ฮาราคีรี โลกีย์
บทความเรื่อง “ ฮาราคีรี โลกีย์
โคโลสี บทที่ 3:5 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ 1 โครินธ์ บทที่ 9:27 แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้
ข่าวที่คนทั้งโลกตกตะลึง
เมื่อสื่อมวลชนได้แพร่ภาพรัฐมนตรีคนหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดคำถามต่างๆนานาว่า อะไร หรือเหตุใดหรือ ทำให้ท่านรัฐมนตรีเกษตรตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกล้าจัดการกับตัวเองได้เพียงนั้น แต่นั่นแหละครับไม่ว่าสภาพสังคมญี่ปุ่นแปรเปลี่ยนไปไกลมากขนาดไหนแต่ระบบคิด" ดั้งเดิมที่ยังฝังอยู่ในสำนึกเบื้องลึกของคนญี่ปุ่นซึ่งเป็นมรดกตกทอดตั้งแต่สมัยศักดินาก็คือตายเสียดีกว่าอยู่อย่างคนไร้เกียรติ!ที่มาการ "ฮาราคีรี"คว้านท้องสำเร็จโทษตัวเองเพื่อชดใช้ความผิดในยุคซามูไร ก็มาจากระบบคิดลักษณะเดียวกันข่าวครึกโครมไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกช่วงหลายวันที่ผ่านมา กรณีรัฐมนตรีเกษตรและอดีตผู้บริหารวิสาหกิจป่าไม้ "เจ-กรีน" ของญี่ปุ่นฆ่าตัวตายในเวลาไล่เลี่ยกัน ศพซ้อน น่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ระบบคิดตายชดใช้ความผิด" ที่ยังเหลืออยู่ในสังคมญี่ปุ่นสำหรับนายโทชิคัตสึมัตสึโอกะ รมว.เกษตรและแกนนำพรรคแอลดีพี ตัดสินใจผูกคอตายและเป็นรัฐมนตรีคนแรกหลังสิ้นสุดยุคสงครามโลกครั้งที่ ที่กระทำอัตวินิบาตกรรมส่วนนายชินิจิ ยามาซากิ อดีตผอ. เจ-กรีนกระโดดตึกดับอนาถอีกวันถัดมาปมเงื่อนที่ทำให้ทั้งสองคนจบชีวิตเชื่อว่าสืบเนื่องมาจากเพราะไปพัวพันกับคดีทุจริต-รับสินบน ซึ่งอื้อฉาวมาหลายเดือนมีข่าวว่านายมัตสึโอกะนั้นเครียดกับคดีฉาวครั้งนี้มากถึงกับบอกกับคนใกล้ชิดว่าอยากสารภาพผิดในศาลให้จบ หวังล้างบาปก่อนตาย
ยูดาสตัดสินใจทำการฮาราคีรีตัวเอง
ทำให้อดที่คิดมองย้อนกลับไปดูอดีตชีวิตผู้นำคนหนึ่งคือยูดาสอิสคาริโอดสาวกหนึ่งในสิบสองคนเมื่อราวสองพันปีก่อนไม่ได้ เขาก็เป็นหนึ่งสาวกวงในของพระเยซูคริสต์ ที่ทุกคนต่างต้องตกตะลึงคล้ายกัน อาจจะต่างเพียงสถานที่ และต่างเวลากัน เมื่อเขาได้ก้าวผิดพลาดมหันต์ โดยการขายองค์พระเยซูคริสต์เจ้านายของตนเองให้ถูกจับกุมและตรึงตายที่บนไม้กางเขนเคียงคู่กับโจรร้ายสองคน ส่วนตัวเองกลับหอบหิ้วเหรียญเงินอันน้อยนิดไปเป็นของตัวเอง ท่ามกลางสถานการณ์ที่กดดัน ในชั่วโมงแห่งการทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์ หลังจากนั้นเขารู้สึกสำนึกเศร้าสลดเสียใจ ไม่กล้าสู้หน้าผู้คน รู้สึกอับอายขายหน้าที่เป็นศิษย์กบฏ ไม่อาจจะพบหน้าเพื่อนสนิทมิตรสหาย ไม่รู้จะตอบคำถามผู้คนอย่างไร ในชั่วโมงตึงเครียดนั้นเอง ยูดาสตัดสินใจทำการฮาราคีรีตัวเอง เอาเชือกผูกคอตัวเองตายบนต้นไม้และเชือกขาดตกลงมาใส่พุงทะลัก
