คำเทศนาเรื่อง : คนแห่งพระพร ตอนที่ 1
คำเทศนาเรื่อง “วิธีเรียนรู้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
คำเทศนาเรื่อง : คนแห่งพระพร ตอนที่ 1
ข้อพระคัมภีร์ โยบ 1.1-22
คำนำ พระคัมภีร์โยบเป็นหนังสือบันทึกชีวิตของโยบและครอบครัวที่น่าตื่นเต้น และล้วนเป็นพระพรที่หนุนจิตชูใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยามที่ชีวิตของเรากำลังเผชิญกับปัญหามากมาย มีความกลัว ความทุกข์ร้อน ความเจ็บป่วย และการสูญเสีย
เช่นเดียวกับในเวลานี้คนไทยทั้งประเทศกำลังตกอยู่ในความทุกข์ใจเรื่องน้ำท่วม สูญเสียบ้านเรือน ทรัพย์สิน ไร่นา และสูญเสียญาติสนิท ต้องอพยพบ้านเรือนไปอยู่รวมกับคนมากมาย ชีวิตไม่สะดวก ต้องเผชิญกับการอดมื้อกินมื้อ อุทกภัยในกาลครั้งนี้ประเทศไทยเสียหาย หลายแสนๆล้านบาท คนจะตกงานกว่าแสนคน ผู้คนไร้ที่อยู่ รถกว่า 10000 คันน้ำท่วมมิด ภาพที่เราทุกคนคงเห็นแล้วว่า เป็นสภาพที่เวทนา สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นแล้ว ตอบได้คำเดียวว่า “ถ้วนหน้า” ความพยายามที่จะกั้นน้ำโดยอาศัยทราย และปัญหาทรายก็ต้องมาขาดตลาดอีก แยกกันทะเลาะเพราะเรื่องทราย ปิดถนนประท้วงไม่ให้ทำคันกั้นน้ำ สิ่งเหล่านี้คือความทุกข์ยากลำบากของคนเมือง และคนทุกๆคน ไม่มีใครสามารถตอบคำถามได้ว่า จะผ่านไปวันไหน และมันจะเกิดขึ้นแบบนี้อีกเมื่อไหร่
ชีวิตของโยบก็เช่นเดียวกัน โยบ 27:20 ความสยดสยองท่วมเขาเหมือนน้ำท่วม ในกลางคืนพายุหอบเขาไป จากคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีทุกสิ่งทุกอย่าง ความสะดวกสบายทุกด้านในชีวิตที่คนหนึ่งเกิดมาควรจะมี ความเพียบพร้อมทุกๆด้าน แต่วันหนึ่งชีวิตกลับ'เคราะห์ซ้ำกรรมซัด' ซวยซ้ำซวยซ้อน ไม่รู้จักจบจักสิ้น บางทีรู้สึกหมดกำลังใจเอาดื้อ ๆ บ้านเรือน ทรัพย์สิน ไร่นา ลูกหลานเสียหายหมดตัว เพียงคืนเดียวชีวิตของโยบก็หมดตัว แต่เรื่องราวของเขาในระยะท้ายๆของชีวิตโยบเขาได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าอีกครั้ง พระเจ้าได้ซับน้ำตาให้เขา ทรงเยี่ยมเยียนเขาในยามที่เขาอ่อนล้าหมดแรง ในยามที่เขาไม่เหลืออะไรเลย จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นของชีวิตโยบ ทำให้เราได้รับบทเรียนดีๆ 3 ประการ
ประการที่ 1. ก้าวข้ามการทดสอบภายในชีวิตให้ได้ โยบ 1:10-12
ไม่ว่าใครก็ตามที่เกิดมาในโลกนี้ที่มีพระเจ้าควบคุมดูแล เขาจะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกทดสอบอย่างหนักในชีวิต เหมือนเด็กนักเรียนที่ต้องนั่งสอบในสนามสอบ และจะพบความจริงว่ามีบางคนที่สอบผ่าน แต่บางคนจะสอบไม่ผ่าน ในพระคัมภีร์เราก็พบคนหลายคนที่ถูกบันทึกไว้ว่า เขาสอบผ่านได้ พวกเขาบางคนสอบไม่ผ่าน สดด. 119:71 ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์ ดาวิดกล่าวว่าดีแล้วที่ข้าพเจ้าทุกข์ยากลำบาก เพื่อที่จะรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระเจ้า
ในยามใดที่ชีวิตของพี่น้องพบความยากลำบาก เหมือนเผชิญหนามใหญ่ในชีวิต อย่าลืมเรามีพระเจ้าช่วยเราได้ เราจะต้องบอกกับตัวเองเสมอว่า ฉันจะต้องก้าวข้ามผ่านการทดสอบนี้ให้ได้อย่างแน่นอน ฉันจะไม่ยอมให้ความยากลำบากนี้มาเป็นชนวนทำให้ฉันทอดทิ้งพระเจ้าไป และฉันจะนำเอาความยากลำบากนี้มีตำหนิพระเจ้า หรือบ่นต่อว่าพระเจ้า พระเจ้าบอกเปโตรว่า เมื่อไหร่ที่เขาผ่านการสอบสอบนี้แล้ว ก็จงไปช่วยคนอื่นๆด้วย ลก. 22:31 “ซีโมน ซีโมนเอ๋ย ดูเถิด ซาตานได้ขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝัดข้าวสาลี ดังนั้นไม่เพียงเราที่สอบผ่านแล้ว แต่เราจะต้องหันไปช่วยพี่น้องที่อ่อนแอให้ลุกขึ้นมาใหม่ได้ ซาตานจะมาเพื่อมุ่งทำลายชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราให้เสียหาย
