2012 ฤๅโลกาจะวินาศ? ความจริงหลังทฤษฎีวันสิ้นโลก
ที่มา : ไทยโพสต์ 1 มกราคม 2554 http://www.thaipost.net/news/010111/32291
หมู่บ้านบูการัชในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสกำลังต้อนรับบรรดาสาวกลัทธิมนุษย์ต่างดาวบุกโลกที่เชื่อว่าหมู่บ้านอันงดงามดั่งภาพวาดแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวในโลกที่จะรอดพ้นจากวันโลกาวินาศในปี2012 ได้ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษนำเราไปสำรวจข้อเท็จจริงและเรื่องแต่งที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์วันสิ้นโลกที่มีการกล่าวขวัญถึงกันมากที่สุด
1. มนุษย์ต่างดาวบุก หรือรัฐบาลยืนยันการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกนับแต่ เอช. จี. เวลส์ เขียนหนังสือ War of the Worlds เมื่อปี ค.ศ.1898 ประเด็นเอเลียนบุกโลกถูกกล่าวถึงในหน้าหนังสือนิยายเรื่องเยี่ยมมากมายความหวาดกลัวเรื่องการถูกโจมตีโดยพวกมนุษย์ดาวอังคาร,สปีชีส์จากนอกกาแล็กซีหรือสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นก็มีขึ้นมีลงไปตามภาวะความวิตกจริตของผู้คนบนโลกใบนี้
พวกนักวิจัยพบว่าความหวาดกลัวการถูกมนุษย์ต่างดาวโจมตีมีแนวโน้มจะสูงไปตามความหวาดกลัวภัยคุกคามจากสัตว์บนโลกบรรดาสาวกลัทธินี้อ้างหลักฐานจำนวนการพบเห็นยูเอฟโอกันมากขึ้น,คำกล่าวขวัญถึงจานบินตกที่รอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อปี 1947และภาพถ่ายกับวิดีโอยานประหลาดบนท้องฟ้าซึ่งหลายชิ้นดูน่าเชื่อถือว่าแสดงถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นข้อพิสูจน์ : ภาพถ่าย, วิดีโอ,เอกสารที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการที่พิสูจน์ว่ารัฐบาลทั่วโลกได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของยูเอฟโอมานานกว่า50 ปี คำบอกเล่าของผู้ที่โดนลักพาตัวและคำกล่าวอ้างอื่นๆ
ของบรรดาผู้ที่เชื่อในทฤษฎีนี้แต่มีหลักฐานชิ้นไหนบ้างที่ชี้แนะว่ามนุษย์โลกจะตกอยู่ใต้การควบคุมของสิ่งมีชีวิตตัวสีเทาตาดำโตภายในอนาคตอย่าว่าแต่ในปี 2012 เลยความเป็นไปได้ : 0.1/10
2. ดาวนิบิรุหรือดาวเคราะห์ปริศนาพุ่งชนโลก
เว็บไซต์และห้องสนทนาออนไลน์นับหมื่นเสนอความเชื่อที่ว่า ช่วงปีแรกๆ
ของทศวรรษที่ 21
ดาวเคราะห์ที่เราไม่เคยค้นพบมาก่อนจะพุ่งชนโลกหรือเฉียดเข้าใกล้โลกมาก
และทำลายอารยธรรมหรือก่อมหันตภัยดาวเคราะห์ครั้งใหญ่
ส่วนตำนานเรื่องดาวนิบิรุนั้น เซซาเรีย ซิตชิน
เป็นผู้เสกสรรค์ขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1960
โดยเขาอ้างว่าดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ในระบบสุริยะแต่วงโคจรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้จะทำให้มันเข้ามาระบบสุริยะชั้นในทุกๆ
3,700 ปี ทว่าตัวซิตชินเองก็ไม่เคยพูดว่ามันเป็นภัยคุกคามโลก
ข้อพิสูจน์ : น้อยมาก บางคนอ้างแถลงการณ์ปี 2005 ขององค์การนาซา
ที่กล่าวถึงการค้นพบดาวเคราะห์ดวงที่ 10 ที่ชายขอบสุริยจักรวาลของเรา
และหลายคนคิดว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะเฉียดใกล้โลกในปี 2012
แต่ค่อนข้างแน่นอนว่าดาวเคราะห์ดวงที่ 10
ที่กล่าวถึงจะไม่โคจรเข้ามายังระบบสุริยะชั้นในของเรา
ความเป็นไปได้ : 0.2/10
3.มหันตภัยจากดวงอาทิตย์
ทฤษฎีนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เหตุการณ์วันสิ้นโลกซึ่งเชื่อมโยงกับการสิ้นสุดของปฏิทินมายาที่อาจตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์จริงๆ
ตามเหตุการณ์ที่เชื่อกันนี้
จะเกิดการลุกจ้าของดวงอาทิตย์หรือการปลดปล่อยก๊าซในระดับรุนแรงมากเข้ากวาดกลืนโลกในเดือนธันวาคม
2612 ทำให้มนุษยชาติและระบบนิเวศของโลกพังพินาศ
แต่ไม่เคยมีหลักฐานการเกิดมหันตภันเช่นนี้มาก่อนในอดีต
ข้อพิสูจน์ : อาจมีความสอดรับกันระหว่างวัฏจักรสุริยะ 11 ปี
และวัฏจักรเวลาในปฏิทินของชาวมายา แต่หลักฐานนี้ยังอ่อน
การลุกจ้าของดวงอาทิตย์แม้อาจสร้างปัญหาแก่โลกได้ เช่น
สร้างความเสียหายแก่ดาวเทียม ไฟฟ้าดับ
หรือทำให้นักบินอวกาศได้รับบาดเจ็บหากไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
แต่การลุกจ้าโดยตัวของมันเองไม่รุนแรงพอจะทำลายล้างโลกได้
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในปี แต่ในอนาคตอันไกลโพ้น
เมื่อดวงอาทิตย์ของเราหมดพลัง
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่ามันจะพองตัวเป็นดาวยักษ์แดงและเขมือบโลก
ทว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดอย่างเร็วก็ภายใน 5,000 ล้านปีนับจากนี้
ความเป็นไปได้ : 0.3/10
4.สนามแม่เหล็กโลกสลับขั้ว
มีคนจำนวนมากในกลุ่มสาวกทฤษฎีวันสิ้นโลกที่เชื่อว่าการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกใกล้จวนอุบัติขึ้นแล้ว
โลกจะหมุนรอบตัวเองในทิศตรงกันข้ามและก่อให้เกิดหายนภัยใหญ่หลวงตามมา
พวกเขาอ้างหลักฐานการสลับขั้วของโลกในอดีต
และบอกว่าสามารถคำนวณการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกได้ด้วยการศึกษาจุดดับบนดวงอาทิตย์หรือทฤษฎีสนามแม่เหล็ก
หลายคนเชื่อว่าชาวมายาและชาวอียิปต์โบราณพบหลักฐานว่าจะเกิดปรากฏการณ์นี้อีกในอนาคต
และรัฐบาลต่างๆ ในปัจจุบันพากันปิดความลับเรื่องนี้
ข้อพิสูจน์ : การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันและมหาวิทยาลัยพอลซาบาติเยร์ในฝรั่งเศส
บ่งชี้ว่าโลกเคยปรับสมดุลตัวเองเมื่อ 800 ล้านปีก่อน
พวกเขาศึกษาแร่แม่เหล็กในหินตะกอนที่นอร์เวย์และพบว่าขั้วโลกเหนือเลื่อนตำแหน่งมามากกว่า
50 องศา ในช่วงเวลา 20 ล้านปี
นักวิทยาศาสตร์รายอื่นๆ
ยังค้นพบว่าการเคลื่อนไหวตามฤดูกาลในเขตขั้วโลกทั้งสองกระทบต่อตำแหน่งของขั้วโลก
แต่ก็อีก นักวิทยาศาสตร์และ "พวกเชื่อโลกาวินาศ"
เห็นต่างกันสุดลิ่มเรื่องช่วงเวลาที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้
นักธรณีวิทยาคิดว่าถ้าโลกจะสลับขั้ว มันจะเกิดอย่างช้าๆ ในช่วงเวลา 1
ล้านปี แต่สาวกลัทธิโลกาวินาศเชื่อว่ามันจะเกิดในช่วงเวลาสั้นมาก
ความเป็นไปได้ : 1/10
5.ภูเขาไฟบรรลัยกัลป์
การปะทุของภูเขาไฟมหาประลัยจะยิ่งใหญ่กว่าการปะทุของภูเขาไฟทุกลูกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่
นักวิจัยเชื่อกันว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดเมื่อแมกมาหรือหินหนืดพุ่งสู่เปลือกโลกแต่ไม่อาจดันให้ปริแตกได้
ทำให้แรงดันถูกเก็บกดไว้ด้านในจนถึงจุดหนึ่งแมกมาก็จะระเบิดพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
ทำลายล้างแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล พวกที่เชื่อทฤษฎีนี้บอกว่า
การระเบิดจะทำให้เศษดินเศษหินนับล้านๆ ตันและก๊าซพิษพุ่งสู่ชั้นบรรยากาศ
ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง หรือเลวร้ายที่สุด
ก็จะกวาดล้างชีวิตในบางพื้นที่หรือทุกตารางนิ้วบนโลก
ข้อพิสูจน์ : หัวใจของความเชื่อดังกล่าวอยู่ที่แคลดีราหรือแอ่งยุบปากปล่องใต้อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนของสหรัฐ
ภาพถ่ายดาวเทียมช่วง 2-3
ปีที่ผ่านมาเผยถึงการเปลี่ยนแปลงในการเคลื่อนที่ของหินหลอม 10
ไมล์ใต้พื้นผิว แต่ก็ไม่มีใครรู้แน่ว่าแคลดีรานี้จะระเบิดออกหรือไม่
หรือถ้ามันเกิด จะเกิดเมื่อใด
ความเป็นไปได้ : 1/10
6. สงครามโลกครั้งที่ 3
เกือบทันทีที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง
และเกิดการคุมเชิงกันระหว่างสัมพันธมิตรในโลกตะวันตกกับค่ายคอมมิวนิสต์ตะวันออกในยุโรป
ก็มีความหวั่นวิตกขึ้นอีกว่าโลกจะตกอยู่ในกลียุคแห่งสงครามครั้งใหม่
เมื่อรัสเซียได้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของตน 2 ปีให้หลัง
การแข่งขันด้านอาวุธระหว่างสองค่ายเปิดฉาก
และมาถึงขีดสุดระหว่างวิกฤติมิสไซล์คิวบาเมื่อร่ำๆ
จะเกิดสงครามนิวเคลียร์เต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐกับสหภาพโซเวียต
การสร้างสมอาวุธดำเนินเรื่อยมาจากทศวรรษ 1970 ถึงยุค 1980
กระทั่งรัฐบาลสหรัฐและโซเวียตติดตั้งฮอตไลน์และมีสนธิสัญญาควบคุมอาวุธ
ช่วยลดภัยคุกคามของอุบัติเหตุสงครามนิวเคลียร์ลงได้
ภัยคุกคามนี้คลายลงหลังสหภาพโซเวียตล่มสายในทศวรรษ 1990
แต่บางคนยังเชื่อว่า "เกมสงคราม"
ล่าสุดระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้จะเป็นชนวนสงครามโลกครั้งใหม่
ข้อพิสูจน์ : ความหวาดกลัวสงครามนิวเคลียร์ยุคปัจจุบันมีศูนย์กลางอยู่ที่การผงาดของจีน
และท่าทีของสหรัฐ รวมถึงความเป็นไปได้ที่สงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน
หรือเกาหลีเหนือ-ใต้ จะขยายเป็นความขัดแย้งระดับโลก
ความเป็นไปได้ : 1.5/10
7.การก่อการร้ายทำลายล้างประชากร
ภายหลังวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ที่คร่าชีวิตผู้คนร่วม 3,000
รายในนิวยอร์ก รัฐบาลสหรัฐชักเกรงกลัว่ากลุ่มอัลกออิดะห์หรือเครือข่ายก่อการร้ายอื่นๆ
จะครอบครองอาวุธมหาประลัยและระเบิดทำลายล้างเมืองใหญ่ในโลกตะวันตก
หรือโจมตีด้วยอาวุธเคมีชีวภาพ
คำแถลงของรัฐบาลต่างถึงภัยคุกคามนี้แทบไม่ช่วยคลายความกังวล
แถมรัฐบาลอังกฤษและสหรัฐยังช่วยกันประโคมความเสี่ยงที่กลุ่มก่อการร้ายอาจใช้ระเบิดนิวเคลียร์โจมตีนครใหญ่
ข้อพิสูจน์ : อุซามะห์ บิน ลาดิน นายใหญ่อัลกออิดะห์เคยประกาศก้องเมื่อ
2 ปีก่อนว่ากลุ่มของตนมีวัสดุนิวเคลียร์หลายชิ้น แต่จะใช้เพื่อการ
"ป้องปราม" เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับระเบิดนิวเคลียร์ "หลุด"
หลายลูกของอดีตสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กที่พกพาได้
แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าอัลกออิดะห์หรือกลุ่มใดมีอาวุธนิวเคลียร์
ส่วนความพยายามของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในอังกฤษที่จะสร้างสารทำลายประสาทหรืออาวุธชีวภาพก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
กระนั้น ความกังวลปัจจุบันทุ่มน้ำหนักอยู่ที่ความไร้เสถียรภาพของปากีสถาน
ซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง
โดยเกรงกันว่าอาวุธนิวเคลียร์อาจตกอยู่ในมือตอลิบันหรืออัลกออิดะห์หากพวกเขาโค่นรัฐบาลปากีสถานได้
