การคำนวนวันอีสเตอร์ และความหมายของอีสเตอร์
ที่มา : www.wangtham.org
วันอีสเตอร์ คือวันระลึกถึงวันเป็นขึ้นมาจากความตาย
ขององค์พระเยซูคริสต์
ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ คำว่า "อีสเตอร์" ที่นำ
มาใช้สำหรับการฉลองนั้นมาจากคำว่า
"EOSTRE" ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดู
ใบไม้ผลิตของพวกทูโทนิคเป็นเทพเจ้าแห่ง
การฟื้นคืนชีพ เพราะก่อนถึงฤดูนี้ ต้นไม้
ใบหญ้า ดอกร่วงหล่นเหลือแต่ซาก พอถึง
ฤดูใบไม้ผลิมันจะกลับผลิดอกออกใบมีชีวิต
ชีวาอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นฤดูใบไม้ผลิ จึงถูก
นำมาเปรียบกับการเป็นขึ้นมาจากความ
ตายของพระเยซูด้วย จึงเรียกวันนี้ว่า "อีสเตอร์
วันอีสเตอร์ คือวันระลึกถึงวันเป็นขึ้นมา
สมัยก่อน คริสตจักรต่างๆจัดฉลองวันอีสเตอร์ในวันอาทิตย์ที่
ไม่ตรงกันจนถึงปี ค.ศ.325 สภาไนเซียหรือสภาผู้นำคริสตจักร
ทั่วโลกได้ประชุม และมีมติให้กำหนดแน่นอนให้คริสตจักรทั่วโลก
ฉลองเทศกาลอีสเตอร์ให้ตรงกัน _โดยกำหนดวันอีสเตอร์คำนวน
ตามระบบจันทรคติทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้การฉลองวันที่พระเยซู
ูเป็นขึ้นมาจากความตาย ตรงกับเหตุการณ์ในครั้งแรกจริงๆ
การฉลองวันอีสเตอร์ __โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่เช้ามืดของวัน
อาทิตย์ คริสตชนจะไปรวมตัวกันที่โบสถ์ หรือที่สุสาน หรือในทุ่ง
กว้าง หรือตามป่าเขา _ร้องเพลงนมัสการพระเจ้าตั้งแต่ยังมืดอยู่
พอดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากขอบฟ้าเสียงเพลง"เป็นขึ้นแล้ว"
ก็จะดังกระหึ่มขึ้นเขาจะร้องเพลง อธิษฐานโมทนาพระคุณพระเจ้า
และสรรเสริญพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้มีชัยชนะเหนือ
ความตาย และทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ หลังจากนั้นก็ บรรยาย
ถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์หนุนใจให้คริสต
ชนดำเนินชีวิตอย่างมีชัย เหนือความบาป และความตายยืนหยัด
อยู่ในความเชื่อศรัทธาที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จากนั้นส่วนใหญ่
ก็จะรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน เสร็จแล้วบางแห่งก็จะมีการเล่น
เกมส์สนุกๆ หลายแห่งนิยมเอาไข่มาระบายสีต่างๆ ให้ดูสวยงาม
และนำไปซ่อนให้เด็กๆ หรือหนุ่มสาวค้นหาอย่างสนุกสนาน คนโบ
ราณในประเทศตะวันตกเชื่อกันว่าไข่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเพราะ
กำลังจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้น จึงได้มีการใช้ไข่เป็นสัญลักษณ์ของวัน
อีสเตอร์ด้วยดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่
หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์
คริสเตียนถือว่า วันที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความ
ตาย เป็นวันที่สำคัญที่สุด เป็นหัวใจของข่าวประเสริฐ _เพราะถ้า
ไม่มีวันอีสเตอร์ วันคริสตมาสหรือวันศุกร์ประเสริฐ _ก็ไม่มีความ
หมาย เพราะถ้าพระเยซูเสด็จมาเกิด_ และสิ้นพระชนม์โดยไม่ได้
เป็นขึ้นมาใหม่ พระองค์ก็จะเป็นพระเจ้าที่ตายแล้ว__ ไม่สามารถ
ช่วยเราได้ แต่เมื่อพระองค์ได้ชัยชนะเหนือความตาย _บรรดาผู้
เชื่อจึงมีความหวังที่แน่นอน ที่จะเป็นขึ้นจากความตาย _มีชีวิต
นิรันดร์ในสวรรค์สถานกับพระเจ้า ได้มีความมั่นใจในชีวิตนิรันดร์
หลังความตาย สิ่งนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ว่า __หลังจาก
พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย _พระองค์ได้ไปปรากฏใน
ที่ต่างๆ หลายแห่ง ท่ามกลางสาวก _และได้อยู่กับสาวกเป็นเวลา
40 วัน จึงได้เสด็จสู่สวรรค์ท่ามกลางพยานถึง 500 คน เมื่อพระ
องค์ตรัสสั่งสาวกให้ไปประกาศข่าวประเสริฐ _จนถึงสุดปลายแผ่น
ดินโลก (มัทธิว 28:18-20) และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับ
พวกเขาจนกว่าจะสิ้นยุด และยังสัญญาว่าจะกลับมารับพวกเขาไป
อยู่กับพระองค์ พวกสาวกจึงได้ออกไปประกาศข่าวนี้ โดยไม่กลัว
อันตรายใดๆ บ้างก็ถูกต่อต้าน ถูกจับทรมาน ถูกฆ่าตายแต่พวก
เขาก็ไม่หยุดยั้ง _เพื่อยืนยันถึงสัจธรรมที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความ
จริงโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ยิ่งนับวันผู้คนติดตามพระองค์ก็มีมาก
ขึ้น พระองค์ได้สถาปนาอาณาจักรของพระองค์ด้วยความรักที่สละ
ได้แม้ชีวิตของพระองค์เอง ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความจริง
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันอีสเตอร์แต่ล่ะปี คือ วันไหน
การคำนวนง่าย ๆ คือ
1.นำปีปัจจุบัน + 1 เช่น 2005 + 1 จะเท่ากับ 2006
2.นำผลลัพธ์นั้น หารด้วย 19 จะได้เศษ 0 - 18
3. นำเศษ 0 - 18 มาเทียบกับวันตามนี้ครับ
เศษ 0 คือ วันที่ 27 มีนาคม
เศษ 1 คือ วันที่ 14 เมษายน
เศษ 2 คือ วันที่ 3 เมษายน
เศษ 3 คือ วันที่ 23 มีนาคม
เศษ 4 คือ วันที่ 11 เมษายน
เศษ 5 คือ วันที่ 31 มีนาคม
เศษ 6 คือ วันที่ 18 มีนาคม
เศษ 7 คือ วันที่ 8 เมษายน
เศษ 9 คือ วันที่ 16 เมษายน
เศษ 10 คือ วันที่ 5 เมษายน
เศษ 11 คือ วันที่ 25 มีนาคม
เศษ 12 คือ วันที่ 13 เมษายน
เศษ 13 คือ วันที่ 2 เมษายน
เศษ 14 คือ วันที่ 22 มีนาคม
เศษ 15 คือ วันที่ 10 เมษายน
เศษ 16 คือ วันที่ 30 มีนาคม
เศษ 17 คือ วันที่ 17 เมษายน
เศษ 18 คือ วันที่ 7 เมษายน