คำเทศนาเรื่อง พระทัยที่ทรงห่วงใย ยอห์น 17:9-26
คำเทศนาเรื่อง พระทัยที่ทรงห่วงใย ยอห์น 17:9-26
โดย เรวัฒน์ เทพจักร์
พี่น้องที่รัก ชีวิตของเราทุกคนมีช่วงเวลา มีขึ้นมีลาลง ในยามที่ชีวิตถึงจุดอับตกต่ำสุดๆ ท่านจะทำอย่างไร ? วันนี้เมื่อ 2000ปีที่ผ่านมาพระเยซูคริสต์ทรงทนทุกข์ และกดดันจนหยาดเหงื่อ หรือพระเสโทกลายเป็นเลือดไหลเป็นเม้ดใหญ่ออก ท่านคิดว่าบางครั้งชีวิตของท่านได้รับความทุกข์ยากมากมาย แต่ท่านเคยทุกข์ยากลำบากใจจนกระทั่งเหงื่อไหลเป็นสายเลือดไหม ?
ในขณะที่พระองค์ทนทุกข์นั้น พระองค์ก็หวังที่จะมีสาวกที่ร่วมเดินเคียงข้างกันมาตลอด 3-4ปีกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน สอนเขา สร้างเขา ให้โอกาสพวกเขา อดทนต่อเขา คนที่พระองค์คิดว่าได้เลือกพวกเขามาด้วยพระองค์เอง มี2-3คนที่มองดูว่าสนิทสนมพระองค์ที่สุด แต่ในสถานการณ์ที่ชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย ในยามที่โดดเดี่ยว ในเวลาที่ทุกข์ใจ ท่ามกลางเวลาที่อยู่ใกล้ความตาย สาวกของพระองค์กลับนอนหลับใหล เป็นทองไม่รู้ร้อน มก14:34-
พระองค์เดินกลับมาเห็นพวกเขากำลังหลับไหล ในขณะที่พระองค์ทุกข์ใจยิ่งนักนั้น ทรงร้องออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด อับบา พระบิดาเจ้า พระองค์ทำทุกอย่างได้ ขอให้ถ้วยแห่งความเจ็บปวดนี้พ้นไปเถิด แต่ว่าอย่าเป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ขอเป็นไปตามพระทัยพระองค์ ข้อ 36
พี่น้องเคยเจ็บปวดเพราะ รู้ว่ามันสามารถมีหนทางแก้ไขปัญหานั้นได้ และถ้าจะไม่ต้องทนรับปัญหานั้นก็ได้ แต่ยอมทนทุกข์นั้นเองไหม?
ในชั่วโมงที่ทุกข์ระทมใจของพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ไปอธิษฐานเผื่อเรื่องอะไร ? หลายคนเมื่อชีวิตกำลังเผชิญปัญหาหนัก หลายคนมักจะขอให้ผ่านพ้นไป ขอให้รวย ขอให้ได้คู่ครองที่ดี ขอได้รถคันสวย ขอได้บ้านเดียวเดี่ยว ขออย่าได้เจ็บได้ป่วย อย่าได้มีเพื่อนเลวๆ ขออย่าได้เจออุปสรรคใดๆ ขอให้ได้โชคได้ลาภ หลับให้ได้เงินหมื่นตื่นให้ได้เงินแสน แต่พระองค์กลับไม่ได้ขอสิ่งเหล่านี้ มี 4 ประการทำให้รู้ว่าพระองค์มีน้ำพระทัยที่ห่วงใยเราทั้งหลายด้วยเช่นกัน
ประการที่ 1 ขอพิทักษ์รักษา ยอห์น17:11
คำอธิษฐานของพระเยซูคือขอพระบิดาเจ้าพิทักษ์รักษาผู้ที่เชื่อไว้ โดยไม่ประสงค์ที่จะเห็นผู้หนึ่งผู้ใดหลงทางผิด คิดการชั่ว และพระเยซูตรัสว่า ขณะที่พระองค์อยู่กับพวกเขา ก็พยายามรักษาพวกเขาไว้ไม่ให้เสียไปแม้แต่คนเดียว (นอกจากยูดาสคนเดียว เพราะเงินตัวเดียว มก 14:10-11 )
