ธรรมชีวิต วันที่ 7-14 สิงหาคม 2012
7 สิงหาคม 2012
“เมื่อเกิดความกดดัน”
ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความอดทน
โรม 5:3
อะไรทำให้ผลแอปเปิลดูน่ากิน? ก็เปลือกของมันน่ะสิ แล้วอะไรทำให้แอปเปิลมีรสชาติอร่อยอย่างแท้จริง? ก็คือน้ำและเนื้อในของมัน เพราะนั่นคือ “ลักษณะ” ที่แท้จริงของแอปเปิ้ล
ผมเรียนรู้สิ่งนี้ตอนเป็นเด็กขณะที่ดูคุณป้าซึ่งกลับมาจากต่างประเทศ มาทำซอสแอปเปิ้ลให้ดู ท่านนำแอปเปิลที่หั่นเป็นชิ้นๆ ไปต้มจนนิ่มแล้วนำมาบดด้วยสากไม้ผ่านกระชอนไปยังถ้วยที่รองอยู่ข้างใต้จนในกระชอนเหลือแต่เปลือกที่มอซอของมัน แต่รสชาติของน้ำซอสที่ได้นั้นแสนอร่อย!
พระเจ้าทรงใช้ความกดดันในชีวิต พื่อดึงเอาความหวานของลักษณะอย่างพระคริสต์ในตัวเราออกมา ความทุกข์ยากลำบากหรือ “ความกดดัน” ยังช่วยให้เราตระหนักถึงพลังอันน่ากลัวของธรรมชาติบาปในตัวเราและมองเห็นมันอย่างที่มันเป็นคือน่าเกลียดและไร้รส ภายใต้ภาวะกดดัน ความบาปทุกชนิดจะปรากฏออกมา ไม่ว่าจะเป็นความโลภ ความเห็นแก่ตัว กิเลสตัณหา หรือความเย่อหยิ่ง
ความกดดันเป็นความจริงของโลกที่กำลังเสื่อมสลาย ไม่ว่ามันจะมาจากภายนอกหรือจากความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีจริงข้างใน พระเจ้าทรงควบคุมระดับความรุนแรงและระยะเวลาของความกดดันที่เกิดขึ้นเพื่อที่เราจะสามารถตระหนักสารภาพ และละทิ้ง “เปลือก” แห่งเนื้อหนังซึ่งมาบดบังพระลักษณะของพระคริสต์ในชีวิตของเรา
ความทุกข์ยากลำบากไม่ได้เป็นสิ่งที่มนุษย์เสาะหา แต่เมื่อมันมาเยี่ยมเยือนเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะใช้มันเพื่อสร้างความอดทนลักษณะนิสัย และความหวัง (รม. 5:3-4) ขึ้นภายในเรา
ข้าแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ โปรดเปิดจิตใจของข้าพระองค์ออกเพื่อข้าพระองค์จะให้ชีวิตของตนเอง และรักผู้อื่นเหมือนดังที่พระองค์ทรงสอนไว้ ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
8 สิงหาคม 2012
“บ้านแห่งสัญลักษณ์”
ความจริงนั้นตามพระบัญญัติถือว่า เกือบทุกข์สิ่งจะบริสุทธิ์เพราะโลหิต และถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาปเลย
ฮีบรู 9:22
เพื่อนบ้านของเราต้องตกใจกลัว เมื่อมีชายหนุ่มสองคนเดินเข้าไปในบ้านของเธอโดยไม่ได้รับเชิญ เธอส่งเสียงร้องและพวกเขาก็วิ่งหนีไป แต่จะไม่มีใครตำหนิว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี หากคุณเข้าไปในบ้านของใครสักคน คุณก็จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของคนคนนั้น
บางครั้งเราอาจลืมไปว่าการเข้าเฝ้าพระเจ้าก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ โดยจะเห็นได้ชัดจาก “บ้านแห่งสัญลักษณ์” ในพันธสัญญาเดิมซึ่งเราเรียกว่า พลับพลาของพระเจ้า (อพย.25-27) การก่อสร้างและการจัดวางสิ่งของต่างๆ ภายในนั้นทำให้เรารู้ว่าเราจะเข้ามาเฝ้าพระองค์ก็ต่อเมื่อเราอยู่ภายใต้เงื่อนไขของพระองค์เท่านั้น
ลองมาพิจารณาดูตัวอย่าง เช่น แท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ (27:1-8) ด้วยกัน ทองสัมฤทธิ์ในพระคัมภีร์นั้นหมายถึงการพิพากษาความผิดบาป การฆ่าแกะและแพะบนแท่นบูชานั้นแสดงถึงผลของความบาป การตายอย่างทารุณของสัตว์ที่บริสุทธิ์เหล่านั้นบ่งชี้ถึงตัวแทนที่กำลังเสด็จมาคือ “พระเมษโปดกของพระเจ้า” ผู้ทรงปราศจากบาป เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขน การเสียสละของพระองค์นั้นมากเกินพอที่จะทำให้บาปของมนุษย์ทั้งปวงได้รับการอภัย (ยน.1:29) วิธีเดียวที่จะเข้าไปไกลพระเจ้าก็คือการปฏิบัติตามเงื่อนไขของพระองค์ เราต้องรับการอภัยที่พระองค์ทรงประทานให้กับเราผ่านทางพระคริสต์
คุณต้อนรับพระเยซู พระเมษโปดกของพระเจ้า เป็นพระผู้ไถ่คุณจากความผิดบาปแล้วหรือยัง?
