ธรรมชีวิต 19-25 มิถุนายน 2012
19 มิถุนายน 2012
“ประตูที่เปิดกว้าง”
คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเจ้านั้นก็เหมือนกับชาวเมืองของเจ้า เจ้าจงรักเขาเหมือนกับรักตัวเอง เพราะว่าเจ้าเคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
เลวีนิติ 19:34
ฉันเพิ่งสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และยังอยู่ในบ้านเดียวกับพ่อแม่ของฉันที่กรุงเทพฯ ฉันได้รับตำแหน่งงานเป็นผู้สอนภาษาอังกฤษในเชียงใหม่และฉันต้องหาที่อยู่ใหม่ที่นั่น พ่อแม่รู้สึกห่วงใยฉันมาก
ในการนมัสการประจำวันของครอบครัวของเราในเย็นวันหนึ่ง เราอ่านจากยอห์นบทที่ 14 พระธรรมตอนนี้ชี้ให้พ่อแม่ของฉันเห็นถึงพระสัญญาของพระเจ้า ฉันบอกพ่อแม่ว่าโลกนี้รวมทั้งเชียงใหม่ ล้วนเป็นบ้านของพระเจ้าพระบิดาทั้งสิ้น ฉันช่วยให้เขาอุ่นใจว่าพระเจ้าทรงเตรียมที่อยู่ให้แก่ฉันแล้ว ฉันไปพบคริสเตียนคนหนึ่งในใหม่ซึ่งเคยเปิดหอพัก “เอ้อ ฉันได้ปิดหอพักแล้ว” เธอพูดขึ้น “แต่ฉันจะอธิษฐานเผื่อความต้องการของคุณ และจะให้คำตอบแก่คุณอีก 3 วันข้างหน้า” ในวันที่สามเธอแจ้งให้ฉันทราบว่า ฉันจะอาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอก็ได้ถ้าฉันยังต้องการ
ผู้หญิงคนนี้มีลูกสาวศึกษาวิชาดนตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา เธอได้เขียนจดหมายถึงแม่ และเล่าให้ฟังถึงน้ำใจที่เธอได้รับจากผู้คนในประเทศนั้น และเสริมต่อว่า “คุณแม่คะ อย่าปิดประตูไล่หลังหญิงสาวคนหนึ่งคนใดที่มาขอความช่วยเหลือจากแม่นะคะ”
นั่นเป็นคำตอบของพระเจ้าต่อคำอธิษฐานของผู้หญิงคนนี้และของฉัน ระยะเวลาที่อาศัยอยู่กับครอบครัวนี้ช่างเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพรองค์สำหรับความรักความห่วงใยที่มีต่อข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระองค์มากยิ่งขึ้น ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
20 มิถุนายน 2012
“ตะกร้าที่เต็มด้วยความห่วงใย”
จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย
สดุดี 55:22
ฉันชอบตะกร้ามาก ฉันมักซื้อหาใบที่มีรูปทรงและลวดลายแปลก ๆ มาเก็บสะสมไว้ ฉันใช้ตะกร้าใส่หนังสือพิมพ์ ผลไม้ ดอกไม้ เครื่องสำอาง ผ้าเช็ดตัว และอื่น ๆ ยิ่งตะกร้าใบไหนทำขึ้นด้วยฝีมือประณีตบรรจงมากเท่าใด ฉันยิ่งสนใจเป็นพิเศษมากเท่านั้น
ในระหว่างเวลาใคร่ครวญการเฝ้าเดี่ยวประจำวันวันหนึ่ง ฉันยกตัวอย่างที่ค่อนข้างแปลกเกี่ยวกับการนำความวิตกห่วงใยของฉันไปยังพระเจ้า ในห้วงความคิดของฉันนั้น ฉันเห็นตัวเองต่อสู้ดิ้นรนกับตะกร้าใบใหญ่ใบหนึ่งที่เต็มล้นด้วยความวิตกกังวล ความเจ็บช้ำน้ำใจ หัวข้อของการอธิษฐาน ความไม่สมหวัง และความปรารถนาสารพัด ในขณะที่ฉันลากตะกร้าใบนั้นไป (เพราะมันหนักเกินกว่าที่จะหิ้วไป) ฉันมาถึงพระบาทของพระผู้ช่วยให้รอด ฉันลากตะกร้าใบนั้นมาไว้ตรงพระบาทของพระองค์พร้อมกับกระซิบว่า “โปรดรับมันไปให้หมดเถิดพระเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่สามารถนำมันไปได้อีกต่อไป”
