เรื่อง คริสต์มาสมหัศจรรย์ อสย 9.1-7
เรื่อง คริสต์มาสมหัศจรรย์ อสย 9.1-7
หลายคนเคยร่วมฉลองคริสต์มาสมาก็หลายครั้ง แต่ความหมายที่แท้จริงกลับไม่ทราบ คริสต์มาสไม่ใช่วันขึ้นปีใหม่ฝรั่ง ไม่ใช่วันเกิดซานต้า คริสต์มาสถูกกำหนดให้เป็นวันสำคัญของโลก โลกได้เปลี่ยนมานับปีศักราชใหม่โดยเริ่มจากพระเยซูคริสต์ แม้จะไม่มีใครทราบวันที่แน่นอนของวันประสูติ แต่คริสต์มาสได้เริ่มจากพระเจ้า
คำถาม.... ทำไมต้องมีคริสต์มาส ? คริสต์มาสมหัศจรรย์อย่างไรบ้าง ?
ชมวีดีโอเรื่อง ตราชั่งความดี ......
วีดีโอนี้ทำให้เราได้เห็นว่า แม้มนุษย์จะเพียรพยายามทำความดีสักเท่าไร แต่มนุษย์ก็ยังขาดจากมาตรฐานของพระเจ้า หากอาศัยความดีของมนุษย์จะไม่มีสักคนเดียวรอดบาปและขึ้นสวรรค์ได้เลย ชีวิตของมนุษย์ก็ยังวนเวียนอยู่กับกฎแห่งกรรม ( เกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า ขณะเดียวกันก็สร้างกรรมใหม่ขึ้นอีก) ทำดีๆๆ แต่ทำชั่วครั้งเดียวก็ล้มเหลว.... เหมือนน้ำแก้วหนึ่งที่สะอาดดีแต่เจือด้วยยาพิษ พระเจ้าเสียพระทัยเพียงใดต่อมนุษย์ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างมา อสย1.2-6
จึงทำให้มนุษย์เสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า เค้าความคิดของมนุษย์จึงเปลี่ยนแปลงไปจากน้ำพระทัยแรกๆของพระเจ้า ในมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความโกรธ ความหลง ความชั่วร้าย การอิจฉาริษยา การขัดเคียงกัน การทะเลาะกัน การแบ่งแยกขั้วเลือกฝ่าย กลายเป็นศัตรูกันเอง (พี่น้องคานตามกันมาจากแม่เดียวกันยังฆ่ากันได้ สามีภรรยารักกันมาก แต่สุดท้ายก็ยังฆ่าแกงกันลงคอ )
มนุษย์จึงอ่อนแอและขาดกำลังที่จะทำดีได้สม่ำเสมอ “ ชั่วดีกูรู้ แต่กูทำไม่ได้” สิ่งที่ไม่ทำก็ทำไปได้ สิ่งดีที่อยากทำแต่กลับทำไม่ได้ มนุษย์ได้ทำบาปต่อกันยังไม่พอยังทำบาปผิดต่อพระเจ้า ทำอะไรบ้าง ?
เช่น - ประกาศว่ามนุษย์มาจากลิงไม่ใช่จากการทรงสร้าง เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระเจ้าอย่างมหันต์
- พระเจ้าทรงสร้างเพศชาย-หญิง แต่ปัจจุบันมีเพศที่3 และยอมรับกันว่าชอบธรรมด้วย มีกฎหมายรับรอง
- พระเจ้าห้ามล่วงประเวณี แต่ปัจจุบันมีการทำแท้งมากมาย ตัวอย่าง ทำแท้งทิ้ง 2002ศพ ที่วัดไผ่เงิน
- พระเจ้าห้ามฆ่าคน แต่คนยุคนี้มีการฆ่าคนอื่นเหมือนของเล่นๆ มีวิธีการที่โหดเหี้ยม อมหิต
- อารมณ์ของคนยุคนี้สั้นๆ ปฏิบัติตัวต่อกันเหมือนสัตว์ร้าย (เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี เห็นผีเป็นพระเจ้า เห็นเหล้าเป็นโอวัลติน)
เพราะความบาปผิดของมนุษย์ตั้งแต่อาดัมเอวา จนกระทั่งปัจจุบันดึงให้จ่มลงในบาปหนายิ่งขึ้น ทำให้ขาดสันติสุขและเสื่อมไปจากพระสิริของพระเจ้า มีทุกข์ ชีวิตเจอปัญหา แม้จะมีเงินทองทรัพย์สินมากมายกองท่วมหัว แต่มนุษย์ก็ยังขาดสันติสุข แม้ว่าจะมีเตียงราคาเป็นแสนเป็นล้าน มีรถคันเป็น10ล้าน มีบ้านราคาเป็น100 ล้าน แต่ใช่ว่าจะเป็นหลักประกันว่าเขาจะมีความสุขได้
ตัวอย่างเรื่องขำขัน : มีคนเล่ากันว่าเป็นภาคที่มีความทุกข์กว่าภาคใดๆนั่นก็คือภาคอิสาน สังเกตจากไหน ( ตอนเช้า-มื้อเศร้า พอเย็นลงก็บอกว่า มื้อแล้ง ถามว่าอร่อยไหม?ก็ตอบว่า แสบๆๆ เวลาร้องเพลงก็โอดครวญ...โอ๊ย...ด้วยความเจ็บปวด และขนาดร้องเพลงก็ยังปิดหูตัวเองไม่อยากฟังเสียงตัวเอง ) ..... ฮาๆๆๆ