ความเป็นไปได้ : 2/10
8.การผลิตน้ำมันของโลกถึงจุดสูงสุด
เป็นความจริงที่ปริมาณน้ำมันสำรองของโลกกำลังลดลง
แต่ทฤษฎีนี้หัวใจหลักขึ้นกับอุปสงค์-อุปทาน
และหลักอ้างอิงที่ว่าอุปสงค์ล้ำหน้าอุปทาน
บางคนเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นแล้ว
แต่หลายคนเชื่อว่ามันน่าจะเกิดช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปัจจุบันถึงปี 2020
สาวกลัทธิโลกาวินาศเชื่อมโยงภาวะการผลิตน้ำมันถึงขีดสุดกับปฏิทินมายา
ในปี 2012 เมื่อน้ำมันขาดแคลนทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงทั่วโลกในภาคเศรษฐกิจ
การเกษตร การผลิตอุตสาหกรรมที่ต่างต้องพึ่งพาน้ำมัน
ผลพวงดังกล่าวจะถึงทำให้ระเบียบสังคมล่มสลาย ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรง
ข้อพิสูจน์ : การผลิตน้ำมันถึงจุดสูงสุดย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ยังเกิดคำถามใหญ่ 2 ข้อ ว่าเมื่อใด
และโลกจะพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทนได้ทันหรือไม่
ความเป็นไปได้ : 4/10
9.นิคมผึ้งล่มสลาย
เมื่อฤดูหนาวปี 2008 เกิดปรากฏการณ์การล่มสลายของนิคมผึ้ง
กับรังผึ้งเลี้ยงเกินกว่า 1 ใน 3 ในสหรัฐ
ภาวะดังกล่าวคือการที่ผึ้งงานในรังแห่กันตายอย่างฉับพลัน เหลือแต่นางพญา
ปรากฏการณ์นี้ลามไปยังหลายประเทศในยุโรป ทั้ง ฝรั่งเศส, เบลเยียม,
อิตาลี, โปรตุเกส และสเปน มีการระบุถึงสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ปรสิต
ยาฆ่าแมลง โรค สภาวะโลกร้อน และคลื่นจากโทรศัพท์มือถือ
แต่ยังไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง
และยังไม่พบทางแก้เช่นกัน การพบปรากฏการณ์นี้ในประเทศใหม่ๆ เพิ่มอีก
ก็มีความเป็นไปได้ที่มันระบาดลุกลามไปทั่วโลกและอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ของนิคมผึ้งได้
ข้อพิสูจน์ : หากไม่มีผึ้ง
พืชพรรณหลายชนิดที่สำคัญต่อการดำรงชีพของมนุษย์อาจหมดสิ้นไปด้วย ไม่ว่า
ถั่วเหลือง, ฝ้าย, ผักตระกูลกะหล่ำ, ถั่วหลายชนิด, องุ่น, ทานตะวัน
อาหารของโลกทุกวันนี้เกือบ 1 ใน 3 เป็นผลงานของผึ้ง
และถ้าพวกมันสูญพันธุ์จริง จะเกิดการขาดแคลนอาหารขั้นร้ายแรง
และเกิดทุพภิกขภัย ความรุนแรงและจลาจลตามมาแน่นอน
ความเป็นไปได้ : 7/10
10. สภาพแวดล้อมพังทลาย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือปัญหาโลกร้อนเพราะน้ำมือมนุษย์เป็นคาถาประจำโลกยุคปัจจุบัน
มิต้องสงสัยเลยว่าสภาพแวดล้อมของโลกเราย่ำแย่ลง เพราะการกระทำของมนุษย์
ที่ได้ก่อมลภาวะ ทำให้ดินเสื่อม และทำลายชั้นโอโซนมานานหลายทศวรรษ
แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มที่เชื่อว่าโลกร้อนเป็นแค่ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดของพวกเสรีนิยม
และที่จริงแล้วโลกเย็นลงด้วยซ้ำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ข้อพิสูจน์ : มีนักวิทยาศาสตร์ 2-3
คนแย้งว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 1 ศตวรรษแล้ว
ยังไม่รวมเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับรายงานของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(ไอพีซีซี) ที่เรียกกันว่า "ไคลเมตเกต"
ซึ่งเปิดโปงว่านักวิทยาศาสตร์ปั้นแต่งข้อมูลโลกร้อนเกินความเป็นจริง
ความเป็นไปได้ : 7/10