ในยามที่ยากลำบากในชีวิตของโยบ โยบได้ผ่านการทดสอบนั้นโดยไม่ได้ล้มลงไป แต่เขาตั้งมั่นคงอยู่ได้ แม้ว่าซาตานจะพยายามทุกรูปแบบเพื่อกระทำให้น้ำกระพร่ำ
ประการที่ 2. การตระหนักว่า สารพัดสิ่งอนิจจัง โยบ1:20-21
เมื่อโยบมองไปโดยรอบด้านแล้ว ท่านเห็นว่าสารพัดสิ่งทั้งสิ้นมาจากพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดๆเลยที่พระเจ้าไม่ได้ประทานให้ท่าน และวันหนึ่งพระเจ้าก็อนุญาตให้มันจากไป ถามว่าโยบเสียดายไหม เจ็บปวดไหม ทุกข์ไหม ทำใจได้ง่ายๆหรือ คำตอบก็คือว่าไม่ง่ายนัก น้ำตาที่ไหลหลั่งมาไม่รู้มาจากไหน ทุๆครั้งที่เขาหันไปมองเห็นสารพัดสิ่งที่พระเจ้าเคยให้เขามี และเมื่อคิดถึงว่าเขาเองก็ดำเนินชีวิตอย่างคงเส้นคงวามาตลอดเวลา สัตย์ซื่อ แต่พระเจ้ากลับให้วันเวลาที่ยากลำบากยิ่งในชีวิต สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด และสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ความเจ็บปวดไม่เพียงแค่ความรู้สึกแต่มันลงมาถึงสุขภาพร่างกายที่เคยแข็งแรง ก็กลับมาแผลมีฝี
หลายครั้งที่พี่น้องทุ่มเทรับใช้พระเจ้า และทำงานเพื่อคริสตจักร อย่าคิดสรุปเพียงว่า ท่านจะได้รับเกียรติ ได้รับการยอมรับ ได้รับแต่พระพร รับความยินดีเสมอๆ แต่หลายครั้งซาตานอาจจะนำการทดลองใหญ่มาให้ท่านสับสนเล่นๆ และอาจจะทำให้ท่านไม่เข้าใจพระเจ้า ไม่เข้าใจความรักของพระเจ้า ไม่พอใจวิธีการของพระเจ้า
แต่สำหรับโยบ แม้ซาตานจะแตะต้องทรัพย์สมบัติ และสมาชิกในครอบครัว และทุกๆอย่างที่เขามี จนภรรยาของโยบแนะนำให้โยบแช่งด่าพระเจ้าแล้วก็ตาย แต่โยบกลับตอบว่าอย่างไร โยบ 2:7-10 หลายครั้งที่ซาตานทำให้เราพูดออกมาต่อพระเจ้าอย่างโง่ๆ ความคิดเห็นแบบคนโง่เขลาเบาปัญญาก็เกิดขึ้นบ่อยๆ เราจะต้องเรียนรู้เช่นเดียวกับโยบ คือการตระหนักดีว่า สารพัดสิ่งในโลกนี้ แม้กระทั่งชีวิตของเราเองก็ไม่แน่นอน ไม่ยั่งยืน ไม่ถาวร สักวันหนึ่งก็จะเสื่อมสภาพ และตายจากไป หรือย่อยสะลายไปตามกาลและเวลา
การที่เราจะมีแนวคิด และวิธีการมองเห็นแบบโยบนั้นถือว่าสำคัญยิ่ง หากคริสเตียนไม่ปล่อยวาง และไม่ตระหนักว่าสารพัดสิ่งที่เรามีอยู่ สักวันมันก็จะจากเราไป และเราเองก็ต้องจากร่างกายดินนี้ไปด้วย สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ใจ และยึดติดโลกนี้ ยังทำใจไม่ได้ ยังเสียดาย ยังอาลัยหา
ปญจ. 2:11 แล้วข้าพเจ้าหันมาดูบรรดาสิ่งที่มือข้าพเจ้ากระทำ และความเหน็ดเหนื่อยที่ข้าพเจ้าทุ่มเทลงไปและ ดูเถิด ทุกอย่างก็อนิจจัง คือกินลมกินแล้ง และไม่มีประโยชน์อะไรภายใต้ดวงอาทิตย์
ประการที่ 3 ความยำเกรงพระเจ้า โยบ 1:8
คนในยุคนี้มักจะแสวงหาการยอมรับจากผู้คน ต้องการยอมรับจากหัวหน้ามากกว่า แต่โยบท่านมีชีวิตที่พระเจ้างรับรองได้ เพราะท่านมีชีวิตยำเกรงพระเจ้า ไม่เพียงพระเจ้าที่รับรองชีวิตของโยบ แม้กระทั่งซาตานก็ยอมรับว่า ชีวิตของโยบนั้น ยำเกรงพระเจ้า เป็นคนดี เป็นคนรอบคอบ เที่ยงธรรม ในการประพฤติของเราเป็นอย่างไร เราจะต้องดำเนินชีวิตที่คนทั้งปวงเห็นว่าเราเป็นคนดี เป็นคนรอบคอบ เป็นคนที่เที่ยงธรรม เป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า