ในพระธรรม 1 เปโตร เราได้รับคำแนะนำให้นำความวิตกกังวลและความห่วงใยทุกอย่างมายังพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงห่วงใยเรา ฉันขอบพระคุณพระเจ้าที่แม้พระองค์ต้องดูแลเอาใจใส่สารพัดสิ่งในจักรวาล แต่พระองค์ยังทรงมีเวลาพอที่จะดูแลเอาใจใส่ฉันด้วย ฉันสิ้นสุดการอธิษฐานด้วยความรู้สึกบรรเทาจากภาระอันหนักอึ้ง โดยรู้แน่แก่ใจว่าพระเจ้าจะทรงรับตะกร้าที่ต้องการความช่วยเหลือของฉันไปและพระองค์จะทรงกระทำเช่นเดียวกันนี้กับทุกคนที่ทูลขอพระองค์
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถมอบความวิตกห่วงใยทุกอย่างไว้กับพระองค์และพระองค์จะทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับการหยุดพัก ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน
โคโลสี 3:13
ในระหว่างรับประทานอาหารกลางวันกับศิษยาภิบาลของผมนั้น ผมเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่ผมเติบโตขึ้นมา ผมยังเกลียดพ่อเลี้ยงของผมมากในความใจดำและความกดดันที่เขาก่อขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวของผมเมื่อหลายปีก่อน ผมรู้สึกแปลกใจเมื่อ ศิษยาภิบาลหนุนใจให้ผมขอการให้อภัยจากพ่อเลี้ยง ผมคิดว่าศิษยาภิบาลคงไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมเล่า
แม้จะมีความไม่เข้าใจและสับสน ผมก็ขอให้พ่อเลี้ยงยกโทษแก่ผมที่ต่อต้านเขาสำหรับปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม และนั่นเป็นการติดต่อกับพ่อเลี้ยงที่มีความหมายที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วัยเด็กของผม เขายอมรับว่าเขาได้ทำผิดพลาดต่อชีวิตของผม แม้การสนทนาของเราจะเป็นเพียงสั้นๆ และแปลก ๆ กระนั้นก็ดี ผลที่ได้รับช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ภาระอันหนักอึ้งได้ถูกยกออกจากจิตใจของผมแล้ว ผมได้รับอิสรภาพจากภาระอันหนักอึ้งของความโกรธเกลียด การแก้แค้น และความท้อแท้ที่ผมแบกมานับสิบปี โดยการให้อภัยในสิ่งที่ผมคิดว่าไม่น่าให้อภัยนี้เองที่ทำให้ผมได้พบว่า หนทางสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้าได้เปิดออกแล้ว โดยทางพระคุณของพระเจ้านี้เองที่ทำให้ผมได้รับการทรงนำไปสู่ความเชื่อที่ผมแสวงหามาตลอดชีวิต
ข้าแต่พระเจ้าผู้ประเสริฐ พระองค์ทรงยกโทษความผิดบาปของข้าพระองค์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ขอให้ข้าพระองค์พบคุณลักษณะเดียวกันนี้ในจิตใจของข้าพระองค์ที่พร้อมที่จะให้อภัยแก่ทุกคนที่ทำอันตรายแก่ข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
็ได้็ได้ถฉน
22 มิถุนายน 2012
“ตื่นอยู่เสมอ”
“ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย”
สดุดี 4:8
คุณแม่กับลูกสาววัย 4 ขวบคนหนึ่งกำลังเตรียมจะเข้านอนเมื่อปิดไฟเด็กน้อยซึ่งกลัวความมืด ก็สังเกตเห็นแสงจันทร์ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง “คุณแม่ขา” เธอถาม “พระเจ้าเปิดไฟไว้บนนั้นเหรอคะ” “ใช่จ๊ะลูก” คุณแม่ตอบ แล้วลูกสาวก็รีบถามต่อทันทีว่า “พระองค์จะปิดไฟแล้วไปนอนเหมือนกันรึเปล่าคะ” โอ ไม่หรอกจ๊ะ พระองค์จะไม่มีวันหลับ” หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง เด็กน้อยก็พูดขึ้นมาว่า “หากพระเจ้ายังตื่นอยู่ หนูก็ไม่กลัวคะ” เมื่อเธอรู้ว่าพระเจ้าทรงเฝ้าดูเธออยู่ ในไม่ช้าเธอก็นอนหลับสนิท
