คำเทศนาเรื่อง : คนแห่งพระพร ตอนที่ 4
คำเทศนาเรื่อง : คนแห่งพระพร ตอนที่ 4
ยอห์น 11-28-44
บุคคลอีกท่านหนึ่งที่พระคัมภีร์กล่าวถึง จากคนที่ร่างกายจวนเน่า จากความตายกลับคืนชีพใหม่ เขาจึงนับเป็นอีกบุคคลผู้ได้รับพระพรมากมาย ชายคนนั้นก็คือลาซารัส มีสองประการที่ทำให้ชีวิตของเราได้รับพระพรคือ
ประการที่ 1 การสนิทสนมกับพระเยซูคริสต์เป็นส่วนตัว ยน11.3
-มีชายคนหนึ่งชื่อลาซารัส เขากำลังป่วยอยู่ คนของพระเจ้ามีโอกาสป่วยเจ็บไข้ได้ มีเวลาที่อ่อนแอ ท้อถอยหมดแรงกำลัง ชีวิตมีปัญหา ความเจ็บไข้บางทีมาจากซาตาน บางทีเกิดขึ้นเพื่อพระเจ้าจะได้เกียรติ บางทีเพราะความบาป แน่นอนเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายและรับการรักษา และต้องอธิษฐานขอการรักษาโดยอาศัยพระเจ้าช่วย แต่ระวังอย่าตกขอบ : ตัวอย่างข่าวพ่อแม่ถูกฟ้องขึ้นศาลเพราะเขาไม่ยอมเอาลูกรักษา แต่ยืนยันจะรักษาโดยความเชื่อและการอัศจรรย์จนในที่สุดลูกต้องตาย
-เบธานีซึ่งเป็นชนบท 11.1 บ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวลาซารัสอยู่กับพี่สาวอีก2คน ในหมู่บ้านเบธานีเล็กๆชนบท และทุกครั้งที่พระเยซูเข้ามาป่าวประกาศสั่งสอน ทั้ง3ก็จะมานั่งฟังและต้อนรับพระองค์ให้เข้ามาทานอาหารและพักในเรือน มารีย์พี่สาวของลาซารัสก็ชอบฟังคำสอนของพระเยซู ดู ลก10.40
-และดูเหมือนพระเยซูรักลาซารัสมาก ทรงใช้ชื่อสมมุติในคำอุปมาด้วยเรื่อง เศรษฐีกับลาซารัส ดู ลก16.20 ยอห์น11.3 พี่สาวได้ใช้คนไปบอกพระเยซูว่า คนที่พระองค์รักและสนิทกำลังป่วยหนักอยู่ (บางทีพี่สาวคงอยากให้น้องได้รับกำลังใจ และรับการเยี่ยวยารักษาจากพระเยซู) พระเยซูทรงเป็นเพื่อนที่ดีของลาซารัส
พี่น้องที่รัก : เราจะเห็นว่าลาซารัสและพี่ๆต่างมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเยซูเป็นส่วนตัว ก่อนหน้าที่เขาจะเดือดร้อนใจ พวกเขาเป็นคนสนิทสนมกับพระเยซู โดยสำแดงออกโดย การต้อนรับที่บ้าน การทำอาหารเลี้ยง การนั่งคุยกัน การปรนนิบัติต่างๆให้ และเมื่อชีวิตของเขาเผชิญวิกฤติปัญหา พวกเขาก็ได้รับการเยี่ยวยาการดูแลจากพระเจ้าทันเวลาเสมอ เรือนของเขามีพระคริสต์อยู่ด้วย ปัญหาก็ได้รับการแก้ไข ความเจ็บป่วยและปัญหาของเราเป็นเหตุทำให้พระเจ้าได้รับพระเกียรติ คนได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า คำถาม ?