ข้าแต่พระเจ้า โปรดค้นหาข้าพระองค์ให้พบเมื่อข้าพระองค์หลงหาย ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
9 สิงหาคม 2012
“แรงจูงใจสูงสุด”
เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างที่สมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์ ให้เกิดผลในการดีทุกอย่าง และจำเริญขึ้นในความรู้ถึงพระเจ้า
โคโลสี 1:10
เด็กชายชั้น ป.1 ยืนยิ้มแฉ่งอย่างพึงพอใจขณะที่ยื่นข้อสอบการสะกดคำมาให้ผม ซึ่งครูของเขาเขียนคำว่า “100% - ดีมาก” เอาไว้ตัวเบ้อเริ่ม เขาบอกผมว่า “ผมเอานี่ให้พ่อกับแม่ดูเพราะผมรู้ว่าพ่อกับแม่จะต้องดีใจ” ผมเห็นภาพของเด็กน้อยนั่งรถโรงเรียนกลับมาบ้าน และอยากจะเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของพ่อแม่เมื่อได้เห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา จะเห็นได้ชัดว่าแรงจูงใจสำคัญในชีวิตของเขาคือการทำให้พ่อและแม่มีความสุข
ในพระธรรม 2 ทิโมธี 2:3 เปาโลได้ใช้ภาพของทหารซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ ท่านต้องการให้ทิโมธีรู้ว่าอะไรคือเหตุผลสูงสุดของการปรนนิบัติพระเจ้า แม้ในเวลาที่มีอุปสรรคเกิดขึ้น การทุ่มเทจนหมดใจด้วยการทำงานหนัก และระมัดระวังเอาใจใส่ในกฎเกณฑ์ของพระเจ้านั้นจะเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์ เมื่อเราทำด้วยหัวใจที่รักและยอมจำนน
ในความเป็นมนุษย์ขององค์พระผู้ช่วยให้รอดนั้น ทรงปรารถนาให้การตายอย่างทารุณโหดร้าย และการตกเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของมนุษย์ชาติเลื่อนพ้นไปจากพระองค์ แต่พระองค์ก็อธิษฐานว่า “อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด” (ลก. 22:42) แรงจูงใจสูงสุดของพระเยซูก็คือการทำให้พระบิดาพอพระทัย และนั้นควรจะเป็นแรงจูงใจของเราด้วยเช่นกัน
ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ของพระองค์ซึ่งปกคลุมข้าพระองค์ไว้ไม่ว่าข้าพระองค์จะอยู่ ณ จุดใด โปรดประทานความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและกำลังแก่ข้าพระองค์ในการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นเดียวกับที่ข้าพระองค์ได้รับการช่วยเหลือมาก่อน ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
10 สิงหาคม 2012
“ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่”
โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยให้ข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายนี้ซึ่งเป็นของความตายได้
โรม 7:24
นักวิ่งที่ถูกคู่แข่งทิ้งห่างจนดูเหมือนไม่มีทางจะชนะการแข่งขัน แต่สามารถตีตื้นกลับมานำได้อีกครั้ง คงจะช่วยกระตุ้นจินตนาการและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเราได้อย่างดี ทีมที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้าชัยชนะในตอนสุดท้ายจะทำให้เราตื่นเต้นมากกว่าทีมที่ชนะด้วยการทำคะแนนได้ดีตั้งแต่ช่วงแรก
พระเยซูได้พลิกสถานการณ์อย่างมหัศจรรย์ที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็นมา หลังจากถูกทำให้อับอาย ถูกดูหมิ่น ถ่มน้ำลายรด ถูกเฆี่ยน ถูกตี และถูกตรึงที่กางเขน บรรดาผู้ประหัตประหารพระองค์ก็อ้างชัยชนะและประกาศว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วทหารยามได้เฝ้าอุโมงค์ฝังพระศพเอาไว้ จะมีใครที่ถูกคู่แข่งทิ้งห่างจนไม่มีทางเอาชนะได้มากไปกว่านี้อีก?
