คำเทศนาเรื่อง “ อีสเตอร์ในมุมมองของพระเจ้า”
คำเทศนาเรื่อง “ อีสเตอร์ในมุมมองของพระเจ้า”
ข้อพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ 15:12-34
คำนำ : มุมมองของคนที่ไม่เชื่อมองดูกางเขนด้วยความดูถูกดูหมิ่น และถือว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เช่น เปาโลแรกเริ่มเดิมทีก็ต่อต้าน ทำร้ายผู้ที่เชื่อ แต่เมื่อท่านได้มาเชื่อพระเจ้าท่านก็มองกางเขนเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า (1คร. 1:18 คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เปาโลไม่ขอคุยเรื่องอื่นๆนอกจาก การสิ้นพระชนม์ หรือไม่คุยเรื่องใดที่เป็นจิตวิทยาเลย เว้นแต่ข่าวประเสริฐล้วนๆ ดู 1คร2:2-3 เปาโลมองว่าเรื่องพระเยซูสิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา และทรงคืนพระชนม์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด1คร15:3 เราแต่ละคนก็ยึดถือแต่ละเรื่องว่าสำคัญที่สุด
- บางคนถือเรื่องธรรมเนียม วัฒนธรรมสำคัญมากที่สุด
- บางคนถือว่าเรื่องการกิน การนอน การได้เที่ยวสำคัญที่สุด
- บางคนถือว่าการศึกษา การทำงาน ความรับผิดชอบในชีวิต และต่อสังคมสำคัญที่สุด
สำหรับพี่น้อง อะไรที่ท่านถือว่าสำคัญที่สุด แต่พระเจ้าได้เปลี่ยนความคิดและมุมมองของเปาโลใหม่ ทำให้ท่านเห็นอีสเตอร์ในมุมมองของพระเจ้า 3 ประการ
ประการที่ 1 อีสเตอร์คือเหตุการณ์ที่ตอกย้ำสิ่งที่เราเชื่อ ข้อ12-15
ความขัดแย้งเรื่องการเป็นขึ้นจากความตายของมนุษย์เป็นประเด็นใหญ่ของชาวยิว และก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่กล้าประกาศอย่างยิ่งใหญ่ของคริสเตียนปัจจุบัน จึงทำให้คนรู้จักคริสตมาสง่ายกว่าอีสเตอร์ ทั้งๆที่ทั้งสองงานสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก และมีความสำคัญต่อชีวิตคริสเตียนอย่างมาก
ตัวอย่าง: ฟาริสีเชื่อการเป็นขึ้นจากความตาย แต่สะดูสีจะไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย จึงทำให้ปัญหาเกิดความขัดแย้ง ความเห็นไม่ตรงกันขึ้น แต่เปาโล กล่าวว่า อีสเตอร์เป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจใน
1.การเทศนามีหลัก 2.ความเชื่อมีหลัก 3.คำพยานมีหลัก
สาระสำคัญก็คือ: ถ้าพระเยซูไม่ถูกชุบให้เป็นขึ้นจากความตาย การพื้นคืนชีพของมนุษย์ก็จะไม่มีด้วย และถ้าไม่มีสิ่งต่างๆที่เราทุ่มเทเพื่อพระเจ้าก็ไร้สาระสิ้นดี ความเชื่อก็ไร้ประโยชน์ พวกเราจะกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด และท่านก็ยังตกอยู่ในความบาปของตน
แต่พระเจ้าได้ทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นแล้ว “เป็นขึ้นแล้ว “ การเป็นขึ้นจึงเป็นคำยืนยันว่า เราได้พ้นจากบาปแล้ว และทำให้การเทศนาสั่งสอนของเรามีหลักกว่า ความเชื่อมีแก่นสาร และคำพยานของเราก็ไม่ได้ลวงโลก แต่เป็นคำตอบของชีวิตมนุษย์ได้ ดังนั้นคนมากมายที่เขามีเงินทองทรัพย์สมบัติ แต่เขาก็ขาดข่าวดีนี้ นี่แหละที่เรามีดี และที่เราจึงไม่อายที่จะบอกใครๆว่าเราเชื่อในพระเจ้า เราเชื่อในพระเจ้า เราเป็นคนของพระเจ้า เราจึงไม่ละอายที่จะอธิษฐานเรียกพระองค์ ไม่อายที่จะประกาศตัวต่อสาธารณะชนว่าเราคนเป็นคริสตชน นี่คือเหตุผลว่าทำไม เปาโลกกล่าวไว้ใน โรม 1:16 ข้าพเจ้าไม่มีความละอาย....
