ใกล้ถึงเวลาที่โลกจะพินาศด้วย ไฟบัลลัยกัลป์แล้วหรือ?
ใกล้ถึงเวลาที่โลกจะพินาศด้วย ไฟบัลลัยกัลป์แล้วหรือ?
“ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าสงครามโลกครั้งที่ ๓ จะใช้อาวุธอะไรในการเข่นฆ่ากัน แต่สงครามโลก ครั้งที่ ๔ จะรบกันด้วยท่อนไม้และก้อนหิน” นี่เป็นคำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอสไตน์ ผู้คิดค้น สูตรพลังงานปรมาณู E = MC2 คำพยากรณ์ นี้น่าจะเป็นจริง และเป็นไปได้ว่า โลกจะพินาศ ด้วยสูตรที่เขาคิดค้นขึ้นมา!
ความหวั่นเกรงว่าจะสงครามโลกครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นนั้น ครุกรุ่นอยู่ในความคิดจิตใจของมนุษย์ตลอดมาทุกยุคทุกสมัย มันเป็นความพินาศที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง เพราะว่าโลกนี้จะถูกเผาผลาญด้วยไฟบัลลัยกัลป์ชนิดแหลกลาญเป็นจุล
มันเป็น “สงครามล้างโลก” และจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆรอดพ้นไปได้เลย
มีข้อมูลที่ทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังต้องตกอกตกใจไม่น้อย นั่นคือเรื่องเกี่ยวกับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ พบว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาได้ทดลองระเบิดชนิดร้ายแรงนี้แล้วถึง ๑,๑๕๑ ครั้ง สหภาพโซเวียตทดลองแล้ว ๙๖๙ ครั้ง ฝรั่งเศสทดลอง ๒๑๐ ครั้ง อังกฤษทดลอง ๔๕ ครั้ง ประเทศจีน ๔๕ ครั้ง อินเดียทดลอง ๖ ครั้ง ปากีสถาน ๖ ครั้ง เกาหลีเหนือ ๒ ครั้ง นอกจากนั้นมีการทดลองซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยอีกหลายประเทศในแถบตะวันออกกลางและยุโรป
คาดว่าประเทศต่างๆทั่วโลกได้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ไปแล้วไม่น้อยกว่า ๒,๑๘๐ ครั้ง
ลองคิดดูง่ายๆอย่างนี้ เมื่อตอนปลายของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนนั้นประเทศญี่ปุ่นเหิมเกริมมาก คิดจะปกครองโลกด้วยอาวุธและกำลังทหาร เดือดร้อนถึงสหรัฐอเมริกาจึงเอาระเบิดปรมาณูลูกเล็กที่สุด ๒ ลูกไปหย่อนใส่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ส่งผลให้บ้านเรือนพังพินาศในพริบตา และมีผู้คนล้มตายทันทีหลายหมื่นคน ต่อมาอีกห้าปีก็ยังมีคนที่ได้รับพิษจากละอองกัมมันตภาพรังสีและเสียชีวิตอีก ๒๐๐,๐๐๐ คน (ตัวเลขไม่ผิดครับ สองแสนคน)
นั่นเป็นเพียงลูกระเบิดเล็กๆที่มีอานุภาพทำลายแค่ดินระเบิดทีเอนที (TNT) ประมาณ ๒ หมื่นตันต่อลูกเท่านั้น แต่ในเวลาต่อมาประเทศต่างๆได้มีการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ชนิดต่างๆที่ร้ายแรงมากขึ้นนับเท่าทวีคูณ เช่น ระเบิดไฮโดรเจน ระเบิดนิวตรอน ซึ่งมีอานุภาพการทำลายลูกละมากกว่า ๑๐ ล้านตัน ทดลองกันทั้งบนดิน(ในทะเลทราย)และใต้ดิน สถานที่ใช้สำหรับการทดลองระเบิดนิวเคลียร์นั้น มีขึ้นที่รัฐเนวาดามากครั้งที่สุด
มีการสันนิษฐานว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนั้น บางทีไม่ใช่มาจากธรรมชาติพิโรธ แต่อาจจะมาจากการทดลองระเบิดนิวเคลียรก็เป็นได้!