แต่การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น สามวันต่อมา พระองค์ได้ฟื้นขึ้นจากความตายและปรากฏพระองค์ในฐานะผู้มีชัยเหนือความบาป ความตาย และนรก เป็นการพลิกสถานการณ์ที่ไม่เหมือนครั้งอื่นใดในประวัติศาสตร์
คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีทางชนะอยู่หรือไม่? คุณเคยล้มลงอย่างไม่เป็นท่าหรือหรือเปล่า? จงคิดถึงการทนทุกข์ของพระเยซู ใคร่ครวญถึงการฟื้นคืนพระชนม์ และทูลขอให้พระองค์ประทานชัยชนะให้กับคุณ จงคิดถึงสิ่งที่พระองค์จะประทานให้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ห่างไกลจากเส้นชัยสักเพียงใด!
ไม่มีใครที่มีชัยชนะเหมือนกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
ข้าแต่พระเจ้าแห่งการให้และความรัก ขอบพระคุณสำหรับสารพัดของประทานและความสามารถที่แตกต่างกันที่ทรงประทานให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ไว้วางใจในพระองค์ที่จะพัฒนาพรสวรรค์เหล่านั้นที่อยู่ในตัวของข้าพระองค์ และใช้เพื่อพระสง่าราศีของพระองค์ กราบทูลในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
11 สิงหาคม 2012
“สวนสองแห่ง”
พระเจ้าทรงปลูกสวนสองแห่งไว้ที่เอเดนทางทิศตะวันออก และให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นมานั้นอยู่ที่นั่น
ปฐมกาล 2:8
มีสวนที่สำคัญอยู่สองแห่งที่พระคัมภีร์พูดถึงคือ สวนเอเดนและสวนเกทเสมนี พระเจ้าทรงให้มนุษย์คนแรกคือ อาดัม อาศัยอยู่ในสวนเอเดน และพระเยซูเสด็จเข้าไปในสวนเกทเสมนีเพื่อนำสิ่งที่มนุษย์คนแรกสูญเสียไปกลับคืนมา
อาดัมคนแรกทำบาปในสวน อาดัมคนสุดท้ายมารับแบกบาปนั้นไว้ สวนเอเดนมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งมนุษย์สามารถชื่นชมมันได้ตราบชั่วนิรันดร์ ถ้าหากเขาไม่ทำลายความสัมพันธ์กับพระเจ้าลง สวนเกทเสมนีเป็นก้าวที่มุ่งสู่ต้นไม้แห่งความมรณา (กจ. 5:30,1 ปต. 2:24) เพราะความผิดบาปของอาดัมเขาจึงเสียสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิตและนำความตายมาสู่มนุษยชาติ พระองค์ผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนทรงมีชัยชนะเหนือความตาย และโดยการฟื้นคืนพระชนม์อย่างสง่างามของพระองค์ ผู้เชื่อทุกคนจึงกลับมามีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง
สวนที่อาดัมล้มลงนั้นได้สูญหายไปจากโลกแล้ว แต่วันอันแสนยินดีกำลังจะมาถึงเมื่อพระองค์ผู้ทรงทนทุกข์ในสวนเกทเสมนีจะทำให้ทุกสิ่งกลับคืนมา คำสาปแช่งจะหมดไปจากโลกนี้ สัตว์ต่างๆ จะกลับมาเชื่องอีกครั้ง (อสย. 11:6-8) ทะเลทรายจะหายไป (อฮย. 35:6) แผ่นดินโลกจะให้ผลที่อุดมสมบูรณ์ (อมส. 9:13) และพระเยซูจะทรงประทับอยู่กับเราในโลกเพื่ออวยพรประชากรของพระองค์ (วว. 21:3) สิ่งที่อาดัมทำให้สูญหายไป พระเยซูจะนำกลับคืนมา
ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ของพระองค์ซึ่งปกคลุมข้าพระองค์ไว้ไม่ว่าข้าพระองค์จะอยู่ ณ จุดใด โปรดประทานความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและกำลังแก่ข้าพระองค์ในการช่วยเหลือผู้อื่น เช่นเดียวกับที่ข้าพระองค์ได้รับการช่วยเหลือมาก่อน ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
12 สิงหาคม 2012
“หัวอกของพ่อและแม่”
บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระเจ้าทรงสงสารบรรดาคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
สดุดี 103:13
ลูกน้อยวัยสองเดือนเขาเราร้องไห้โยเยเพราะปวดท้อง เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ทั้งสามี "โย" กับดิฉันได้พยายามทุกวิถีทางที่จะหายาเพื่อมาบรรเทาความทุกข์ทรมานในยามค่ำคืนของลูกให้ได้ คืนนี้ดิฉันฟังเสียงหวีดร้องของลูก เฝ้าดูลูกถีบเท้าน้อย ๆ ด้วยความเจ็บปวด และจ้องมองนัยน์ตาของเธอในยามที่เธอร้องไห้เพื่อขอความช่วยเหลือ ดิฉันรู้สึกประหนึ่งหัวใจของฉันจะแตกสลายเพราะฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้