ตัวอย่าง คุณป้ายูดิช เบริน อยู่รัฐเท็กซัส ....แกเป็นพยานถึงอีสเตอร์จนตาย
ประการที่ 2 อีสเตอร์ยืนยันสิ่งที่เราความหวังใจของเรา ข้อ18-24
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนหวังใจ ไม่ว่าจะเชื่อในพระเจ้าหรือไม่เชื่อก็ตาม ทุกคนหวังจะได้เกิดใหม่ ได้มีชีวิตหวังความตาย เปาโลกกล่าวถ้าชีวิตของคนเรามีแต่ความหวังลมๆแล้ง และก็สรุปว่าไม่เป็นจริงเลย คริสเตียนก็คือพวกที่น่าสังเวช น่าสงสารที่สุด..... จะต้องเดินลงไปในนรกโดยเอาปีบคลุมหัว
เปาโลใช้คำว่า.... แต่ความจริง ข้อ20 พระเยซูทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นแล้ว...... และเป็นผลแรกก่อน สำหรับคริสเตียนทุกคนเรามีความเชื่อว่า วันหนึ่งพระเยซูจะเสด็จมาในท้องฟ้า พร้อมด้วยทูตสวรรค์ ด้วยเสียงแตร มารับทุกคนที่เชื่อไปอยู่กับพระองค์ บางคนจะไม่ต้องผ่านความตาย แต่จะถูกเปลี่ยนกายใหม่ จะถูกรับขึ้นไป ทรัพย์สินเงินทองของเราเอาไปสักสิ่งเดียวก็ไม่ได้เลย เสื่อมสลายไปหมดสิ้น และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเจ้าไม่ให้เรารักเงินทอง ไม่ให้เราฝากชีวิตไว้กับสมบัติในโลกนี้ 1ยน. 2:15
อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น
พระเจ้าตรัสผ่านเปาโลว่า การเป็นขึ้นก็จะมีลำดับขั้นตอนดังนี้คือ พระเยซูเป็นผลแรก ต่อมาจะเป็นคนที่เชื่อในพระองค์ ความตายได้เกิดขึ้นเพราะผลของคนเดียวทำบาปฉันใด คนทุกคนก็จะกลับมีชีวิตมาใหม่โดยผู้เดียวคือพระคริสต์ ทั้งหมดเหล่านี้พระเจ้ากำลังบอกเราทุกคนอีกว่า เป็นความจริง เป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ หวังใจได้ ไม่เสียเวลาเปล่าที่เราจะมาหวังใจในพระองค์ ให้เรารักษาความหวังใจนี้ต่อไป
อ.เปาโล กล่าวว่า แปลกใจทำไมหลายคนทิ้งความเชื่อง่ายๆ กท 1:6 บางทีความหวังใจของเราก็อาจจะหวั่นไหวไปได้ เพราะเราก็มีการทดลอง การล่อลวงใจ โลกนี้ก็ยั่วยวนใจให้เราหลงไปได้ง่ายๆ ทำให้หลายคนทิ้งพระเจ้า ทิ้งความหวังใจในพระเจ้าเสีย
ขอบพระคุณพระเจ้า ทุกๆปีวันอีสเตอร์ช่วยยืนยัน เตือนใจของเราว่า สิ่งที่เราหวังใจอยู่นั้น ถูกต้องแน่นอนที่สุดแล้ว คุ้มค่าที่สุด จงก้าวดำเนินต่อไปในพระเจ้านั้น แม้ว่าทางของพระเจ้าจะเป็นทางที่คับแคบ แต่ขอให้เราทุกคนอดทน และรักษาความเชื่อ ความหวังไว้ตลอดไป
ประการที่ 3 อีสเตอร์คือวันประกาศชัยชนะ ข้อ24-28
การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคือการประกาศชัยชนะ จากความตาย จากผีมารซาตาน ในวันสุดท้ายพระเจ้าจะปราบศัตรูทั้งสิ้นไว้ใต้พระคริสต์ พระคริสต์จะเป็นเอกเป็นใหญ่เหนือสารพัดสิ่ง พระองค์ไว้ใน ยน 10:10 พระองค์มาเพื่อประทานชีวิตที่ครบบริบูรณ์ให้ ยน 16:33 ในโลกนี้เราจะต้องพบความทุกข์ยากใจมากมาย แต่ให้เราชื่นใจเพราะ พระเยซูทรงชัยชนะโลกแล้ว ทรงประกาศชัยชนะตั้งแต่ยังไม่ถูกจับตรึงกางเขนแล้ว ทรงบอกให้ทุกคนมีความสุข สบายใจได้เลยว่า พระเยซูชัยชนะ เราจึงได้รับชัยชนะด้วย
ตัวอย่าง : เรื่องหมากำนั้น ...... อิทธิพลของพ่อกำนั้นทำให้หมากำนันรอดตาย
ชีวิตของเราจะรอดพ้นทุกๆสิ่ง ไม่ใช่เพราะเราทำเอง แต่พระเยซูทรงชัยชนะแล้ว อีสเตอร์เป็นเวลาที่พระองค์ประกาศชัยชนะ นี่คือความมั่นใจว่า ชีวิตของเราที่อยู่กับพระองค์เรามีแต่ชัยชนะ
สรุป : ทั้งหมดนี้คือความจริงเกี่ยวกับอีสเตอร์ในมุมมองของพระเจ้าที่เปิดเผยให้เปาโลทราบ ซึ่งแตกต่างกับมุมมอง และสายตาของคนอื่นๆมอง บางคนบอกด้วยความดูถูกดูหมิ่น และซึ่งต่างกับความเข้าใจการจัดงานของแต่ละโบสถ์ให้ดูแบบเศร้าโศกเศร้า ด้วยการอดอาหาร แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เราเข้าใจความจริงนี้ เพื่อยืนยันถึงชัยชนะ และท้าทายความเชื่อ ให้เราก้าวอย่างมั่นคงในความเชื่อ ความหวังใจ และไม่ดำเนินในความผิดบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก แต่ละวันให้ตายทุกวันกับตัวเก่า ดู 1คร15:31 เปาโลตายทุกๆวัน และพร้อมที่จะเผชิญกับความทุกข์ยากเพื่อเห็นแต่สิ่งที่เราเชื่อ ที่เราหวังใจนั้น พร้อมที่จะออกไปรับใช้ พร้อมทุกเมื่อที่จะเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ แม้จะต้องเจอการข่มเหง การต่อต้าน พร้อมที่จะต้องเผชิญอันตรายต่างๆเพื่อถวายงานแด่พระเจ้า นี่คือทัศนะของเปาโล “คริสเตียนจึงมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง และตายอย่างคนมีพระเจ้า “