ธรรมชีวิต 26-30 มิถุนายน 2012
26 มิถุนายน 2012 “รักตัวเอง”
“…จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
มัทธิว 22:39
บางครั้งเราวุ่นวายกับการช่วยเหลือผู้อื่นจนลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง เมื่อพวกฟาริสีถามพระเยซูว่า พระบัญญัติข้อไหนใหญ่ที่สุด พระองค์ตรัสว่า “จงรักพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า” พระองค์ตรัสต่อไปว่า ข้อนี้เป็นพระบัญญัติข้อใหญ่ที่สุด และข้อที่สองคือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ชีวิตที่สมบูรณ์จึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่ทั้งสองส่วนอย่างดีที่สุด
พระเยซูทรงทราบว่า ถ้าเราไม่รักตนเอง เราจะรักและเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอย่างมีคุณภาพไม่ได้ ต่อเมื่อเรารักและดูแลเอาใจใส่อย่างดีต่อเราเองแล้วเท่านั้น เราจึงอยู่ในสถานะที่จะช่วยเหลือเพื่อนบ้านทั้งโลกให้ได้รับในสิ่งที่เขาต้องการได้มากกว่า
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รักพระองค์และรักข้าพระองค์เองอย่างดีที่สุด ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
27 มิถุนายน 2012
“พระเจ้าทรงทราบ”
พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติ สืบสายโลหิตเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก และได้ทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาอยู่
กิจการ 17 : 26
คุณตาของผมเกิดในเมืองเล็ก ริมฝั่งโขง ท่านเสียชีวิตก่อนผมเกิด 12 ปี ดังนั้นผมจึงไม่เคยพบท่านมาก่อน ครั้งหนึ่งเมื่อผมไปเยือนสถานที่เกิดของคุณตา ผมยืนมองออกไปทางฝั่งแม่น้ำโขงตรงปราสาทเก่าแก่หลังหนึ่งใกล้ ๆ กับโรงเรียนที่คุณตาเคยเรียนหนังสือ ทิวทัศน์ในบริเวณนั้นสวยงามมาก ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมภูมิทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าผมนั้น ผมตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนของผมว่า คุณตาของผมคงเคยมายืนอยู่ ณ จุดนี้และมองออกไปทางแถบแม่น้ำโขงเช่นกัน ผมเกิดความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดกับคุณตาของผมขึ้นมาทันที ผมมีความรู้สึกว่า ดวงตาและสรรพางค์กายของผมล้วนเป็นของขวัญที่ตกทอดมาจากคุณตาของผม
ความคิดนี้ทำให้ผมเห็นว่ามรดกจากบรรพบุรุษของเรานั้นเป็นสิ่งที่สมจริงสมจังและสัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม แม้เราจะไม่รู้จักหรือพบหน้าค่าตาคนเหล่านั้นมาก่อนก็ตาม แต่ของขวัญและมรดกเหล่านั้นสำแดงให้ผมเห็นความรักอย่างลึกซึ้งของพระเจ้าอีกด้วย ไม่ว่าวัฒนธรรมและภูมิหลังทางครอบครัวของเราจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดหรือเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พระเจ้าทรงรู้จักเราและทรงสามารถกระทำกิจทางของประทานพิเศษของเราได้เสมอ สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกสบายใจเมื่อรู้ว่าพระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่สูงสุดทรงทราบว่าผมอยู่ที่ไหนและผมอยู่ที่นี่ทำไม
ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงโปรดให้ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์อยู่ที่ไหน และพระองค์ทรงรักข้าพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
28 มิถุนายน 2012
“พระเจ้าทรงเตือน”
จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้
โรม 12:15
เมื่อผมเลี้ยวรถตรงทางโค้ง ผมก็นึกได้ว่าตัวเองอยู่ใกล้บ้านของแมว น้องสาวเธอเคยขอให้ผมไปเยี่ยมหนุนใจเธอโดยบอกว่า “แมวไม่ได้เป็นสมาชิกของโบสถ์ และเธอก็กำลังประสบกับปัญหามากมาย” แรงกระตุ้นบางอย่างภายในตัวผมบอกว่า ทำไมไม่หยุดสักนิดหนึ่งล่ะ แต่ผมก็คิดว่า ผมมีงานล้นมือ ผมขับรถช้าลงแต่ก็ไม่หยุด ผมเลี้ยวรถกลับและขับรถผ่านบ้านหลังนั้นถึงสองครั้ง แต่ละครั้งผมรู้สึกว่าแรงกระตุ้นให้หยุดรถแล้วเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นเพิ่มมากขึ้น ครั้งที่สามผมจึงเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถ
เมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมมองเห็นแมวกำลังนั่งพิงโต๊ะสำหรับทำอาหารอยู่ในครัว เธอกำลังร้องไห้ ผมเคาะประตูแต่เธอไม่ขยับเขยื้อนเลย ผมเดินเข้าไปหาและวางมือลงบนบ่าของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมอง ไม่มีวี่แววของความประหลาดใจหรือความกลัวอยู่บนใบหน้าเลย เธอพูดว่า “ดิฉันอธิษฐานทูลขอให้พระเจ้าทรงส่งใครสักคนมาหา” แมวได้พูดคุยกับผมอย่างเปิดอก