พระเจ้าพระผู้สร้างทรงเห็นทุกสิ่งที่มนุษย์เผชิญอยู่ในบาป และความทุกข์ยากในจิตใจ จึงเสาะหาวิธีการต่างๆ เช่นลงผู้นำศาสนาลงมาเกิดเพื่อนำเขาให้หันกลับใจมาหาพระเจ้า ให้เขาเรียนรู้ถึงกฎศีลธรรม มีศาสนา แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ทำไม่ได้ ไม่ต้องบอกว่าศีล5ข้อ 1ข้อก็ยังทำไม่ได้ จนกระทั่งพระเจ้าตัดสินใจว่าจะส่งพระเยซูลงมาบังเกิดในโลกนี้ เพื่อกระทำ 3 ประการ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงมีวันคริสต์มาส สิ่งนั้นก็คือ
1.เพื่อช่วยให้รอดถึงสวรรค์
ยน 3.16 พระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรลงมา เพื่อทุกคนที่วางใจจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
โดยการส่งพระเยซูมาเพื่อรับโทษบาปแทนมนุษย์ เพราะมนุษย์เป็นคนบาปจึงทำบาป ( แม้มนุษย์จะไม่มีโรงเรียนสอน ทำบาป ไม่มีสาขาบาปศาสตร์แต่มนุษย์ก็ทำบาปเป็นเองได้)
ดังนั้น หากอาศัยแรงกำลัง วิธีการของมนุษย์ก็หมดหนทาง และเราก็อ่อนกำลัง โดยการนี้พระเจ้าจึงส่งพระเยซูเสด็จลงมาเพื่อไถ่บาป คำว่าเยซูก็มีความหมายว่า พระผู้ช่วย พระรอด หลักการของพระเจ้าในสวรรค์ก็คือว่า เพียงยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระเจ้า ทรงมาเพื่อไถ่บาปเราก็จะมีสิทธิ์เป็นบุตรของพระเจ้า ไม่ต้องตกในบึงไฟ
( ลูกถึงแม้จะทำตัวแย่แค่ไหน ลุกก็ยังเป็นลูก ยังมีสิทธิ์ลูก ซึ่งต่างกับคนนอก แม้จะน่ารักแค่ไหน เขาก็ไม่ได้รับสิทธิ์ของเจ้านาย เพราะเขาเป็นเพียงลูกน้อง) หลักการไปสวรรค์ไม่ได้วัดจากการทำความดีเป็นหลัก แต่วัดจากศรัทธาในพระเจ้า หลายคนจะเดินทางไปต่างประเทศกับเพื่อนๆ แต่ดันไม่ทำหนังสือเดินทางไว้ก่อน ไม่ได้รับวีซ่าให้อยู่ต่างแดนได้ การเดินทางก็ไม่มี และไม่มีสิทธิที่จะอยู่อาศัย เช่นเดียวกัน...ในสวรรค์ท่านจะต้องเตรียมหนังสือผ่านแดนก่อน คือการเปิดจิตใจยอมรับกฎเกณฑ์จากสวรรค์ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีวันคริสต์มาส เพราะคริสต์มาสคือวันที่พระเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์เกิดเป็นพระเจ้า ( เป็นไปไม่ได้เลย)
2.ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต
หลังจากที่พระเยซูบังเกิดโลกนี้ก็เปลี่ยนแปลงใหญ่ มีการเริ่มนับศักราชใหม่เรียกว่า คริสต์ศักราช (เริ่มนับจากชีวิตพระเยซู) อสย 9.1-2 เมืองนั้นจะไม่อยู่ในความแสนระทม จะไม่กลัดกลุ่ม จะไม่เป็นที่ดูหมิ่นอีกต่อไป แต่พระเจ้าจะให้เกิดความรุ่งโรจน์ มีสง่าราศีใหม่อีกครั้ง ( นี่คือถ้อยคำแห่งความหวัง)
-เมืองนั้นหมายถึงเมืองอะไร? คือเมืองเบธเลเฮ็ม ในสายตาของนักปกครองประเทศเขาเห็นว่า เป็นเมืองเล็กๆไม่มีใครรู้จัก ไม่เจริญ ไม่ได้ศรีวิไล ผู้คนเต็มไปด้วยความแสนระทม กลัดกลุ้ม เป็นที่ดูถูกดูหมิ่น แต่พระเจ้าตรัสว่าต่อไปภายภาคหน้าเมืองนั้นจะไม่อยู่ในความแสนระทม จะไม่กลัดกลุ้ม จะไม่เป็นที่ดูหมิ่นอีกต่อไป แต่พระเจ้าจะให้เกิดความรุ่งโรจน์ มีสง่าราศีใหม่อีกครั้ง