นั่นแสดงให้เราเห็นชัดเจนว่า พระทัยพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ห่วงใยชีวิตของผู้เชื่อทุกคน ไม่ว่าเขาจะมีอดีต มีบาดแผลชีวิต เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ชีวิตจะล้มเหลวกี่ครั้งๆ จะเคยทำผิดหลงทางไป แต่พระเยซูคริสต์ทรงให้โอกาสคนตั้งตัว กลับใจใหม่เสมอๆ ไม่ซ้ำเติม ไม่จดจำความผิด ไม่พูดดีใส่ตัว ไม่พูดชั่วให้คนอื่น แม้ว่าว่าจะจับคนที่ทำผิดได้พร้อมหลักฐาน พระเยซูก็ให้โอกาสแก่เขา โดยตรัสว่ามีใครบ้างที่ไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดบาปเลย
ในโลกนี้เราไม่สามารถเสาะหา หรือพบพระทัยในพระใดๆแบบนี้อีกแล้ว ในสภาพที่พระองค์กำลังทุกข์ใจ กำลังจะถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม แต่พระองค์กลับสนใจห่วงใยในความปลอดภัยของสาวก ทรงอธิษฐานเผื่อพวกเขาอย่างจดจ่อ ยอห์น17:13 พระองค์ตรัสว่ากำลังจะไปสู่การสิ้นพระชนม์ที่กางเขน และเป็นการไปกระทำเพื่อทำให้ผู้ที่เชื่อได้รับความชื่นชมยินดีอย่างเต็มเปี่ยม
พี่น้องเห็นชัดเจนไหมว่า.... พระองค์มีพระทัยดีอย่างไร เป็นบุคคลที่สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ พระองค์ห่วงใยสวัสดิภาพของเราเสมอ ทรงจัดเตรียมแผนงานเพื่อสวัสดิภาพที่ดีให้ ทรงพิทักษ์รักษาให้พ้นภัย เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตของเราเองก็ควรจะห่วงใยผู้อื่นด้วย.... ดูแลรักษาพี่น้องไม่ให้หลงทางไปสักคนเดียว.... โดยควรจะมีใจเหมือนพระทัยพระเยซู โดยการอธิษฐานเผื่อน้องเลี้ยง เผื่อคนที่เชื่อใหม่ๆ เผื่อพี่น้องที่อ่อนแออยู่ เผื่อคนที่เดินหลงทาง แสดงความห่วงใยต่อสวัสดิภาพของคนอื่น ไม่ใช่ห่วงแต่เรื่องของเรา คนไม่เชื่อเขาก็ทำเช่นนั้น หากเราเป็นแบบนั้นก็ไม่แตกต่างอะไร ตัวอย่าง; มีคนพบเมล็ดข้าวในปิรามิค 3000ปี ชีวิตที่ไม่ได้ตกลงไปในดิน ไม่ตายต่อตัวเองก็เป็นเช่นนั้น จึงไม่เกิดผลอะไร ชีวิตไม่ได้เป็นพระพรต่อใครๆ
สดด. 34:18 พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ และทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด
สดด. 51:17 เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์มิได้ทรงดูถูก
ประการที่ 2 ขอให้พ้นจากมารร้าย ยอห์น17:15