มีรายงานที่เชื่อถือได้ นอกจากมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาและรัสเซียที่มีหัวรบนิวเคลียร์มากที่สุดแล้ว ประเทศอื่นๆก็มีไว้ประดับบารมีด้วย เช่น อังกฤษ จีน อินเดีย ฝรั่งเศส อิสราเอล เกาหลีเหนือ อิหร่าน รวมแล้วมีจำนวนถึง ๑๙,๐๐๐ หัวรบ
ลองคิดดูเถิด ถ้าประเทศเหล่านี้กดปุ่มพร้อมกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับโลกนี้!
แน่นอน ไฟบัลลัยกัลป์จะเผาผลาญทุกสิ่งให้วอดวายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะพระคัมภีร์บันทึกไว้นานนับพันปีมาแล้ว เปโตรได้รับสัญญาณจากพระเจ้าถึง “วันสิ้นโลก” ท่านกล่าวว่า “วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย” (๒ ปต. ๓.๑๐) ก่อนหน้านี้พระเยซูตรัสบอกเรื่องนี้แก่เหล่าสาวกแล้ว (มธ. ๒๔.๔๓) เปาโลก็กล่าวในทำนองเดียวกัน (๑ ธส. ๕.๒) ยอห์นก็เห็นในนิมิตเกี่ยวกับวันสุดท้ายของโลกนี้ (วว. ๑๖.๑๕)
“ฟ้าและแผ่นดินในปัจจุบันก็เก็บรักษาไว้สำหรับไฟ ถูกเก็บไว้จนกว่าจะถึงวันพิพากษาและวันหายนะ ของบรรดาคนอธรรม” (๒ ปต. ๓.๗) “ในวันนั้น ฟ้าจะลับหายไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกัน สารพัดที่มีอยู่บนนั้นจะถูกเผาจนหมดสิ้น” (๒ ปต. ๓.๑๐)
ปฐมกาลบันทึกถึงเรื่องที่ไฟตกลงมาจากฟ้าเพื่อเผาผลาญโสดมและโกโมราห์เมืองแห่งความผิดบาปในเรื่องรักร่วมเพศ เกย์และกะเทย (ปฐก. ๑๙.๒๔) นั่นเป็นเพียงเรื่องจิ๊บๆที่พระเจ้าทรงสำแดงให้เราเห็นเป็นตัวอย่าง ถึงไฟอันใหญ่หลวงที่จะลงมาเผาผลาญโลกในอนาคต
ในพระธรรมอพยพก็มีเรื่องของไฟเช่นเดียวกัน เมื่อพระเจ้าทรงใช้โมเสสให้ไปนำชนชาติอิสราเอลออกมาจากการเป็นทาสของอียิปต์ โมเสสต้องสำแดงการอัศจรรย์ด้วยภัยพิบัติหลายครั้งกว่ากษัตริย์ฟาโรห์จะศิโรราบ ในภัยพิบัติอย่างที่เจ็ดนั้นเอง “โมเสสก็ชูไม้เท้าขึ้นไปในท้องฟ้า แล้วพระยาห์เวห์บันดาลให้มีเสียงฟ้าร้อง มีลูกเห็บและไฟตกลงมาบนแผ่นดิน...มีลูกเห็บกับไฟแลบ” (อพย. ๙.๒๓-๒๔)
ในพระธรรมมัทธิวบทที่ ๒๔.๒๙ พระเยซูคริสต์ได้ตรัสถึงวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมา จะมีเหตุการณ์อันน่ากลัวเกิดขึ้นก่อน “ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้าสวรรค์ และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในฟ้าสวรรค์จะถูกทำให้หวั่นไหว”
นักศาสนศาสตร์บางคนตีความว่า เป็นไปได้ว่าความมืดมนอนธกาลที่เกิดขึ้นกับโลกในวาระสุดท้ายนั้น เป็นเพราะอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์ มันเป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจสำหรับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า แต่สำหรับคริสเตียนแล้ว
เป็นช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดี “บุตรมนุษย์(พระเยซูคริสต์)จะเสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและทรงพระรัศมีอย่างยิ่ง แล้วพระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์ทั้งหลายของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรที่ดังมาก และให้รวบรวมคนทั้งหมดที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว จากทั้งสี่ทิศ ตั้งแต่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงสุดฟ้าข้างโน้น” (มธ. ๒๔.๓๐-๓๑) ใกล้จะถึงเวลาที่โลกจะต้องพินาศด้วยไฟบัลลัยกัลป์แล้ว! มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในไม่ช้า เราคริสเตียนทุกคนเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมครับ?.
แก้ไขล่าสุด (วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน 2012 เวลา 23:27 น.)