การคิดถึงผลงานมากกว่า เป็นห่วงคนจะพินาศ...
พอดีเปิดเมล์ขึ้นมาได้อ่านบทความสั้นๆของ อ.ทองหล่อ รู้สึกดีครับ น่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน จึงขอเอามาฝากพี่น้องได้อ่านกันนะครับ
เรวัฒน์ เทพจักร์
เขียนโดย อ.ทองหล่อ
ความผิดพลาดประการหนึ่งที่เราเองเผชิญและคนจำนวนมากเผชิญเกี่ยวกับการประกาศคือการคิดถึงผลของการประกาศว่ามีจำนวนคนตอบสนองมากน้อยเพียงไรเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะพยายามหาวิธีที่จะทำให้การประกาศได้ผลดี และอยากเห็นคนกลับใจจากการทำงานของเรา ซึ่งก็เป็นธรรมดาของการทำงานในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามการทำด้วยแรงจูงใจเพียงเท่านี้ จะก่อผลเสียอย่างน้อยสองประการคือ ความท้อแท้ใจเมื่อไม่ได้เกิดผลตามที่เราคาดหวังไว้ และอีกประการคือความพึ่งพอใจและไม่กระตือรือรนที่จะทำการเมื่อได้ผลมาพอควร
แต่เท้จริงแรงจูงใจที่สำคัญคือความรักความห่วงใยต่อคนที่จะต้องพินาศในบึงไฟโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรือหลงผิด
เช่นญาติพี่น้องของภรรยาผมที่คิดว่าได้ทำบุญมาบ้าง ตายแล้วจะไปสวรรค์หรือพวกที่อยู่ในธรรมกายที่สอนว่าการสะสมบูญจะได้รับธรรมกายไปอยู่สวรรค์ชั้นต่างๆ หรือคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันวัน ไม่คิดถึงบั้นปลาย คนเหล่านี้ทุกคนเมื่อจากโลกนี้ไป ก็ไม่ต่างจากเศรษฐีในเรื่องของลาซารัสทที่ต้องทรมานในบึงไฟ ที่มีความทุกข์มากมาย แต่กระนั้น เขายังมีความห่วงใยพวกญาติพี่น้องของเขาที่ต้องมาอยู่ที่เดียวกับเขา พยายามข้อร้องอับราฮัม
ให้ส่งลาซารัสไปเตือน แท้จริงนอกจากความห่วงใยของคนเหล่านั้นที่อยู่ในบึงไฟแล้ว แต่ผู้ที่ทุกข์ใจและห่วงมากที่สุดก็คือพระเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสร้างคนเรามา จิตใจของพระองค์คือปรารถนาให้ทุกคนรอดพ้นจากบึงไฟ พระองค์ได้ลงทุนอย่างยิ่งใหญ่สุดในจักรวาลนี้คือให้พระบุตรมาเกิดเป็นมนุษย์และรับการลงโทษแทนเราโดยตายอย่างทรมานที่กางเขน จิตใจของพระองค์นั้นเหมือนพ่อของบุตรน้อยที่เฝ้ามองทุกวันว่าเมื่อไรลูกจะกลับมา ทำนองเดียวกันพระองค์อยากให้ทุกคนที่ยังไม่รอดกลับมาหาพระองค์
แน่นอน หน้าที่นี้ตกอยู่กับเราทุกคนที่เชื่อและรับความรอดแล้ว เราจำเป็นต้องสัมผัสใจของพระบิดาและพระเยซูคริสต์ คือมีความรักความห่วงใยเหมือนอย่างพระองค์ต่อคนเหล่านั้นที่กำลังจะพินาศ เฉกเช่นที่เปาโลมีอยู่เมื่อเขากล่าวถึงปลายทางของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียน แต่ไม่ได้กลับใจอย่างแท้จริง ยังมีชีวิตในเนื้อหนังของการปล่อยตัวในความรื่นเริงในความบาป เปโลกล่าวถึงคนเหล่านี้ด้วยน้ำตาไหลว่า ปลายทางของคนเหล่านี้คือความพินาศ(ฟป 3:18-19)
ฉะนั้นเราต้องขอพระเจ้าให้เราสัมผัสใจของพระเจ้าเหมือนอย่างเปาโล คือมีใจรักและห่วงใยต่อคนที่ยังไม่ได้รับความรอด และทำอย่างที่เปาโลทำคือ “ช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง” (1 คร 9:19- 22ข )
แนวทางที่หนังสือ T4T ซึ่งเขียนโดยYin Kai & Steve ที่พวกเขาใช้คือ ประกาศกับทุกคนที่ยังไม่เชื่อ
อบรมทุกคนที่เชื่อให้ประกาศ สิ่งที่เราต้องเน้นไม่ใช่เรื่องของคริสตจักรบ้านหรือคจ เรียบง่าย แต่เป็นคริสตจักรที่จะต้อง “ออกไป ” ตามพระมหาบัญชาของพระเยซู แน่นอนออกไปเพื่อประกาศและนำคนเป็นสาวก ไม่ใช่รอคอยให้คนเข้ามาในตริสตจักรเอง คจ ต้องออกไปจับปลา ไม่ใช่รอปลาว่ายเข้ามาใน คจ ด้วยตัวเอง
แต่การกล่าวถึง คจ เรียบง่ายเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่สอดคล้องกับรูปแบบในพระคัมภีร์มากที่สุดและน่าจะช่วยให้ คจ สามารถ ออกไป ได้ง่ายกว่ารูปแบบของคริสตจักรที่ใหญ่และสลับซับซ้อนซึ่งต้องเสียแรงกับเรื่องสถานที่ การบริหารจัดการ และค่าใช้จ่ายมากมาย ส่วน คจ เรียบง่ายนั้น ตั้งง่าย ทุกคนที่พระเจ้าให้ภาระใจก็ทำได้ และไปได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตามไม่ต้องเถียงกันในเรื่องนี้ แต่สำคัญคือไม่ว่ารูปแบบไหน ก็ต้องเป็นที่ คจ ที่ออกไป ตามบัญชาของพระเยซู ส่วน T4T ก็เป็นรูปแบบการอบรมที่ดี ซึ่งตั้งบนหลักการของพระคัมภีร์ที่สามรถทำให้เกิดการประกาศและขยาย คจ อย่างมากมายจนกระทั่งถึงเกิดกระแสการขยาย คจ แต่ต้องเน้นว่ามันเป็นเพียงช่องทางในการร่วมมือกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยต้องทูลขอพระองค์ที่จะใช้และทำการของพระองค์ มิฉะนั้นทุกอย่างก็ไร้ผลและไร้ค่า ฉะนั้น ต้องใช้วิธีนี้ด้วยความถ่อมใจ และอธิษฐานพึ่งพาพระวิญญาณมากๆ
แก้ไขล่าสุด (วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2011 เวลา 16:10 น.)