บทเรียนข้อคิด ชีวิตของคุณในสายตาของคนอื่นอาจจะเล็กน้อย ไม่มีชาติตระกูล ไม่มีฐานะสูง ไม่ได้เรียนจบสถาบันดังๆ ไม่เก่งอะไรเลย อาจจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ คนดูถูก แต่พระเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงให้ท่านพบความสำเร็จได้ คริสตจักรวันนี้อาจจะเล็กๆในสายตาของคนอื่นๆ จำนวนคนก็ไม่มาก เงินถวายก็อาจจะน้อย แต่พระเจ้าสามารถอวยพระพรให้เติบโตขึ้นได้ ทรงตั้งต้นการดีในพวกท่านแล้วจะทรงกระทำให้สำเร็จ ไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทำไม่ได้....บุคคลต่างๆในพระคัมภีร์เมื่อเขาได้รู้จักกับพระเยซูคริสต์แล้ว ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
- หญิงที่โลหิตตกมา 12 ปี เมื่อนางแตะพระองค์ รอบเดือนที่ไหลมา 12ปีเต็มก็หยุดหายปกติดี
- คนเก็บภาษีขี้โกง เมื่อเขาได้พบกับพระเยซูคริสต์ ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป คืนทรัพย์สินที่โกงมา
- ตัวอย่าง : ประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ อเมริกา เจริญเร็วมากเพราะประเทศเหล่านี้ได้เปิดประเทศให้ข่าวดี
- ตัวอย่าง : ศิลปิน นักการเมือง นักธุรกิจต่างๆ หลังจากที่เขาได้พบกับพระเจ้า ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป
ทูตสวรรค์ก็ได้บอกกับคนเลี้ยงแกะว่า อย่าตกใจเลยเพราะวันนี้เรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย ลก 2:10 เช่นเดียวกันวันนี้ขอพี่น้องอย่าตกใจกลัว แต่จงทราบว่านี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องมีคริสต์มาส เพราะคริสต์มาสเป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์มาสู่ท่าน และข้าพเจ้า นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โลก มาสู่สังคม ชุมชน ใครก็ตามที่ได้พบกับพระเยซูคริสต์ชีวิตจึงเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น วันนี้ท่านอยากให้คริสต์มาสของพระเจ้าเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้นไหม ? หากท่านพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามเปลี่ยนแปลงคู่รักไม่สำเร็จ จงให้พระเจ้าเปลี่ยน
3.เพื่อประทานสันติสุขแท้ให้มนุษย์ สว่างจะส่องมาบนเขา อสย9.2
ความมืดบ่งบอกถึงชีวิตมืดมน ไร้หนทางออก เต็มไปด้วยอันตรายน่ากลัว บางครั้งเล็งถึงความตาย ความชั่วร้าย ชีวิตของมนุษย์ทุกคนอยู่ในความมืดมาตลอด ศาสนาทุกศาสนาก็มุ่งสอนให้คนทำการดี แต่คนก็ยังอ่อนแอ มนุษย์เดินหลงทางในความมืด สิ่งที่คนกำลังอยู่ในความมืดต้องการที่สุดคือแสงสว่างส่องนำทาง
ยอห์น 8:12. อีกครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า"เราเป็นความสว่างของโลกผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืดแต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต" พระเยซูทรงบังเกิดเพื่อนำความสว่างส่องไม่ให้เราหลงทางผิดอีกต่อไป ไม่ต้องเผชิญกับอันตรายของชาติหน้าอีกต่อไป ไม่เพียงพระองค์เป็นความสว่างเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงให้เราเป็นความสว่างส่องไปยังสังคม ชุมชนอีกด้วย ลำพังตัวเราเองไม่มีแสงในตัวเหมือนดวงจันทร์ แต่ที่เราส่องสว่างได้เพราะเรารับแสงจากพระเยซู ทรงเพิ่มความชื่นบานของเขา อสย9.3-4 สภาพความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่มีพระเจ้า จะมีความสุขสันติสุขที่ไม่เหมือนโลกนี้ให้ ชีวิตจะเต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดีออกมา ยน 14.27 ( ไม่ต้องปั้นหน้า ) โดยมีภาพความชื่นบานของคน 3 กลุ่ม
