3.เรื่อง การบังเกิดใหม่ (Regeneration)
เรื่อง การบังเกิดใหม่ (Regeneration)
เขียนโดย…บรรพต เวชกามา (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2012 เวลา 10:05 น.
การบังเกิดใหม่ (Regeneration) ก็เป็นภาษาเฉพาะของคริสเตียนเช่นเดียวกันกับการกลับใจใหม่ ความจริง ไม่ต้องมีคำว่า “บัง” ก็ได้ การเกิดใหม่ทำไมต้อง “บัง”ด้วย คำนี้ คนไทยทั่วไปไม่รู้จัก คนไทยจะรู้จักแต่คำว่า “เกิดใหม่” เท่านั้น แต่ถ้าได้ยินคำนี้ จะเข้าใจและมีความหมายว่า “จะต้องตายจากโลกนี้ แล้วไปเกิดในโลกหน้า” ซึ่งการเกิดใหม่นี้ จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ คือตายแล้วไปอยู่สวรรค์ (หรือนรก แล้วแต่บุญและกรรม) เมื่อหมดบุญกรรมแล้วก็จะมา“เกิดใหม่”เป็นคน หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่บุญกรรมจะหนุนส่งให้มาเกิดในภพนี้
ความหมายของการเกิดใหม่ตามพระคริสต์ธรรมคัมภีร์
ส่วนความหมายของคำว่า “เกิดใหม่” ตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์นี้ คือ “การเกิดจากเบื้องบน” คำนี้แปลมาจากภาษากรีกว่า gennethe anothen มีความหมายว่า “การเกิดจากพระเจ้าผู้อยู่เบื้องบน” คำนี้ปรากฏอยู่ในคำสนทนาระหว่างพระเยซูคริสต์และนิโคเดมัส ซึ่งเป็นพวกฟาริสี และเป็นสมาชิกสภาศาสนาของพวกยิว นิโคเดมัสได้ไปพบพระเยซูในเวลากลางคืน แล้วได้ตั้งคำถามนี้กับพระเยซู (ยน 3:1-21)
การเกิดใหม่ เป็นผลมาจากความเชื่อในพระเจ้า เมื่อตัดสินใจเชื่อในพระเจ้า นั่นคือการ “กลับใจใหม่” เมื่อกลับใจเชื่อในพระเยซูพระผู้ช่วยให้หลุดพ้นแล้วก็จะได้รับความหลุดพ้น ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะได้รับความหลุดพ้นโดยไม่ต้องกลับใจใหม่และเกิดใหม่
ความจำเป็นของการเกิดใหม่
เมื่อพระเยซูทรงสนทนากับนิโคเดมัสนั้น พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้เกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”
นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราแล้วจะเกิดใหม่อย่างไรได้จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและเกิดใหม่ได้หรือ” เมื่อนิโคเดมัสได้ยินเช่นนั้น ก็เข้าใจเหมือนกับคนไทยทั่วไปว่า เกิดใหม่นี้ จะต้องตายแล้ว และเข้าไปในครรภ์ของมารดาเป็นครั้งที่สอง พระเยซูจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้เกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ ซึ่งเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายต้องเกิดใหม่” (ยน 3:3-7)
ความหมายของการเกิดใหม่ของพระเยซูนั้น คือการเกิดจากน้ำ และพระธรรม (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระวิญญาณ” นั่นคือการเกิดจากพระเจ้า เพราะพระธรรม เป็นพระเจ้า) การเกิดจากน้ำคงมีความหมายเดียวเท่านั้นสำหรับนิโคเดมัส คงจะต้องอ้างถึงพิธีมุดน้ำของยอห์นผู้ให้ทำพิธี ส่วนการเกิดจากพระธรรมนั้นหมายความว่าเกิดจากพระเจ้า
ดังนั้น คำว่า “เกิดใหม่” แปลตามตัวแล้ว หมายความว่า “เกิดจากเบื้องบน” นิโคเดมัสมีความต้องการอย่างแท้จริงที่จะเกิดใหม่ เขาต้องการที่จะเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจิตใจ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงฝ่ายจิตวิญญาณ
ผลที่ได้จากการเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์เจ้า
ฉะนั้นการเกิดใหม่ คือการกระทำของพระเจ้าเพื่อให้ชีวิตเข้าสู่นิพพานแก่ผู้ที่เชื่อทุกคน “พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้หลุดพ้น มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่โดยพระธรรมของพระเจ้า” (ทต 3:5)
-เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น (2 คร 5:17)
-จงถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ (1 ปต 1:3)
-ถ้าท่านทั้งหลายรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม ท่านก็รู้ว่าทุกคนที่ประพฤติตามความชอบธรรมก็เกิดจากพระองค์ด้วย (1 ยน 2:29)
-ผู้ใดเกิดจากพระเจ้า ผู้นั้นไม่กระทำบาป เพราะเมล็ดของพระองค์ดำรงอยู่ในผู้นั้น และเขากระทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า (1 ยน 3:9)
-ท่านที่รักทั้งหลาย ขอให้เรามีพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อกันและกัน เพราะว่าพรหมวิหารสี่มาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีพรหมวิหารสี่ก็เกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระเจ้า (1 ยน 4:7)
-ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และทุกคนที่มีพรหมวิหารสี่ต่อพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิดนั้นก็มีพรหมวิหารสี่ต่อคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย…ด้วยว่าผู้ใดที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยชนะต่อโลก และนี่แหละเป็นชัยชนะซึ่งได้มีชัยต่อโลก คือความเชื่อของเราทั้งหลายนี่เอง” (1 ยน 5:1,4)
-เราทั้งหลายรู้ว่า คนใดที่เกิดจากพระเจ้าก็ไม่กระทำบาป แต่ว่าคนที่เกิดจากพระเจ้าก็ระวังรักษาตัว และมารร้ายนั้นไม่แตะต้องเขาเลย” (1 ยน 5:18)
-การเกิดใหม่นั้นคือ “การเกิดเป็นบุตรของพระเจ้า” โดยทางความเชื่อในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์ (ยน 1:12,13)
ทำไมคนจึงจำเป็นจะต้องเกิดใหม่
มีคำถามต่อมาอีกอยู่ว่า ทำไมคนเราจึงจำเป็นต้องเกิดใหม่อีกครั้ง เปาโลตอบไว้ในจดหมายของท่าน เมื่อท่านเขียนไปถึงชาวเมืองเอเฟซัส และชาวกรุงโรมว่า:
-เพราะเราตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป” (อฟ 2:1) เมื่อตายแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง
-เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (รม 3:23)
ดังนั้น คนเราจึงจำต้องเกิดใหม่อีกครั้ง เพราะว่าเราได้ตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป เราจึงต้องเกิดใหม่เพื่อบาปของพวกเราจะได้รับการอภัย และมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกครั้ง
แล้วการเกิดใหม่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ในหนังสือเอเฟซัส 2:8-9 เขียนไว้ว่า “ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายหลุดพ้นนั้นก็หลุดพ้นโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความหลุดพ้นนั้น จะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้”
เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะรับ “ความหลุดพ้น” เขาจะต้องเกิดใหม่ทางจิตใจหรือจิตวิญญาณ เมื่อเขาเกิดใหม่จิตใจและจิตวิญญาณจะได้รับสถานะภาพใหม่และได้เป็นบุตรของพระเจ้าโดยชอบธรรมโดยการเกิดใหม่นี้
และการที่เราวางใจในพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งได้ทรงยอมรับโทษความบาปของเราโดยการตายบนไม้กางเขนนั้น เป็นการเริ่มต้น “เกิดใหม่” ฝ่ายจิตวิญญาณ “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว” (2 คร 5:17)
ใครก็ตามที่อยากจะหลุดพ้น อยากกลับไปมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า อยากจะเป็นคนบุญ ไม่เป็นคนบาป อยากจะหมดจากกิเลส ราคะ ตัณหา อยากมีชีวิตเข้าสู่นิพพาน ก็มีความจำเป็นจะต้องเกิดใหม่ จากพระธรรมของพระเจ้า เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า การกลับใจเชื่อในพระองค์นั่นแหละคือการเกิดใหม่ที่แท้จริง
การเกิดใหม่นั้นทำได้โดยการอธิษฐานสารภาพบาปและรับเอาชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ดังที่พระคำของพระองค์กล่าวไว้ว่า:
-ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยน 1:9)
-แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า” (ยน 1:12-13)
-พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้หลุดพ้น มิใช่ด้วยการกระทำที่เป็นบุญของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระธรรมของพระองค์” (ทต 3:5)
ถ้าใครเกิดใหม่ และต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้หลุดพ้นแล้ว เขาก็จะได้รับการถูกชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นในขั้นที่ 1 (Justification) คือ และกำลังได้รับการชำระให้เป็นคนบริสุทธิ์ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) การเกิดใหม่นี้ มาพร้อมๆการกลับใจใหม่ เมื่อกลับใจใหม่ ก็จะเป็นการเกิดใหม่ และจะได้เข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้า ไม่มีใครจะเข้าสู่ราชอาณาจักรของพระเจ้าโดยไม่กลับใจใหม่ เกิดใหม่ และเชื่อในพระนามของพระเยซูเลย
-สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราเกิดใหม่ เข้าสู่ความหวังอันมีชีวิตอยู่ โดยการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์” (1ปต 1:3)
-ท่านทั้งหลายได้เกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่จากพันธุ์มตะ แต่จากพันธุ์อมตะ คือด้วยพระคำของพระเจ้าอันทรงชีวิตและดำรงอยู่” (1 ปต 1:23)
การเกิดใหม่นั้น เป็นการต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้หลุดพ้น เริ่มต้นด้วยการ “กลับใจใหม่” เปลี่ยนแปลงจิตใจจากการพึ่งตนเอง หันมาพึ่งพระเจ้า เริ่มต้นด้วยกันสวดอ้อนวอน (พูดกับพระเจ้า) อย่างง่ายๆ โดยยอมรับว่า เราเป็นคนบาป (มีกิเลส ราคะ ตัณหา) ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ เท่านี้ก็สามารถที่จะเป็นบุตรของพระองค์ได้แล้ว
ตัวอย่างคำสวดอ้อนวอนสารภาพบาปต่อพระเจ้าเพื่อการเกิดใหม่
ตามธรรมดา คนที่กลับใจใหม่ เกิดใหม่เชื่อในพระเจ้า มักจะสวดอ้อนวอนไม่เป็น ไม่รู้จะสวดอ้อนวอนว่าอย่างไร ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง คำสวดอ้อนวอนเพื่อจะได้พูดกับพระเจ้า ความจริงแล้ว เราไม่ต้องสวดตามนี้ก็ได้ เพราะการสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้านั้น ไม่ใช่การสวดมนต์ แต่เป็นการพูดจากใจ เราอยากพูดอะไรกับพระเจ้า เราก็พูดสิ่งนั้นออกมา อย่างไรก็ตามคุณอาจจะสวดอ้อนวอนสารภาพบาปต่อพระองค์ ดังต่อไปนี้
“สาธุ สาธุ สาธุ พระเจ้า ผู้เป็นพ่อของลูก ลูกยอมรับว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนผิดคนบาป มีกิเลส ราคะ ตัณหา และแบกภาระหนัก เห็นแก่ตัว ลูกไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ลูกจึงมาขอพึ่งอาศัยพระองค์ ขอให้พระองค์ได้โปรดยกโทษ ยกความผิดบาปให้ลูกด้วย ลูกขอพึ่งพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ลูกอ้อนวอนขอในนามของพระเยซูเจ้า สาธุ”
นี่คือความหมายของการกลับใจใหม่ และการเกิดใหม่ ถ้าคุณกลับใจใหม่ เกิดใหม่เชื่อในพระเจ้า โดยหันกลับจากการพึ่งตนเอง มาพึ่งพระเจ้า คุณจะได้ชีวิตใหม่ ได้รับความหลุดพ้น ซึ่งมีอยู่สามขั้นตอน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
เขียนโดย Banpote Wetchgama (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
แก้ไขล่าสุด (วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน 2012 เวลา 20:12 น.)