ต่อมแห่งการยอมรับสำนึกว่าตนผิดได้ตายด้าน
ทำให้เกิดมุมมองได้สองแง่สองง่าม ด้านหนึ่งเขาเหล่านั้นมาถึงซึ่งสิ้นไร้ปัญญา เข้าทำนองที่ว่า ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด แต่อีกด้านหนึ่งเรากลับทึ่งในความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญที่ยุติชีวิตของตนเองลง เป็นการยอมรับผิดบาปที่ได้กระทำลงไป ตายเสียดีกว่าอยู่อย่าไร้เกียรติ แต่ทะว่าการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหากำลังจะกลายเป็นแฟชั่นของคนในยุคปัจจุบันเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมญี่ปุ่น ที่แต่ละปีๆหนึ่งจะมีคนคิดตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาความกดดันในชีวิตกว่า 30000 คน แฟชั่นการตัวตายกำลังตกเป็นเครื่องมือของเยาวชนหนุ่มสาว เมื่อเขาเหล่านั้นไม่สามารถปรับตัวเข้ากับความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ กลุ่มคนที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในชีวิต หรือเพราะความล้มเหลวในธุรกิจการงาน การไม่อาจจะแก้ไขปมปัญหาน้อยใหญ่ สารพัดที่ถาโถมกระหน่ำเข้ามายิ่งกว่าสึนามิ ไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว ในยุคที่ประชาชนวิ่งหาวัตถุมงคลมากที่สุด เพราะชีวิตทุกๆวันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งสิ่งใดได้ บ่งบอกให้รู้ว่าสังคมต้องการการเยี่ยวยารักษา กำลังบาดเจ็บ กำลังอ่อนแอ ในยุคที่คุณธรรม ศีลธรรมค่อยๆมลายจืดจางหายไปจากสังคมที่ละนิดๆ ผู้นำประเทศ ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมบ้านเมืองขาดคุณธรรม ขาดการยั้งยั้งช่างใจ ถึงกระนั้นก็อดเศร้าใจไม่ได้เมื่อเห็นนักการเมือง หรือแม้กระทั้งผู้นำทั้งหลาย หลายคนที่รู้ๆแก่ใจว่าตนเองทำผิดบาป ก้าวผิดพลาด นำพาประเทศชาติล้มเหลว คอรัปชั่นชาติบ้านเมือง คดโกง กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่าตนเองกระทำผิดศีลธรรม หรือจรรยาบรรณ นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือยอมรับผิดแต่ประการใด ไม่มีการสำนึกผิด ตรงนี้สิน่ากลัวยิ่งกว่า เมื่อทำผิดแต่ไม่รู้สึกสำนึก จิตใต้สำนึกไม่มี ต่อมแห่งการยอมรับสำนึกว่าตนผิดได้ตายด้าน ความหวังของชาติบ้านเมืองจะอยู่ที่ไหน สังคมไทยจะเป็นเช่นไรในเบื้องหน้า
ลืมคุณธรรมศีลธรรมจริธรรมอันดีงาม