ในฐานะคริสเตียน เราสามารถมอบทั้งกลางวัน และกลางคืนไว้กับพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อเสมอไปพระองค์ทรงทราบดีถึงความกลัวของเราในยามค่ำคืน และความผิดหวังของเราในยามกลางวัน เรามั่นใจได้ว่าพระองค์ทรงห่วงใยเรา พระเนตรที่เปี่ยมด้วยความรักและพระหัตถ์แห่งการปกป้องจะอยู่เหนือเราเสมอ คุณอาจจะกำลังเผชิญกับชั่วโมงที่ว่าเหว่ อันเนื่องมาจากความเจ็บป่วยหรือการสูญเสียคนที่รัก เงามืดของกลางคืนทวีความวิตกกังวลของคุณให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น ความสงสัยและความกลัวที่ท่วมอยู่ในจิตใจ ปล้นเอาการพักผ่อนที่จำเป็นของคุณไป จงวางใจในพระบิดาแห่งสวรรค์ แล้วคุณจะพูดเช่นเดียวกับผู้เขียนสดุดีว่า “ข้าพระองค์จะเอนกายลงนอนหลับในความสันติ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงกระทำให้ข้าพระองค์อาศัยอยู่อย่างปลอดภัย” (สดด. 4:8) จงจำไว้ว่าพระเจ้าทรงตื่นอยู่เสมอ
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงอยูเคียงข้างข้าพระองค์เสมอ ในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
23 มิถุนายน 2012
“ยิ่งกว่า จับมือแล้วกระโดด”
“สองคนดีกว่าคนเดียว...”
ปัญญาจารย์ 4:9
เมื่อลีโอและเอมี่เปิดภัตตาคารหรูที่จุคนได้ถึง 200 ที่นั่ง ลีโอยอมรับว่าเขา “กลัวไปซะทุกอย่าง” เอมีเปรียบเทียบการเสี่ยงเริ่มทำธุรกิจนี้เหมือนจับมือกันไว้แล้วกระโดดจากภูเขาด้วยกัน เมื่อคุณต้องทำสิ่งที่คุณกลัว “คุณต้องการทำร่วมกับคนที่คุณรู้จักและไว้ใจ” คริสต์และแจนก็เป็นอีกคู่หนึ่งที่ร่วมเสี่ยงในการเป็นเจ้าของและดำเนินกิจการร้านอาหาร พวกเขา “ร่วมงานกันได้ดีและเคารพชื่นชมในงานของกันและกัน”
ซาโลมอนผู้ที่มีสติปัญญาที่สุดรู้ดีว่าการมีเพื่อนสำคัญแค่ไหน ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลงในช่วงเวลายากลำบาก อีกคนจะช่วยปลอบโยนและช่วยเหลือเขาได้ (ข้อ 10-12) เราต้องการคู่สมรสหรือเพื่อน เพื่อช่วยเราในช่วงเวลาที่เราหวาดกลัวและเป็นผู้ที่เข้าใจความรู้สึกของเรา คนที่อยู่คนเดียวทำให้ชีวิตตัวเองลำบากมากขึ้น (ข้อ 8) แต่คนที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นด้วยย่อมได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจ
เมื่อคุณจำเป็นต้องเสี่ยง เช่นลงทุนทำธุรกิจ เปลี่ยนอาชีพ หรือบุกเบิกพันธกิจใหม่ ลองชวนใครสักคนที่ไว้ใจได้มาจับมือคุณไว้ขณะที่คุณกระโดดออกไป และคุณก็สามารถเป็นกำลังใจเช่นนั้นให้กับคนที่ใกล้ชิดคุณได้เช่นกันเพราะสองคนย่อมดีกว่าคนเดียว
ข้าแต่พระเจ้าขอบพระคุณที่ทรงประทานเพื่อนคู่คิด มาให้ข้าพระองค์เป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
24 มิถุนายน 2012
“การเอาใจใส่ของพระเจ้า”
เพราะพระองค์จะรับสั่งเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องท่าน ให้ระแวดระวังในทางทั้งปวงของท่าน
สดุดี 91:11
