงวินัยจนตัวน่วมถึงกลับใจหรือหันมาแสวงหาพระเจ้า ดังนั้นขอบคุณพระเจ้าคริสต์มาสเราได้เห็น 2 ประการที่พระเจ้าทรงกระตือรือร้นกระทำเพื่อมนุษย์
ประการที่ ทำให้ เกิดการเปลี่ยนแปลง อสย 9.1
1.กาลิลีจะรุ่งโรจน์
2.สว่างจะส่องมาบนเขา อสย9.2
3.เพิ่มความชื่นบานของเขา อสย9.3-4
ประการที่ 2 ประทานชีวิต เป็นชีวิตที่ครบบริบูรณ์ อสย 9.-6-7
สำหรับพี่น้องที่ยังไม่ได้ตัดสินต้อนรับพระเยซู วันนี้โอกาสมีสำหรับท่าน พระเจ้าทรงรักท่าน และกระตือรือร้นที่จะเตรียมการนั้นเพื่อช่วยเหลือ เป็นพระเจ้าของท่าน เพื่อให้ท่านลี้ภัยในพระองค์
สดด 46.1,10 พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเราที่ปลอดภัย เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมอยู่ในยามยากลำบาก
วันนี้ ท่านพร้อมหรือยังที่จะเข้ามาลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า