พระเจ้ายังทรงตรัสกับเราเสมอ เราสามารถเลือกว่าจะเชื่อฟังการกระตุ้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ก็ได้หากเราเชื่อฟัง บางครั้งเราอาจคือคำตอบสำหรับคำอธิษฐานของใครบางคนก็ได้
ข้าแต่พระเป็นเจ้าแห่งความรัก ขอทรงเปิดความคิดและจิตใจของข้าพระองค์ออกต้อนรับพระองค์และเพื่อนบ้าน ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
29 มิถุนายน 2012
“พระบัญชาอันศักดิ์สิทธิ์”
อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า
โรม 12:11
คุณป้า ได้พูดอย่างมีความสุขทางโทรศัพท์บอกว่า “ฉันจะมีอายุครบ 82 ปีในวันอาทิตย์นี้” ผมแสดงความยินดีกับเธอและเธอพูดว่า “อ้อ วันอาทิตย์ไม่ใช่วันเกิดของฉัน วันจันทร์ต่างหาก ซึ่งฉันจะมีอายุ 82 ปี แต่ฉันจะไม่อยู่ที่จะให้ใครต่อใครมาแฮปปี้เบริ์ดเดย์หรอกนะ ฉันจะไปเที่ยวทะเล”
อารมณ์ขันของคุณป้าทำให้ผมกระปรี้กระเปร่าขึ้น จากนั้นเธอจึงบอกให้ทราบถึงสาเหตุที่เธอโทรศัพท์มาถึงผม เธอบอกว่าเธอตื่นขึ้นในเช้าวันนั้นโดยมีข้อความจากเพลงนมัสการเก่าบทหนึ่งขึ้นมาในความคิดและจิตใจของเธอ เธอจำได้ดีว่าเธอเคยร้องเพลงนั้นสมัยเป็นเด็กรวีวารศึกษาและมันเป็นเหมือน “คำสั่ง จากพระเจ้าที่มาถึงเธอในเวลานี้ที่ว่า “จงช่วยบางคนในวันนี้ คนที่ผ่านเข้ามาในหนทางชีวิตของเจ้า” เธอถามต่อมา “ช่วยอย่างไร ฉันควรจะให้ความช่วยเหลือแก่คนหนุ่มสาว หรือคนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัย ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสเรียนหนังสือต่อได้หรือ” เธอควรเป็นเหมือนกับที่พวกเราหลายคนเป็นเมื่อพระบัญชาของพระเจ้ามาถึง นั่นคือเชื่อฟัง ตอบสนองและเต็มใจ
ด้วยการทรงจัดสรรของพระเจ้า พระองค์ทรงโปรดให้ผมมีความห่วงใยต่อคนนั้นที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ พระเจ้าทรงทำให้คำอธิษฐานของเราสอดคล้องต้องกับความต้องการของผู้อื่นเหมือนกับชิ้นส่วนของภาพต่อที่เรียงต่อเข้าด้วยกันอย่างสนิท
ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีความกระตือรือร้นที่จะทำในสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ในจิตใจของข้าพระองค์ด้วยเถิด ในพระนามพระเยซูคริสต์ อาเมน
30 มิถุนายน 2012 “ทรงบาดเจ็บเพื่อเรา”
“แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายสมบูรณ์นั้นตกแก่ท่าน ที่ท่านต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี”
อิสยาห์ 53:5
ชายคนหนึ่งซึ่งทุกข์ใจอย่างหนักเพราะบาปของเขา เขาฝันเห็นพระเยซูทรงถูกเฆี่ยนอย่างทารุณโดยทหารนายหนึ่ง เชือกหวายที่ฟาดลงบนหลังของพระองค์แต่ละครั้งทำให้คนที่มุงดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง เพราะเชือกที่น่ากลัวนั้นได้ทิ้งบาดแผลเหวอะหวะไว้บนพระกายที่บวมและชุ่มไปด้วยพระโลหิต ขณะที่นายทหารยกแขนขึ้นเพื่อจะฟาดลงไปอีกครั้ง ชายดังกล่าวก็รีบวิ่งไปหยุดเขาเมื่อทหารผู้นั้นหันมา เจ้าของความฝันก็ต้องตกใจที่ได้เห็นหน้าของตัวเอง!
เขาตกใจตื่นเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวและสำนึกว่าความบาปของเขาทำให้องค์พระผู้ช่วยต้องรับโทษอย่างมหันต์ ขณะคิดถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์
น่าอัศจรรย์ใจที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่โลกที่บาปผิดและหลงหาย! พระองค์ทรงบาดเจ็บเพราะการละเมิดของเรา “เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ” แต่สรรเสริญพระเจ้า “พระเจ้าทรงวางลงบนท่าน ซึ่งความบาปผิดของเราทุกคน” (อสย. 53:6)
ในด้านหนึ่งวันศุกร์ประเสริฐคือวันที่มืดมนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่เพราะการเสียสละของพระเยซูคริสต์เพื่อเราทั้งหลาย ไม้กางเขนจึงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนทุกยุคทุกสมัย
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงไถ่ชีวิตข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยชีวิตอันสูงค่าของพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
แก้ไขล่าสุด (วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2012 เวลา 01:06 น.)