- ท่านเป็นคนของพระเจ้า และท่านสนิทสนมกับพระเยซูมากขนาดไหน? (หลายคนภูมิใจที่เขาได้เป็นคนสนิทของ
นักการเมือง เป็นคนของผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย )
- อย่าเป็นเพียงคนที่รู้จักพระเยซูบ้าง ก็เชื่อถือ แต่ไม่ลงลึก
- อย่าลืม ยอห์น 15.7 ชีวิตของเราจะเกิดผลดีได้ก็ต่อเมื่อเรามีชีวิตที่ติดสนิทพระเจ้า เหมือนเถาองุ่น ทุกแขนง
จำต้องเชื่อมต่อติดกับเถาจึงจะเกิดดอกออกผลได้ ถ้าเรามีชีวิตที่สนิทพระเยซูชีวิตของเราปลอดภัยได้ เราจะจบลงด้วยความชื่นบาน และความยินดี และชีวิตนิรันดร์ 1ยน 3.1-3 ให้เราทบทวนชีวิตของเราใหม่ว่า วันนี้เราเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดพระเจ้ามากแค่ไหน เรามีเวลากับพระองค์มากน้อยเพียงใด หรือเราเรียกใช้พระเจ้าเฉพาะเมื่อเราต้องการ ขอให้พระเยซูทรงสถิตกับเราในทุกๆกิจการงานของเรา พระเยซูทรงต้องการให้ชีวิตของเราเป็นบ้านเบธานี แล้วเราจะเป็นคนแห่งพระพร
ประการที่ 2 ต้องมีศรัทธา ยน11.33-39
-บทที่11.17 ดูเหมือนเวลาจะผ่านไป 4วันแล้ว น้ำตาของพี่สาวทั้งสอง และญาติพี่น้องชาวยิวที่มาร่วมทุกข์โศกเศร้าด้วย แต่การปลอบประโลมที่มาจากพระเจ้ายังไม่มาถึง ข้อสังเกต : การเข้ามาของมนุษย์ธรรมดาก็เพียงแค่การปลอมใจธรรมดาๆ แต่การเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่มาถึง หลายครั้งที่พระเจ้าให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวของเรา ในบ้าน ในกิจการงานในธุรกิจของเรา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา สังคมของเรา โลกของเรา และทุกครั้งที่เรามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราจะรู้จักว่าแท้ใจ ร้องไห้ ไร้ความหวัง
เหมือนเช่นมารีย์และมารธา ทั้งสองต้องพบการสูญเสียอีกครั้งคือน้องชายที่รักยิ่งได้ตายจากไป 4 วันแล้ว และบางทีอาจจะมีความรู้สึกนิดๆว่า แหม.....ทำไมพระเยซูถึงได้มาช้านัก...ถ้ารักกันจริงก็น่าจะรีบมาทันใด อยู่เพียงแค่ 3 กิโลเมตรนี่เอง ยน11:18 พี่น้องที่รักในบางครั้งพระเจ้าก็เหมือนจะไม่มาช่วยเราเร็วสักเท่าไรนัก ปล่อยให้เราเผชิญกับสถานการณ์ที่แย่อยู่หลายวัน จนกระทั่งเราคิดว่าไม่มีทางแล้ว หมดหวัง หมดหนทางแล้ว เวลานั้นพระองค์ก็เสด็จมาช่วยเรา.... เป็นความช่วยเหลือที่ทันเวลาเสมอ
- จงเอาหินออก บทที่11:39 พระเยซูตรัสให้ทุกคนช่วยกันผลักหินออกจากปากอุโมงค์ พี่น้องที่รักหลายครั้งหินก้อนใหญ่ในชีวิตนั้นก็เป็นตัวปิดกั้นเรา ทำให้เราขาดเสรีภาพ ขาดสันติสุข ขาดพระพรจากพระเจ้า สิ่งนั้นอาจจะเป็นอุปสรรคกีดขวางพระพร บางทีสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นความผิดบาปของเราเอง ตัวอย่าง : ชาวอิสราเอลรบชนะเมืองอัยไม่ได้เลย พบกับความล้มเหลวพ่ายแพ้ กลับบ้านด้วยความผิดหวัง หมดแรงใจ พวกเขาก็บ่นว่าพระเจ้า และพระเจ้าตอบเขาว่า ที่พวกเขาพ่ายแพ้ไม่ใช่อื่นใด แต่เพราะพวกเขาบางคนทำบาปต่อพระเจ้า อาคานทำบาป ยชว. 7:1 แต่คนอิสราเอลได้ละเมิดในเรื่องของต้องถวายนั้น เพราะอาคานบุตรคารมี ผู้เป็นบุตรศับดี ผู้เป็นบุตรเศ-ราห์ เผ่ายูดาห์ ได้นำของถวายบางส่วนไปเป็นของตน และพระพิโรธของพระเจ้าก็พลุ่งขึ้นต่อคนอิสราเอล
บาปที่เป็นผลทำให้พระเจ้าอวยพระพรเราไม่ได้ เราจะต้องช่วยกันผลักหินใหญ่นั้นออกไป และให้พระเยซูเข้ามาในชีวิต เข้ามาในปัญหาของเรา
- “พระองค์เจ้าข้าป่านนี้ศพคงมีกลิ่นเหม็นแล้ว” ข้อ 39 หลายครั้งที่เรามองเห็นปัญหา เราประเมินการณ์ และคิดเห็นตามความเป็นจริง ถามว่าผิดไหมก็ไม่ผิด.... เพราะเขาตายมา 4 วันแล้ว ในการณ์ครั้งนี้ พระเยซูตรัสกับมารธาว่า เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราเริ่มเห็นว่าความเชื่อมีพลังอันแรงกล้า หลายครั้งที่เราเห็นว่าพระเยซูจะรักษาโรค หรือขับผีออก และทำการอัศจรรย์ต่างๆ ล้วนทรงตรัสถามเขาถึงความเชื่อ เจ้าเชื่อหรือไม่ ?