3.1 เหมือนชาวนา ชื่นบานเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้มากมาย หลังจากที่ตรากตรำทำงาน
3.2 เหมือนนักรบ ที่กลับมาพร้อมชนะในสงคราม และริบยึดของมาแจกจ่ายกัน
3.3 เหมือนคนที่แบกภาระหนัก ข้อ 4 แอกที่เป็นภาระหนักนั้นได้รับการปลดแอกโดยพระเจ้าแล้ว
มัทธิว11:28.บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเราและเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
มีพระเยซูผู้เดียวที่กล้าตรัสกับมนุษย์ทุกคนว่า บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาหาเรา ดังนั้นไม่ว่าคุณและผมจะอยู่ในสภาพใดๆ ใครไม่ได้สวมรองเท้าคู่เดียวกับเราย่อมไม่เข้าใจปัญหา ภาระอันหนักที่เราแบกไว้ แต่พระเจ้าทรงเมตตา ทรงรู้ว่าเราแบกภาระไม่ไหว จึงท้าทายว่าให้เรามาหาพระองค์ พระองค์จะปลดแอก ปลดภาระหนักให้เราเอา เพื่อให้เราเดินสะดวกได้ ทรงประทานแรงกำลังให้เราสามารถบินสูงเหมือนนกอินทรีย์ได้
ดังนั้นในวันนี้หากท่านมีปัญหาหนัก มีความทุกข์ใจ มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาในที่ทำงาน สับสนกับอนาคตของตนเอง จงมาหาพระเจ้าวันนี้ และนำเอาภาระที่แบกหนักของคุณนั้นวางภาระปัญหานั้นมอบแด่พระเจ้า พระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงคุณและผม จะช่วยปลดแอกที่แบกไว้ จะประทานสันติสุขให้ที่ไม่เหมือนความสุขที่โลกนี้มอบให้
นี่คือพระพร เป็นของขวัญในวันคริสต์มาส
ในโลกนี้เราไม่สามารถหาชีวิตที่มีความสุขครบสมบูรณ์ได้ ได้อย่างก็เสียอีกอย่าง บางคนมีครอบครัวน่ารักแต่ยากจน บางคนร่ำรวยแต่มีปัญหาครอบครัวเยอะ บางปีน้ำไม่มีเพียงพอ แต่บางปีก็น้ำมากเกินไปท่วมบ้านเรือนเสียหาย แม้เราจะมีบ้านหลังใหญ่โตมีเตียงนอนสวยหรูแต่กลับนอนหลับไม่อิ่มไม่สุขใจ มีแอร์เย็นช่ำแต่จิตใจก็ไม่เย็นสบายลง เรามีเครื่องมือสื่อสารไฮเทคแต่ก็ยังมีปัญหาในการพูดคุยสื่อสารกัน เรามีศาลพิจาณาคดีแต่ก็หาความยุติธรรมในโลกนี้ 100%ไม่ได้ เราปลุกใจสร้างสันติภาพโลกแต่สันติภาพก็ไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นชีวิตปราศจากพระเจ้าก็ไม่มีความหวังอันใด แม้ในโลกนี้เราจะมั่งมีมากมาย แต่หากไม่มีพระเจ้า ตายไปก็ไม่มีค่าอันใดเลย
พระเจ้าผู้อยู่เหนือโลกนี้ ทรงเห็นปัญหาทุกๆอย่าง ทรงรักและเข้าใจจึงได้ประทานเด็กน้อยคนหนึ่งนั่นหมายถึงพระเยซูคริสต์ เพื่อมาประทานชีวิตของพระองค์เป็นค่าไถ่ เพื่อให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์
มัทธิว20:28. บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติแต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขาและประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก"
สรุป อย่าลืมความหมายสาระสำคัญหัวใจของคริสต์มาส อย่าสนใจเพียงการตบแต่ง ต้นคริสต์มาส การร้องเพลง การจัดหาของขวัญให้ผู้ใหญ่โดยปราศจากความหมายแท้ ต้องตระหนักและซาบซึ้งถึงความรักของพระเจ้า อย่าทำให้คริสต์มาสเป็นเพียงแค่เทศกาลหนึ่ง ชีวิตคนที่มีพระเจ้าจะมีความสุข หากท่านยังไม่รู้จักพระเจ้ามาก่อน วันนี้ ท่านพร้อมหรือยังที่จะรับพร 3 ประการในวันคริสต์มาสมหัศจรรย์นี้