เรื่อง พระประสงค์ของพระเจ้า
มีคนมากมายที่กล่าวว่า เขารู้จักผู้นำประเทศของตนเองดี แต่เขากลับไม่ทราบแม้แต่นิดเดียวว่า ท่านผู้นั้นชอบอะไร และไม่ชอบอะไรบ้าง และจะดีไหมหากคนที่พึ่งรู้จักกันไม่นาน แต่เขารู้ว่าอะไรที่เราชอบและอะไรที่เราไม่ชอบบ้าง และเขาสามารถบอกคนอื่นเกี่ยวกับเราได้อย่างถูกต้อง เราก็จะประทับใจ และทึ่งในเขา...... เช่นเดียวกันกับพระเจ้าที่เราเชื่อ ที่เรานมัสการ ที่เรารับใช้ หลายคนก็บอกทำนองเดียวกันว่ารักและบูชาพระองค์ แต่บางที่เราก็ไม่ได้สนใจว่าบุคคลที่เรารักนั้นชอบอะไรและไม่ชอบสิ่งใดบ้าง ซึ่งก็ทำให้เราพลาดจากสิ่งสำคัญนี้บ่อยครั้ง ในเช้าวันนี้ขอให้เรามาพิจารณาพระคำที่จะหนุนใจให้เรารู้ว่าอะไรที่พระเจ้าชอบ 3 ประการ ดังนี้คือ
ประการที่ 1 ให้คุณอิ่มเสมอ ยน 6:35
ก. ความปรารถนาของคน อยากอิ่มใจ อยากได้รับความพอใจ สบายใจ อยากให้ความฝันความตั้งใจสำเร็จ
ตัวอย่าง : Krispy Kreme Doughnuts ไปกินคริสปี้ ครีม โดนัท มาแล้วหรือยัง?” โดนัทยี่ห้อใหม่ที่เพิ่งมาจากอเมริกา ดังระเบิดเถิดเทิง! นี่เป็นปรากฏการณ์ประหลาดสำหรับคนไทยเรา เพราะมิใช่จะกินได้ง่ายๆ ใครจะกินต้องไปต่อแถวรอซื้อ เปิดร้านวันแรกที่ห้างสยามพารากอน มีคนไปเข้าคิ รอซื้อข้ามวันเชียวแน่ะ! เด็กๆมักจะทายกันว่า “ทำไมโดนัทจึงมีรูตรงกลาง?” “เพราะทำให้ทอดสุกง่ายมั้ง?” – ไม่ถูก“เพราะต้องการประหยัดแป้งใช่ไหม” – ไม่ถูก “เอ้า ยอมล่ะ” ตอบ “เพราะมันเป็นโดนัทไง!” (เออ ถูกของเอ็ง ถ้าไม่มีรูตรงกลาง เขาก็ไม่เรียกโดนัทหรอกนะซี)
ร้านซาบูซิ หรือร้าน ร้านโออิชิ ซูกิซิ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นนำมาขึ้นห้างในไทย คนไทยแห่กันไปรอคิวทานกัน ยอมจ่ายเงินหัวละ300-400บาท แต่อาหารเหล่านี้แม้จะให้คุณค่าทางโภชนาการ หรือน่าลิ้มลอง แต่ก็เป็นเพียงอาหารที่กินแล้วก็หิวอีก คือไม่ใช่อาหารแห่งจิตวิญญาณ ดังจะเห็นว่าคนรวย คนระดับไฮคลาสทั้งหลาย แม้เขาจะมีเงินมีเกียรติมีทรัพย์สินเงินตรา แต่เขาก็ไม่อิ่มใจ
ข. เราเป็นอาหารแห่งชีวิต
มีเพียงผู้เดียวที่ตรัสว่า เราคืออาหารแห่งชีวิต ผู้ที่เข้ามาหาพระองค์เขาจะไม่กระหายอีกเลย ความหมายคือว่า หากใครก็ตามที่ไปหาพระอื่นแล้วไม่อิ่มใจ และจะไม่พบความสมหวัง จงมาหาพระเจ้าเที่ยงแท้ที่ประทานความอิ่มใจให้ได้ และอีกใจความหนึ่งคือ คนในสมัยนั้นยากจนและลำบาก คนจนก็เสาะหาที่ดีกว่า หาอาหารที่ให้อิ่มท้อง และพระเยซูก็ทรงเลี้ยงผู้คน 5000คนด้วยขนมปัง5ก้อนกับปลา2ตัว และอาหารก็เหลือ ยน6:13 จึงทำให้ผู้คนตามหาพระเยซูเพื่อที่จะได้กินอิ่มฝ่ายร่างกาย แต่พระองค์กำลังตรัสแก่เขาว่า อย่าเสาะหาอาหารฝ่ายร่างกายที่กินแล้วก็หิวอีก แต่จงมารับเอาอาหารฝ่ายวิญญาณที่พระองค์จะมอบให้คือ ชีวิตนิรันดร คำสอน หรือบทเรียนฝ่ายวิญญาณคือ :