พระเยซูทรงอธิษฐานต่อไปว่า พระองค์ได้มอบถ้อยคำของพระเจ้าให้สาวก และสอนเขาที่แตกต่างจากโลกสอน เป็นการนำวิธีคิดที่ต่างจากโลก คิดไม่เหมือนโลก เป็นการนำผู้เชื่อออกจากชีวิตแบบโลกนี้ โลกนี้จึงไม่ค่อยชอบคริสเตียน และหลายคนจึงเห็นว่าชีวิตคริสเตียนแตกต่างกับพวกคนที่ไม่เชื่อ จึงทำให้หลายคนถูกข่มเหง ถูกรังแก ถูกดูหมิ่น ถูกเยอะเย้ยมากมาย ดังนั้นท่านจะต้องมั่นคงในพระเจ้า และชื่นชมยินดีเมื่อถูกติเตียนว่ามาเชื่อในพระเจ้า แสดงว่าท่านได้ถูกแยกออกมาให้มีชีวิตแตกต่างจากโลก
และทรงอธิษฐานว่า ขอทรงให้พ้นจากมารร้าย ข้อ 15 ซาตานที่เดิมที่เคยเป็นหัวหน้านมัสการพระเจ้าอยู่ในสวรรค์ แต่ต่อมากบฎต่อพระเจ้า ในที่สุดจึงถูกสาบแช่งจากพระเจ้าให้ล่องลอยอยู่ในอากาศ มันจึงเสาะหาให้มนุษย์บูชาเลี้ยงดู สร้างบ้านเล็กๆให้มันอยู่ มันลงมาทำลายทุกอย่าง ล่อล่วงให้หลง มาเพื่อลักฆ่าทำลาย (ยน. 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ซาตานได้มาล่อลวงอาดัมเอวาให้ทำบาปต่อพระเจ้า ซาตานมาเพื่อล่อลวงพระเยซู มารมาล่อลวงอานาเนียซัฟฟิราให้โกหกเรื่องเงินถวายที่ดิน และพินาศทั้งสามีและภรรยาต่อหน้าผู้รับใช้ (กจ. 5: เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า” ซาตานมาขัดขวางคนที่ฟังพระคำพระเจ้า(มธ. 13:19 เมื่อผู้ใดได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาพืชซึ่งหว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง
พี่น้องที่รัก ชีวิตของเราแต่ละวันก็มีซาตานมาเดินวนเวียนหาช่องที่จะทำลายเรา พยายามดึงเราให้ต่ำลง ทำบาป แต่เราขอบคุณพระเจ้า เพราะพระเยซูทรงห่วงใยเราทั้งหลาย ทรงอธิษฐานเผื่อสาวกเพื่อให้พ้นจากมารซาตาน พระเยซูทรงเตือนเปโตรว่า ซาตานได้ขอบางคนเพื่อฟัดร่อน....
ลูกา 22:3 ฝ่ายซาตานเข้าดลใจยูดาสที่เรียกว่าอิสคาริโอทที่นับเข้าในพวกสาวกสิบสองคน 22:4 ยูดาสได้ไปปรึกษากับพวกปุโรหิตใหญ่และพวกนายทหาร
ชีวิตคริสเตียนเราอยู่ใต้พระคุณพระเจ้า เราจึงไม่กลัวผีมารซาตาน (1ยน. 5:18 เราทั้งหลายรู้ว่า คนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระบุตรของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา
คริสเตียนจึงไม่กลัวผี เราไม่ต้องอยู่ในอำนาจของซาตาน เราจึงไม่ต้องเลี้ยงผี เราจึงไม่กราบไหว้รูปเคารพใดๆ เราจึงไม่คุยดีอย่างเป็นมิตรกับผี ..... บางคนไปขับแทน แต่กลับโดนผีขับ.....
เราต้องไม่เป็นคริสเตียนที่อ่อนแอ เพราะมารจะหนีท่านไป แต่เมื่อไหร่ที่ท่านเปิดประตูให้มารเข้ามา มันจะมามากขึ้นกว่าเดิม น่ากลัวกว่าเดิม.... เราจะต้องอยู่ในที่ปลอดภัย คือใต้พระคุณพระเจ้า เมื่อเรามีความกลัว นอนฝันร้าย เราจงอธิษฐานต่อพระเจ้า ......