ตัวอย่าง คำอธิษฐานของเอลียาห์ เรื่องฝน ยากอบ 5:15-17
ตัวอย่าง หญิงโลหิตตก 12 ปี เชื่อว่าเขาเพียงแค่แตะเสื้อพระองค์ก็จะหายได้
-ลก. 8:48 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขเถิด”
-มก. 10:52 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “จงไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้เจ้าหายปกติแล้ว” ในทันใดนั้นคนตาบอดนั้นก็เห็นได้
และได้เดินทางตามพระองค์ไป
ลก. 9:41 พระเยซูตรัสตอบว่า “โอ คนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่ว เราจะต้องอยู่กับเจ้าทั้งหลายและอดทนเพราะพวกเจ้า
นานเท่าใด จงพาบุตรของท่านมาที่นี่เถิด”
ลก. 17:6 พระองค์จึงตรัสว่า “ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง ท่านก็จะสั่งต้นหม่อนนี้ได้ว่า ‘จงถอนขึ้นออกไปปัก
ในทะเล’ และมันจะฟังท่าน
ลก. 22:32 แต่เราได้อธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้อง
ทั้งหลายของท่าน”
มธ. 13:58 พระองค์จึงมิได้ทรงกระทำการมหัศจรรย์มากในเมืองนั้น เพราะเขาไม่มีความเชื่อ
ชมวีดีโอคลิป การรักษาโรค....
ดังนั้นคริสเตียนจำต้องมีความเชื่อ เราต้องอธิษฐานขอความเชื่อมากขึ้น ปัญหาไม่ใช่เพราะพระเยซูฤทธิ์เดชหมดไป แต่ปัญหาคือความเชื่อของคนในยุคนี้ลดลงไป เมื่อเทคโนโลยี่ล้ำหน้าเข้ามาในโลก องค์การนาซาเผยว่า อีก 5-10ปีข้างหน้า จะส่งมนุษย์ไปเยียบดาวอังคาร และดาวอื่นๆ
ถ้าเราต้องการเป็นคนแห่งพระพร เราจะต้องอธิษฐานขอพระเจ้าโปรดประทานความเชื่อแก่เรา และให้เรามีศรัทธาในพระเจ้า และมอบภาระปัญหาของเราที่ดองไว้หลายวันจนเกือบจะเน่า ปัญหาที่กำลังใหญ่โต เรื่องยุ่งๆในชีวิต ให้เรามีศรัทธาในพระเจ้า และกลิ้งเอาก้อนหินที่ปิดกั้นเราไว้ สิ่งนั้นอาจจะหมายถึงบาปของเรา และให้เราเดินออกจากอุโมงค์โดยความเชื่อ โดยเราต้องมีศรัทธาว่าโดยพระเจ้าเราจะเดินผ่านข้ามอุปสรรคปัญหานั้นได้ โดยการช่วยเหลือจากพระเจ้าเรา สำคัญคืออย่าหมดศรัทธาในพระเจ้า อย่าให้อะไรในโลกนี้ทำให้เราขาดศรัทธาไป เพราะเมื่อไหร่ที่ท่านหมดศรัทธา ท่าจะไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้าเลย
ฮบ 11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์