สิ่งเหล่านี้ไม่ง่ายนักสำหรับชีวิตในปัจจุบัน ที่เรามีความทะเยอทะยานสูง การที่อยากจะก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย หลายคนต้องการความสำเร็จ และต้องการไปให้ถึงความฝัน จนกระทั่งไม่สนใจว่าจะได้มาด้วยวิธีการไหน ดีหรือชั่วไม่สนใจ
พระเจ้าไม่สนใจว่าท่านจะมีผลงานแค่ไหน แต่พระเจ้าสนใจว่าท่านยำเกรงพระเจ้าแค่ไหน พระเจ้าตรัสกับชาวอิสราเอลชนชาติพิเศษของพระเจ้าว่า เจ้าไม่ยำเกรงเรา ไม่ตัวสั่นอยู่ต่อหน้าพระเจ้าเลยหรือ ยรม. 5:22 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าไม่ยำเกรงเราหรือ เจ้าไม่ตัวสั่นอยู่ต่อหน้าเราหรือ คือเราผู้วางกองทรายไว้เป็นเขตล้อมทะเล เป็นเครื่องกีดขวางเป็นนิตย์มิให้ผ่านไปได้ แม้ว่าคลื่นจะซัด ก็เอาชนะไม่ได้ แม้ว่าคลื่นจะคะนอง ก็ข้ามไปไม่ได้ อสย. 1:3 โครู้จักเจ้าของของมัน และลาก็รู้จักรางหญ้าของนายมัน แต่อิสราเอลไม่รู้จัก ชนชาติของเราไม่เข้าใจ”
ในพระคัมภีร์มีหลายตอนที่ได้สนับสนุนให้เราดำเนินชีวิตในการยำเกรงพระเจ้า และมุ่งแสวงหาที่จะมีชีวิตเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แต่ขอพึงทราบว่า “ สิ่งที่ถูกต้อง มักไม่ถูกใจเรา และสิ่งที่ถูกใจของเรามักไม่ถูกต้อง”
สภษ. 10:27 ความยำเกรงพระเจ้านั้นยืดชีวิตให้ยาวไป แต่ปีเดือนของคนชั่วร้ายนั้นจะสั้นเข้า
สภษ. 14:26 ความยำเกรงพระเจ้าทำให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง
สภษ. 14:27 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกจากบ่วงของความมรณาได้
สภษ. 15:16 มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระเจ้า ดีกว่ามีคลังทรัพย์ใหญ่ แต่มีความลำบากอยู่ด้วย
สภษ. 16:6 ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ได้ลบมลทินบาปชั่ว และคนหลีกความชั่วร้ายได้โดยความยำเกรงพระเจ้า
สภษ. 19:23 ความยำเกรงพระเจ้านำไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มีอันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา
สภษ. 22:4 บำเหน็จของความถ่อมใจและความยำเกรงพระเจ้า คือความมั่งคั่งเกียรติและชีวิต
สภษ. 23:17 อย่าให้ใจของเจ้าริษยาคนบาป แต่จงดำเนินในความยำเกรงพระเจ้าวันยังค่ำ
ในชั่งโมงท้ายๆของชีวิตโยบ พระเจ้าได้ผลิกเปลี่ยนชีวิตของโยบให้กลับกลายเป็นผู้ได้รับพระพรมากมาย เมื่อท่านเรียนรู้ที่จะก้าวเดินผ่านช่วงเวลาในการทดสอบของพระเจ้า พระเจ้านำเอาสารพัดที่เขาเคยมีและสูญเสียไปนั้น กลับมาคืนให้เขามากยิ่งกว่าอีก เช่นเดียวกันในวันนี้ ชีวิตของเราก็อาจจะกำลังเผชิญกับปัญหาแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน หลายคนอาจจะกำลังถูกทดสอบเรื่องน้ำท่วม หลายคนก็อาจจะกำลังถูกทดสอบเรื่องเพศ การล่วงประเวณี การทำผิดเรื่องเงินเรื่องทอง การทดสอบเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง ไม่ใช่เรื่องแปลที่ท่านและข้าพเจ้าเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ แต่สำคัญที่ท่านและข้าพเจ้าก้ามข้ามได้หรือไม่ ให้เราบอกกับตัวเราเองว่า เราจะก้าวผ่านการทดสอบนั้นได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า นี่แหละคือคนแห่งพระพรขนานแท้ อาเมน.