ทำนองเดียวกันกับชีวิตคริสเตียน และเส้นทางการรับใช้พระเจ้าของเราทุกคน ที่เราจำต้องหันกลับมาพินิจพิจารณาดูตัวตนกันเสียบ้างว่าเป็นเช่นไร ใช่ว่าจะวิ่งไล่ไขว่คว้าหาช่องทาง และโอกาส เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนเอง ของครอบครัวตัวเอง หรือเพื่อองค์กรของเรา ว่าจะทำอย่างไรให้เจริญก้าวหน้าต่อไปให้เหนือกว่าองค์กรอื่นๆ ทำอย่างไรที่ตนเองจะไต่เต้าไปจนเป็นระดับผู้นำสูงสุด เข้าไปนั่งอยู่ในคณะกรรรมการสำคัญๆของประเทศ จนลืมคุณธรรมศีลธรรมจริธรรมอันดีงามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประทานให้ พร้อมกับการเมื่อครั้งเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพระองค์นั้น บางทีเราก็โบยบินไปมาเพื่อเสาะแสวงหาแหล่งทุนทรัพย์ หาการสนับสนุนจากทั้งในและต่างประเทศ เขียนร่างโครงการต่างๆเสียสวยงาม รายงานผลงานต่างๆออกมาเสียเลิศหรูอลังการ พระเจ้าและท่านเท่านั้นที่รู้ดีว่า ความจริงแน่แท้นั้นคืออะไร พระเจ้าทรงรู้เห็นความผิดบาป เรื่องที่อื้อฉาวในชีวิตจิตวิญญาณของเราดีที่สุด แม้ว่าเราจะเพียรพยายามปกปิด ปกป้องปมบาป จุดอ่อนแอของเรามากเท่าใด ก็ไม่อาจจะปิดกั้นจากพระเนตรพระองค์ได้ อย่าลืมความจริงที่ว่าพระเจ้าต้องการ และให้ความสนใจชีวิต และตัวของเราเองมากกว่า ผลงานของเรา ในฐานะที่เราเป็นคริสตชนเป็นพลเมืองสวรรค์ก็ควรอย่างยิ่งที่จะส่องสว่าง สำแดงชีวิตในพระคริสต์ให้ปรากฏแก่คนทั้งปวง ดำเนินชีวิตให้เป็นแนวทาง เป็นประดุจแปลงสาธิตการเกษตรให้คนอื่นมองเห็นเป็นต้นแบบฉบับ หาใช่หยิ่งทะนงตน หรือสำคัญผิดคิดว่าตัวเองสำคัญทั้งๆที่ตัวเองมิได้สำคัญแต่ประการใดๆเลย มองย้อนกลับไป180 ปีที่ข่าวประเสริฐเข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่วันนี้คนไทยกว่า 60 ล้านคนก็ยังจ่มอยู่โคลนตรมแห่งบาป ไม่ได้รู้จักพระเจ้าเที่ยงแท้
บทบาทที่พระองค์มอบไว้ให้เราทุกคนคืออะไร
คริสเตียนทุกคนไม่ควรจะลืมว่าบทบาทที่พระองค์มอบไว้ให้เราทุกคนคืออะไร มิเช่นนั้นเราอาจจะใช้ฐานะหรือหน้าที่ปฏิบัติงานโดยมิชอบ เฉกเช่นเดียวกับนักการเมืองต่างๆทั้งในและต่างประเทศ และรัฐมนตรีที่จบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย โคโลสี 3:5 เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ เปาโลหนุนใจให้คริสเตียนทำ ฮาราคีรีกับโลกียวิสัยต่างๆเสียสิ้น ความบาปเล็กๆน้อยๆ และความโลภในทรัพย์สินเงินตรา ตลอดจนคุณธรรมจริยธรรมที่สูญเสียไป ก็ให้มั่นซ่อมแซม เยียวยาดูแลทะนุบำรุงหล่อเลี้ยงขึ้นมาใหม่ จะได้สมกับการที่เราเป็นคนของความสว่าง และผู้ประกาศทางแห่งชีวิต ไม่ใช่ความคิดที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหลีกหนีกับการเผชิญหน้ากับฝูงชน และปัญหาต่างๆ ความยากลำบากในชีวิต การสูญเสียต่างๆ ความเจ็บปวด ความขมขื่น ความเครียด ความกดดัน เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในครอบครัว ในสำนักงาน อย่าคิดว่าความตายคือหนทางดีที่สุดที่จะหลีกหนีปัญหาชีวิต เพราะชีวิตหลังความตายก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรอีกมากมาย และสุดท้ายแล้วนั้นก็ไม่พ้นที่จิตวิญญาณของเราจะต้องรายงานตัวต่อพระพักตร์พระเจ้า และปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนทุกๆคน สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตวานนี้นั้น เราไม่อาจจะวิ่งกลับเข้าไปแก้ไขมันได้แล้ว แต่วันนี้เรายังพอสามารถดำเนินชีวิตที่ดีงามได้ ยังมีเวลาพอที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ขอเพียงตั้งสติก่อนทำสิ่งใดๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองหลงทางผิด ดำเนินชีวิตพลาดพลั้งไปจากมาตรฐานของพระเจ้า หรือจริยธรรม คุณธรรม ก็หันกลับมาเริ่มต้นใหม่ ผู้คนและสังคมให้โอกาสแก่ทุกคนที่สำนึกดี และถ่อมใจ กล้าหาญที่พูดว่าขอโทษ ผมผิดไปแล้วขอให้อภัยแก่ผมด้วย พระคัมภีร์ย้ำบ่อยครั้งว่าการฆ่าคนเป็นบาป เราหาใช่เป็นเจ้าของชีวิตของตนเองไม่ พระคริสต์ต่างหากพระองค์ผู้ไถ่ชีวิตของเรา
จงฮาราคีรีโลกีย์ในตัวเองเถิด
อนึ่ง พระคัมภีร์ไม่ได้สอนว่าชีวิตคริสเตียนขณะพำนักอาศัยอยู่ในโลกใบนี้นั้น จะไม่ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิต หรือแรงกดดันทั้งหลายทั้งสิ้น แต่กลับกันพระเจ้าทรงมีคำมั่นสัญญาแก่เราทั้งหลายว่า เหนือสถานการณ์ที่เกินกว่าที่เราจะควบคุมได้เช่นนั้น พระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วยเสมอไป คือพระองค์เองทรงตรัสว่า เราเองอย่ากลัวเลย...... ดังนั้นคริสเตียนแทนที่จะวิ่งหนีปัญหา แทนที่จะเสาะแสวงหาการโยกย้ายคริสตจักรไปที่นั่นที่โน่น ก็ให้คิดใหม่ทำใหม่เสียดีกว่า อยู่ที่ไหนก็ให้คนรักใคร่เอ็นดู อยู่ที่ไหนก็เพื่อรับใช้พระเจ้า และเสริมสร้างซึ่งกันและกันเสียดีกว่า แทนที่คิดอยากตาย ให้หันกลับมากำจัดความต้องการน้อยใหญ่ รู้จักปฏิเสธความต้องการของเนื้อหนัง โน้มตัวเองเข้าสู่ใต้ร่มแห่งพระคุณความรัก พระกรุณาคุณของพระเจ้า ก้าวติดตามรับใช้พระองค์ตลอดไป แม้ว่าบางครั้งเหนื่อยล้าเหลือจนทน ก็อดทนเอาเหนื่อยหนักก็พักแรงได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินต่อไป จงรู้เถิดว่า บุคคลผู้ซึ่งรอคอยพระเจ้าเขาจะได้รับการเสริมเรี่ยวแรงขึ้นมาใหม่ เขาจะมีปีกแข็งแรงบินได้สูงสง่า มีสายตามองการไกล ยอห์น 12:25 ผู้ใดที่รักชีวิตของตนก็ต้องเสียชีวิต และผู้ที่ชังชีวิตของตนในโลกนี้ ก็จะธำรงชีวิตนั้นไว้นิรันดร์ นั่นแหละคือสิ่งที่ทรงต้องการ แทนที่จะฮาราคีรีตัวเอง แต่จงฮาราคีรีโลกีย์ในตัวเองเถิด.
แก้ไขล่าสุด (วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2012 เวลา 23:08 น.)