คริสเตียนต้องเข้มแข็ง และเอาชนะซาตานให้ได้ มันจะไม่สนันสนุนให้คุณเต็มที่กับพระเจ้า (1ธส. 2:18
เพราะเราอยากมาหาท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้า คือเปาโลอยากมาหนแล้วหนเล่า แต่ซาตานได้ขัดขวางเราไว้
ประการที่ 3 ขอเพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ยอห์น17:21
ปัญหาอย่างหนึ่งของคนทั้งโลกคือ ที่ไหนที่มีคนอยู่มากกว่า 1คน ย่อมมีปัญหา เขาถึงต้องมีการร่างกฎระเบียบเพื่อใช้ คนปกติที่อยู่คนเดียวไม่ต้องมีกฎใดๆให้กระทำตาม แต่หากใครที่ต้องเขียนกฎระเบียบให้ทำแสดงว่า เป็นคนขาดความรับผิดชอบ กิจกรรมใดๆที่เราทำร่วมกันมากกว่า1 คน มักจะมีปัญหา ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระเยซูทรงทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และปัญหาที่จะเกิดขึ้นของสาวกว่า พวกเขาจะต้อมีบ้างที่ขัดแย้ง ทะเลาะกัน การขัดแย้งที่เกิดขึ้น มธ. 20:26 แต่ในพวกท่านหาเป็นอย่างนั้นไม่ ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย สภษ. 29:9 ถ้าปราชญ์มีเรื่องโต้เถียงกับคนโง่ คนโง่ก็ดุเดือด ทั้งหัวเราะและไม่มีวันสงบลงได้
การที่ลูกของพระเจ้าทะเลาะกัน ไม่ลงรอยกันก็เหมือนคนโง่เขลา
อฟ 5.15-21 สอนให้เราดำเนินชีวิตต้องฉลาด อย่าเป็นคนโง่ ให้เรียนรู้จักยอมฟังซึ่งกันและกันด้วยความเคารพ
สภษ. 27:22 เอาคนโง่ใส่ครกตำด้วยสาก พร้อมกับข้าวต้ม คนโง่ก็ยังโง่อยู่นั่นเอง
ในครอบครัวของพระเจ้า หรือสังคมของลูกของพระเจ้าหากเราเข้าใจกัน รักกันจริงๆ อธิษฐานด้วยกันบ่อยๆเหมือนพระเยซูอธิษฐานเผื่อสาวก เราจะสามารถรักกันได้ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ รู้จักให้อภัยแก่คนอื่นๆได้ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็จะเกิดขึ้น ดู ฟป 2:1-6 และถ้าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พระเจ้าอวยพร บังคับพระพรลงมาให้ได้
อีกด้านหนึ่งขอพี่น้องทราบว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่ได้รักกันซึ่งกันและกัน ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็เท่ากับว่าเราได้ทำร้ายพระเยซู เราได้เพิ่มความทุกข์ให้กับพระเยซู และได้ตรึงพระเยซูอีกครั้งด้วยตัวของท่านเอง หากท่านรักพระเยซูท่านก็ต้องรักคนที่ไม่น่ารักได้ รักคนที่เกลียดชังท่านได้
ประการที่ 4 ขอได้อยู่ด้วยกันอีกตลอดไป ยอห์น17:24
ข้าพระองค์ปรารถนาให้คนเหล่านั้นอยู่กับข้าพระองค์ ในที่ซึ่งข้าพระองค์อยู่นั้น นี่คือคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ เป็นคำอธิษฐานที่ประทับใจมากๆ ที่พระองค์ทรงรักคนของพระองค์จริงๆแม้ว่าความตายแยกจากกันไป ก็อธิษฐานขอได้ให้ผู้เชื่อได้ไปอยู่ด้วยกันอีก..... ในวันนี้เราอาจจะผิดหวังในคนมากมาย ครั้งแล้วครั้งเล่า คนหลายคนทำให้เราเจ็บปวด เราให้เราร้องไห้ แต่ขอให้เรารู้ว่าเรามีพระเจ้าที่รักเรามากมาย รักจนทรงยอมตายแทนได้ ถึงแม้ว่าจากไปแล้ว ก็ขอได้เจอกันอีก ขอได้อยู่ด้วยกัน ขอได้พบกัน นี่คือความรักที่ผูกพัน เป็นความรักที่ไม่มีในมนุษย์ นี่เป็นเหตุผลให้หลายคนที่หย่าร้าง หรือหลายคนเมื่อเลิกราจากคู่สมรสแล้วไม่ขอแต่งงานอีก เพราะเขาสัมผัสรักของพระเจ้า
ทรงรักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์ ยอห์น 14:1-4 ในช่วงที่พระเยซูทนทุกข์นี้ ท่านได้อธิษฐานอย่างไร? แต่ในวันนั้นพระองค์ได้อธิษฐานขอได้พบเรา และปรารถนาที่จะได้อยู่กับผู้ที่พระองค์รักทุกคน คือท่านทั้งหลาย พระเยซูผู้ไม่ทอดทิ้งท่านเลย ทรงรักจนกระทั่งยอมตาย และเสียสละเพื่อท่าน ท่านจะรักและอดทนเมื่อเผชิญความยากลำบากไม่ได้บ้างหรือ ?
แก้ไขล่าสุด (วันเสาร์ที่ 09 มิถุนายน 2012 เวลา 01:16 น.)