ถ้าฉันต้องเดินทางต่างจังหวัด ฉันต้องพักโรงแรมที่ปลอดภัยและมีสระว่ายน้ำ เพราะฉันต้องว่ายน้ำเป็นประจำ มันเป็นการออกกำลังที่ดีและทำให้มีเวลาผ่อนคลายและมีสมาธิก่อนที่เริ่มต้นภารกิจอันยุ่งเหยิงของวันใหม่ ที่โรงแรมแห่งหนึ่งสระว่ายน้ำอยู่กลางแจ้งล้อมรอบด้วยต้นมะพร้าว
เช้าวันหนึ่งฉันไปถึงสระว่ายน้ำก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นยังมืดอยู่ ฉันสามารถเห็นดวงดาวที่กำลังอับแสงบนท้องฟ้า ฉันมีความสุขกับการว่ายน้ำยามเช้ามืดท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นและทิวทัศน์อันสวยงาม ดังนั้นฉันจึงไม่เปิดไฟรอบ ๆ สระน้ำ ในขณะที่ฉันกำลังจะกระโจนลงน้ำ ทันใดนั้นฉันรู้สึกว่ามีบางคนจับฉันไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อไม่ให้กระโดดลงไป ซึ่งทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ ฉันค่อย ๆ ขยับเท้าออกจากขอบสระและถอยหลังกลับมา ฉันหันหลังกลับแต่ไม่มีใครอยู่ข้างหลังฉัน จากนั้นฉันจึงมองลงไปในสระ ปรากฏว่าน้ำในสระแห้งขอด เพราะน้ำในสระถูกถ่ายออกในตอนกลางคืน ฉันอยากนึกภาพที่เกิดขึ้นถ้าหากฉันกระโจนลงไปในสระ
ความเชื่อของฉันเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองพระเจ้าได้รับการยืนยันแล้ว เพราะว่าฉันได้รับประสบการณ์ในพระคุณของพระเจ้า ฉันรู้แน่ว่าพระเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองฉัน ประสบการณ์ของฉันในวันนั้นสอนฉันให้รู้จักเฝ้าสังเกตการณ์สัมผัสอย่างอ่อนโยนของพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ สำหรับการดูแลเอาใจใส่ของพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
25 มิถุนายน 2012
“ทำในสิ่งที่ถูก”
อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร
กาลาเทีย 6:9
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมยืนเข้าคิวในแถวยาวเหยียดเพื่อรอใช้บริการที่ไปรษณีย์แห่งหนึ่ง ผู้ชายที่ชายที่ได้คิวก่อนหน้าผมเอาธนบัติใบละหนึ่งร้อยให้กับเจ้าหน้าที่ แต่เขากลับได้รับเงินทอนเหมือนกับว่าได้ชำระด้วยธนบัติใบละหนึ่งพันบาท ชายคนนั้นรีบบอกพนักงานคิดเงินทันที่ว่าเขาทอนผิดและคืนเงินส่วนนั้นคืน พนักงานขอบคุณเขาสำหรับความซื่อสัตย์และความเมตตาของเขา ผมได้ยินเสียงพูดของคนที่ต่อท้ายแถวว่า “ชายคนนั้นทำดีจริง ๆ” แล้วผมก็ได้ยินอีกคนหนึ่งพูดว่า “ถ้าเป็นฉันละก็ ฉันจะเก็บเงินทอนนั้นไว้”
ในความเป็นคริสเตียนนั้นเราได้รับการทรงเรียกให้ทำในสิ่งที่ถูก เราไม่ทราบว่ามีใครบ้างที่จ้องมองเราอยู่ พระเจ้าทรงใช้เวลาและสถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดในการนำคนอื่นมารับความเชื่อ วิธีที่ดีที่สุดในการพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับพระเยซูและคำสอนของพระองค์ก็คือ การเป็นแบบอย่างที่มองเห็นได้
ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์มีศูนย์กลางอยู่ที่ความจริงของพระองค์ เพื่อว่าข้าพระองค์จะยอมให้พระคริสต์ทรงนำการกระทำและการตัดสินใจทุกอย่างของข้าพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน