ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 เราได้เข้าสู่ศักดิ์ศรีกับพระเจ้า (Glorification)
ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 เราได้เข้าสู่ศักดิ์ศรีกับพระเจ้า
(Glorification)
โดย…บรรพต เวชกามา (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2012 เวลา 10:45 น.
เมื่อเราได้รับการชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) และดำเนินชีวิตอยู่ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) ถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้ว
-เราได้เป็นบุตรของพระเจ้า เป็นพี่น้องกันเท่านั้น เราเป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ (รม 8:17,กท 4:7)
-เราได้รับผลแรกของการเป็นทายาท นั่นคือ พระธรรมของพระเจ้า (รม 8:23)
-พระธรรมของพระองค์เป็นมัดจำประทับอยู่ในใจของเรา (2 คร 1:22;5:5;อฟ 1:14)
-เราจะได้เข้าสู่ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 อันเป็นความหลุดพ้นขั้นสัมฤทธิ์ผล เพราะว่า:
1. เราได้รับการชำระให้เป็นคนบุญความหลุดพ้นขั้นที่ 1 หรือเราอยู่ในพระเยซู (Justification) แล้ว ไม่มีค่าของความบาปอีกแล้ว
2. เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ความหลุดพ้นขั้นที่ 2 หรือที่เรียกวว่า พระเยซูอยู่ในเรา (Sanctification) และเรากำลังเป็นคนดีขั้น ได้รับการชำระจากพระองค์ทุกๆวัน กำลังเป็นคนบาปที่ไม่มีค่าของความบาป
3. เรากำลังเสริมสร้างซึ่งกันและกันอยู่ในชุมชนของพระเจ้า ช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยการดำเนินชีวิตอยู่ในความหลุดพ้น (Edification)
การเข้าถึงซึ่งสง่าราศี หรือความหลุดพ้นขั้นที่ 3 อันเป็นความหลุดพ้นขั้นสัมฤทธิ์ผลนี้
-เป็นสิ่งสุดท้ายที่จะสำเร็จโดยพระคุณของพระองค์ เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาครั้งที่ 2
-ใครก็ตามที่เชื่อในพระเยซู คนนั้นอยู่ในพระเยซู และได้รับการชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นในขั้นที่หนึ่ง (Justification) แล้ว จะไม่ได้รับการลงโทษอีกเลย (รม 8:1;33-34)
สาเหตุที่ผู้เชื่อในพระเจ้าจะได้เข้าสู่ศักดิ์ศรีนิรันดร์
-เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง “เพราะผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ทรงตั้งไว้...และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้นทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นคนบุญ และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นคนบุญ พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย” (รม 8:29-30)
-ขบวนการแห่งพระคุณของพระเจ้านี้ ไม่สามารถที่จะขาดจากกันได้เลย เพราะการได้รับการชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นในขั้นที่ 1 เราจึงได้เป็น “ผู้รับมรดกแห่งความหวังคือชีวิตเข้าสู่นิพพาน (ทต 3:7)
-คนบาปจะหลุดพ้นได้ก็หลุดพ้นโดยพระคุณของพระเจ้า “ทางความเชื่อ” แต่ก็เป็น “ความหวัง” ด้วย (รม 8:24)
-คนบาปเหล่านี้เป็นคนบุญโดยความเชื่อ และชื่นชมยินดีในความหวัง แห่งสง่าราศีของพระเจ้า (รม 5:1-2)
สิ่งที่ค้ำประกันความเชื่อ ความหวังของผู้เชื่อในพระเจ้า
-ความตายของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งค้ำประกันความเชื่อของเรา
-การเสด็จกลับมาด้วยสง่าราศีในครั้งที่ 2 ของพระองค์ค้ำประกันความหวังของเรา
-ความชื่นชมยินดี และความมั่นใจในชัยชนะขั้นสุดท้ายของพระองค์ “พระเยซูผู้อยู่ในท่านเป็นความหวังแห่งศักดิ์ศรี” (คส 1:27)
-พระองค์สถิตอยู่ในเรา เป็นเครื่องผูกมัดหรือเป็นคำมั่นสัญญาของความผาสุกที่จะมีมาในอนาคต
สิ่งที่เราจะได้รับเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 คือ
-มุงกุฎแห่งการเป็นคนบุญ (ดู 2 ทธ 4:8)
-พระองค์จะรวบรวมเราทั้งหลายเป็นของพระองค์ (2 ธส 2:1)
-เราทั้งหลายไม่ได้ขาดของประทานเลย (1 คร 1:7)
-เราทั้งหลายจะได้ปรากฏพร้อมกับพระองค์ในศักดิ์ศรีด้วย (คส 3:4)
-คนทั้งปวงที่อยู่ในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน (1 ธส3:16)
ลักษณะการมาปรากฏตัวครั้งที่สองของพระองค์
-พระองค์จะมาเหมือนอย่างขโมยที่มาในเวลากลางคืน (1 ธส5:2)
-จะไม่มีผู้สื่อข่าวมาบอกล่วงหน้าว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา
-จะมีเครื่องหมายต่างๆปรากฏขึ้น เปาโลจึงเตือนชุมชนของพระเจ้าชาวเมืองเธสะโลนิกาว่า “ในขณะที่ดำรงชีวิตอยู่และรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์นั้น ให้ตั้งเป้าว่า จะอยู่อย่างสงบ และทำธุรกิจส่วนของตนเหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้เป็นคนที่นับถือของคนภายนอก และท่านจะไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร” (1 ธส 4:11-12;2 ธส 3:6-13)
วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมา เมื่อมีเหตุการณ์ที่สำคัญบางอย่างเกิดขึ้นดังนี้คือ
-จะมีการทรยศ และคนนอกกฎหมายจะมาปรากฏตัว (2 ธส 2:1-2)
-อำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้นเริ่มทำงานแล้ว (2 ธส 2:7)
-จะมีผู้ฝ่าฝืน และทำลายกฎหมาย ปรากฏขึ้นรูปเป็นร่าง
-คนนอกกฎหมายจะปรากฏขึ้น คนนอกกฎหมายนี้ น่าจะเป็นคนเดียวกันกับ “ผู้ต่อต้านพระคริสต์” และมีแต่พระเยซูเท่านั้นที่จะเสด็จมาทำลายเขาได้ (2 ธส 2:8)
ความจริงเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู
-เราผู้ยังเป็นอยู่ และคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ล่วงหน้าไปก่อนพวกที่ล่วงหลับไปแล้ว (1 ธส 4:15)
-เราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด” (1 คร 15:51)
-ระหว่างการที่ไปอยู่กับพระเจ้า และการอยู่ในโลกนี้ เปาโลยังไม่รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหนดี (ฟป 1:21-25)
-บ้านเมืองของเราอยู่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้หลุดพ้นซึ่งจะเสด็จกลับมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์เจ้า (ฟป 3:20)
-ผู้เชื่อจะมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเห็นการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า (2 ทธ 4:6-8)
-เพราะพระเจ้าเป็นผู้รับรองว่า การเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู เป็นความหวังของชุมชนของพระเจ้าทุกยุคทุกสมัย จนกว่าวันนั้นจะมาถึง”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาครั้งที่สอง
-คนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน (1 ธส 4:16)
-คนที่ยังเป็นอยู่จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะพบกับองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ” (1 ธส 4:17)
-คนเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ในชั่วขณะ ในชั่วพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตรและคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากการเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่” (1 คร 15:51-52)
-จะมีร่างกายใหม่ เพราะเนื้อหนังและเลือดจะมีส่วนในราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ (1 คร 15:50)
-ร่างกายใหม่นี้ ที่ยังมีลักษณะหน้าตาเหมือนเดิม แต่แตกต่างไปจากเดิมเหมือนดอกไม้ที่เกิดจากเมล็ดของมัน (1 คร 15:35-41)
-ร่างกายที่เป็นขึ้นมาใหม่นี้จะเหมือนกับร่างกายที่ประกอบด้วยศักดิ์ศรีของพระเยซูคริสต์ (ฟป 3:21)
-การเป็นขึ้นมาจากความตายขององค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นแบบอย่างหรือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เราทั้งหลายจะได้รับร่างกายใหม่เช่นเดียวกับพระองค์ (1 คร 15:3-20)
-ร่างกายเนื้อหนังที่หว่านลงไปนั้นไร้เกียรติ (เพราะเป็นที่อาศัยของธรรมชาติบาป) สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นก็มีศักดิ์ศรี ไม่มีความผิดบาปอีก
-สิ่งที่หว่านลงไปนั้นอ่อนกำลังสิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นจะทรงอานุภาพ สิ่งที่หว่านลงไปนั้น เป็นร่างกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมาก็เป็นกายวิญญาณ
-ถ้าร่างกาย (ฝ่ายเนื้อหนัง) มี ร่างกาย (ฝ่ายวิญญาณ) ก็มีด้วย สิ่งที่หว่านลงไปคือความเปื่อยเน่า ความอ่อนกำลัง โรคภัยไข้เจ็บ ความเหน็ดเหนื่อยและความตาย
-สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่คือ ความไม่รู้จักเน่าเปื่อย ความชื่นชมยินดี ความไม่รู้จักแก่เฒ่า และสุขภาพดีตลอดไป ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนอีกต่อไป (1 คร 15:42-50)
-ปัจจุบันนี้ ในร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี้กำลัง “คร่ำครวญรอคอยที่จะสวมร่างกายใหม่” (2 คร 5:1-5)
-เราทั้งหลายได้รับการไถ่โทษแล้วทางวิญญาณ แต่เรากำลังรอคอยการไถ่ร่างกาย หรือเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่ด้วยใจจดจ่อ (รม 8:18-25)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า และไม่เชื่อพึ่งอาศัยในบารมีของพระองค์
-จะได้รับการพิพากษาลงโทษ อันเป็นความพินาศนิรันดร์ และเขาจะพลัดพรากจากพระผู้เป็นเจ้า และจะพลัดพรากจากสง่าราศีแห่งอานุภาพของพระองค์ (2 ธส 1:7-10)
-พระพิโรธของพระเจ้าจะมาถึงคนที่ไม่เชื่อฟัง เพราะ คนบาปจะมีส่วนในมรดกแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ (ดู อฟ 5:5-6,1 คร 9-10)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนที่รู้จักพระเจ้า และเชื่อพึ่งอาศัยในบารมีของพระองค์
-ได้รับการชำระ ได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 ได้รับการทำให้เป็นคนบุญแล้วในพระนามของพระเยซูเจ้า และพระธรรมแห่งพระเจ้าของเรา (1 คร 6:11)
-พระเยซูเป็นผู้ทรงช่วยให้พ้นจากพระอาชญา ที่จะมีมาภายหน้านั้น” (1ธส 1:10)
-จะอยู่ต่อหน้าของพระเจ้า และ จะอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ (1 ธส 4:17)
-ขณะนี้กำลังดำเนินไปด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ตามที่ตามองเห็น (2 คร 5:7)
-เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาจะเห็นพระองค์ เพราะว่าบัดนี้เห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่ในเวลานั้นจะเห็นชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ไม่สมบูรณ์ เวลานั้นจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ (1 คร 13:12)
-จะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ จะอยู่กับพระองค์เป็นนิตย์ (1 ธส 4:17)
จุดประสงค์แห่งการตายของพระเยซู
-เพื่อไถ่โทษบาปของเรา เพื่อว่าถึงเราจะตื่นอยู่หรือหลับ เราจะได้ชีวิตกับพระองค์ (1 ธส 5:10)
-ธรรมชาติบาปก็จะได้รับการไถ่หรือปลดปล่อยด้วย (รม 8:18-22)
-ไม่ใช่เพียงแต่สร้าง ทุกสิ่งทางพระคริสต์เพื่อพระคริสต์เท่านั้น (คส 1:16)
-ไม่ใช่เพียงแต่ยึดสิ่งทั้งปวงให้เป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์เท่านั้น (คส 1:17)
-แต่จะรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์และแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ (อฟ 1:10)
-ต่อจากนั้นเป็นวาระที่สุด พระคริสต์จะทรงมอบราชอาณาจักรของพระเจ้าไว้กับพระบิดา เมื่อพระองค์จะทรงทำลายเทพผู้ครอง…พระเจ้าจะเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง (1 คร 15:24-28)
การดำเนินชีวิตของผู้เชื่อในพระเจ้าขณะรอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู
-มีประสบการณ์ในพระคุณ โดยพระคุณของพระเจ้านั้น จึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่ (1 คร 15:10)
-พระเจ้าเรียกมาโดยพระคุณของพระองค์ (กท 1:6)
-พระเจ้ายอมรับเราในพระคริสต์ ไถ่เราหรือให้เราเป็นอิสระจากค่าของความบาป ทำให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในร่างกายของพระคริสต์
-พระองค์จะรักษาพวกเราไว้จนถึงที่สุด พระองค์ผู้ทรงตั้งต้นการดีไว้ในพวกเราแล้ว จะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์ได้ (ฟป 1:6)
กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นที่เราได้รับโดยพระคุณของพระเจ้านั้น จะเริ่มต้นที่พระเจ้าชำระเราให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification)
-เมื่อเราตัดสินใจเชื่อพึ่งอาศัยในพระองค์ ตอนนั้นเราได้รับความหลุดพ้นแล้ว ได้รับการใช้หนี้บาปแล้วในความตายของพระองค์ และเราก็ได้มีส่วนขึ้นมาในการเป็นขึ้นจากตายกับพระองค์ แม้เป็นเพียงความหวัง แต่ความจริงก็จะปรากฏขึ้น เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาครั้งที่สอง
-เมื่อได้รับการชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นแล้วในขั้นที่หนึ่ง เราก็จะดำเนินต่อมาด้วยการได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ในความหลุดพ้นขั้นที่สอง (Sanctification)
-ในการดำเนินชีวิตในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 นั้น เราจะต้องเสริมสร้างซึ่งกันและกันในชุมชนของพระเจ้า (Edification)
-ต่อมาจนกระทั่งเราตายจากเนื้อหนังที่มีบาปนี้ หรือเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่สอง เราก็จะได้รับความหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์ หรือครบบริบูรณ์ เป็นการเข้าสู่ศักดิ์ศรีของพระเจ้า ซึ่งเราเรียกว่า ความหลุดพ้นขั้นที่สาม หรือความหลุดพ้นขั้นสัมฤทธิ์ผล (Glorification)
เขียนโดย Banpote Wetchgama (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสที่ 03 พฤษภาคม 2012 เวลา 15:55 น.
(ข้อมูลที่นำมาเขียนในบทเรียน “ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 เราได้เข้าสู่ศักดิ์ศรีกับพระเจ้า (Glorification)” นี้ แปลและเรียบเรียงมาจากหนังสือ “Basic Introduction to the New Testament by John R. W. Stott” PP. 72-78,1964.