1.บางทีวันนี้เราก็เป็นเช่นเดียวกันกับคนสมัยนั้น เราตามพระเจ้าเพื่ออะไร บางคนเป็นคริสเตียนเพราะหายโรค การอัศจรรย์ เพราะพระเจ้าคือผู้เลี้ยงที่ดี เพราะเบื่อศาสนาเดิม เพราะเพื่อน หรือเพราะดารา นั่นไม่ใช่เหตุผลที่พระเจ้าพอพระทัย
2.ชีวิตของเราปักใจอยู่กับสิ่งของอนิจจังในโลกนี้เกินไป เราหลงผิดคิดกันเหมือนๆกันว่า โลกนี้คือสิ่งยั่งยืนถาวร แต่หารู้ไม่ว่าเราอยู่ไม่เกิน 20000 บาท ซึ่งถือว่าสั้นมาก แต่ชีวิตของเรากลับสาระวนกับงาน งานและภารกิจต่างๆ จนบางทีลืมไปว่า จิตวิญญาณของเราต้องการพระเจ้า ต้องการได้พักใจพักกายกับพระเจ้าด้วย
ดังนั้นเอง พระเยซูจึงตรัสว่า เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว ผู้ที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย พระประสงค์ของพระเจ้าคือให้เราทุกคนอิ่มเอมใจ มีสันติสุขแท้ นั้นนั้นเราจะเห็นว่าแม้ว่าชีวิตในโลกนี้เราอาจจะทุกข์บ้างสุขบ้าง แต่เราก็มีความสุขใจ
ประการที่ 2 ไม่ทิ้งเขาเลย ยน 6:37
ชมภาพใน MV เรื่องราวของแมวที่ช่วยเพื่อนถูกรถชน เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรา เพราะปัจจุบันนี้เราเห็นแต่ผู้คนต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างเห็นประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง จนกระทั่งทำให้หลายคนมองไม่เห็นความต้องการของคนอื่นๆ
แต่เมื่อเรากลับมาอ่านพระคัมภีร์ ยน6:37 พระเยซูคริสต์ตรัสว่า สารพัดสิ่งที่พระบิดาเจ้าประทานให้พระบุตรคือพระเยซู มธ28:18 วว1.4-5,18 บทที่ 7.15-17 ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของสารพัดสิ่งที่พระบุตรมี ดังนั้นการที่เราเข้ามาพึ่งใบบุญพระเยซู จึงไม่เสียเปล่าประโยชน์เลย และที่สำคัญทรงตรัสสัญญาว่า ผู้ใดก็ตามที่เดินมาหาพระองค์ พระองค์ไม่ทิ้งเขาเลย หมายความว่ามีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ แม้ว่าขณะที่อยู่ในโลกนี้ วันนี้เราอาจจะถูกลืม ถูกทิ้ง คนไม่ได้เห็นสิ่งดีที่เราทำไป เราอาจจะไม่ได้เป็นคนสำคัญๆอะไรอีกแล้ว แต่อย่าลืมพระเจ้าไม่ได้มองเราเช่นนั้น เราทุกคนสำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า
เช่นเดียวกัน เมื่อพระเยซูไม่ทิ้งเรา แม้เราจะดีบ้างไม่ดีก็มากมาย เราก็อย่าทิ้งกันและกันไป ในคริสตจักรทุกคนสำคัญในสายพระเนตรของพระเจ้า เราไม่ใช่ดอกไม้ประดับ เราจะต้องเห็นคนอื่นมีคุณค่าด้วย และอดทนต่อซึ่งกันและกัน อธิษฐานเผื่อกัน ช่วยเหลือกันบ้างหากมีโอกาสทำได้ หนุนใจกันซึ่งมีหลายวิธีการที่เราจะสามารถทำได้ เช่นไปเยี่ยม ส่งSMSหนุนใจ โทรไปหนุนใจ ส่งการ์ดหนุนใจ นั่งคุยด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะเกิดขึ้นในคนของพระเจ้า ไม่ทอดทิ้งคนที่อ่อนแอกว่า ไม่ดูถูกคนอื่น มธ25:40 การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับท่านได้ทำให้กับพระองค์ด้วย
ประการที่ 3 การดูแลรักษาคน ยน 6:39
พระประสงค์ของพระบิดาที่ให้พระบุตรลงมาในโลกก็เพื่อว่าจะช่วยเหลือมนุษย์ไม่ให้เสียหรือเดินหลงทางหรือ หายไปแม้แต่คนเดียว พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้สูงมากๆคือการเฝ้ารักษามนุษย์ที่ทรงเลือกสรรไว้ไม่ให้หลงหายไป เราได้เห็นแล้วว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคือปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด
ดังจะเห็นได้จาก การเตือนเราเมื่อเรามีอันตราย เตือนเราเมื่อตกอยู่ในการทดลอง ในบาปเสมือนปลิงที่ติดในลำคอของเรา ปกป้องเราไว้จากมารร้ายทุกอย่าง เพราะปกติมนุษย์เราทุกคนชอบดื้อแพ่งฝ่ายวิญญาณ บางครั้งเราก็เดินออกนอกเส้นทางของพระเจ้าบ่อยๆ
เราชอบที่จะสร่างบ้านไว้บนดินทรายเสมอๆ
เมื่อเราเห็นแล้วว่า พระบิดามีน้ำพระทัยที่จะให้เราทุกคนรอดปลอดภัย ไม่ต้องการที่เห็นใครบางคนที่พระเจ้าเลือกไว้เดินหลงทางไป เราเองก็ควรจะร่วมใจกันทำเช่นเดียวกับพระจ้าทำด้วยคือการ ( รักษาคนไว้ Keep คน ) ให้เขาได้เป็นคนนั้นด้วยที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันของพระเจ้า และได้รับชีวิตนิรันดร พร้อมกับพวกเรา
ประเด็นสำคัญคืออะไร ไม่ได้หมายความว่าเราจะสร้างอาณาจักรของตนเองในโลกนี้ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็อยู่เพียงแค่ 70 ปี- 90 ปี ก็ต้องจากโลกนี้ไปแล้ว แต่พระคัมภีร์สอนว่า บ้านถาวรของเราแท้จริงคือแผ่นดินสวรรค์ เรากำลังรักษาคนไว้เพื่ออะไร ก็เพื่อว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคนนั้นที่ได้มีชีวิตอมตะในสวรรค์ด้วย ได้อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า
ดังนั้นเองในวันนี้ เราต้องรู้และเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อเราจะสามารถมองเห็นว่า ทำไมพระองค์จึงทรงยอมสละชีวิตของพระองค์ มาตายรับโทษบาปผิดแทนมนุษย์ ก็เพราะว่าพระทัยอันประเสริฐของพระเจ้าคือไม่อยากเห็นคนตกในบึงไฟนรกหมกไหม้ แต่ปรารถนาที่จะให้ทุกๆคนได้รับชีวิตนิรันดรในสวรรค์ ที่นั่นจะเป็นเหมือนงานเลี้ยงใหญ่ (งานสมรสใหญ่) เจ้าสาวของพระองค์ก็คือคริสตจักร เจ้าบ่าวคือพระคริสค์ ที่นั่นเราจะหลุดจากสภาพความทุกข์ยากลำบากต่างๆดังในโลกนี้ที่เราเผชิญอยู่ ซึ่งเราไม่ต้องเผชิญเห็นการเกิด เห็นการเจ็บทรมาน เห็นการแก่ชราภาพ เห็นการพลัดพรากจากกันด้วยความตายอีกเลย
ดังนั้นเอง...หน้าที่ของเราในฐานะคนที่เชื่อในพระเจ้า คนของพระเจ้า เราควรจะมีชีวิตตอบสนองน้ำพระทัยพระเจ้าอย่างไร ? ให้เราห่วงใยกัน ดูแลซึ่งกันและกัน และขณะเดียวกันให้เรามองหาช่องทางที่จะประกาศข่าวประเสริบเป็นพยาน นำพาคนกลับใจมาหาพระเจ้า ทำงานของพระเจ้าด้วย อย่าให้เราหมกมุ่นกับงานธุรกิจของเราจนลืมเพื่อน ลืมคนที่เรารู้จักโดยไม่ได้บอกเรื่องพระเจ้าแก่เขา และเมื่อเรามีกันถึงแม้จะน้อยคนก็อย่าลืมที่จะดูแลรักษากันไว้ จนกว่าเราจะได้ชีวิตนิรันดร ได้เป็นคนหนึ่งที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และเข้าสู่ชีวิตนิรันดรด้วย