โยปลอบและอุ้มลูกน้อยเดินทั่วบ้านเกือบชั่วโมง จากนั้นดิฉันอุ้มเธอไว้และพาไปนั่งชิงช้า และร้องเพลง “พระคุณพระเจ้า” กล่อมลูกน้อย หลังจากนั้นอีกชั่วโมงเธอก็หลับในอ้อมแขนของดิฉันด้วยความอ่อนเพลีย บ้านทั้งบ้านก็เงียบสงบลงอีกครั้ง แต่ฉันรู้สึกว่าเราทั้งสองเหนื่อยหล้าที่ต้องดูแลเอาใจใส่ลูกน้อยของเรา แต่เราทำทุกสิ่งได้เพราะเรารักลูกดั่งแก้วตาดวงใจของเรา
เมื่อชีวิตของเราประสบกับปัญหายุ่งยาก พระเจ้าทรงโอบอุ้มและทรงเล้าโลมใจเรา ทรงโอบกอดเราด้วยพระคุณอันแสนชื่นใจของพระองค์ เราจึงอยู่ในการดูแลเอาใจใส่ของพระเจ้า
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรัก การดูแลเอาใจใส่ และการทรงสถิตอยู่ของพระองค์ตลอดไป ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
13 สิงหาคม 2012
“อย่าเป็นเป้า”
พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกซ้ำ...
สดุดี 34:18
กรมอุตุนิยมวิทยาได้แนะนำว่า ถ้าคุณบังเอิญไปอยู่ในที่โล่งแจ้งขณะที่กำลังเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ให้คุณคุกเข่าลง โน้มตัวไปข้างหน้า และเอามือวางไว้ตรงหัวเข่า เพื่อที่เวลาฟ้าผ่าลงมาใกล้ๆ ร่างกายของคุณจะได้หลีกเลี่ยงจากการเป็นสื่อไฟฟ้า ความปลอดภัยสูงสุดจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำให้ร่างกายตกเป็นเป้าน้อยที่สุด
คริสเตียนที่เผชิญกับพายุของชีวิตสามารถนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้กับจิตวิญญาณของเรา โดยการไม่แสดงตัวให้เป็นเป้าที่โดดเด่น นั่นหมายความว่าเราจะต้องถ่อมตัวลงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า (สดด. 34:18) เพราะความหยิ่งผยองและความดื้อดึงจะทำให้ใจของเราแข็งกระด้าง เราต้องพูดแต่ความจริง (ข้อ 13) หลีกหนีจากความชั่ว กระทำความดีและแสวงหาสันติภาพ (ข้อ 14) พระบิดาในสวรรค์ปรารถนาให้เราอยู่ใกล้ชิดพระองค์ในเวลาที่ใจของเราปวดร้าว เพื่อพระองค์จะได้เยียวยาบาดแผลของเราด้วยความรักและประทานกำลังใหม่ให้กับเรา
เราอาจจะเปียกโชกท่ามกลางสายฝนแห่งความทุกข์ยากลำบากที่กระหน่ำลงมา และบางครั้งลมก็กรรโชกแรงจนเราแทบจะยืนไม่ติด ขณะที่สายฟ้าฟาดลงมาแต่ละครั้ง เราอาจจะอยากลุกขึ้นและวิ่งหนีไป แต่การรักษาท่าทีแห่งความถ่อมใจ และความยำเกรงพระเจ้าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและแน่นอนที่สุดในการฟันฝ่าพายุ กษัตริย์ดาวิดยืนยันกับเราว่าผู้ที่วางใจในพระเจ้าท่ามกลางพายุของชีวิตนั้นจะไม่ถูกปรับโทษ (ข้อ 22)
ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ที่จะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดและความยากลำบากทุกชนิดอย่างไม่หวั่นไหวในความเชื่อของข้าพระองค์ ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
14 สิงหาคม 2012
“ลมแห่งรัก”
ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้าเพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
1 ยอห์น 4:8
ชาวนาคนหนึ่งมีกังหันลมอยู่ที่โรงนา ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า “พระเจ้าเป็นความรัก” เมื่อเพื่อนๆ ถามว่าเหตุใดเขาจึงเขียนเช่นนั้น ชาวนาตอบว่า “เพื่อเตือนใจให้ผมระลึกอยู่เสมอว่าไม่ว่าลมจะพัดไปในทิศทางใด พระเจ้ายังคงเป็นความรัก”
เมื่อ “ลมจากทิศใต้” ที่ชื่นฉ่ำได้หอบเอาฝนแห่งพระพรมาให้ พระเจ้าทรงเป็นความรัก “ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน” (ยก. 1:17)
เมื่อ “ลมจากทิศเหนือ” อันหนาวเหน็บแห่งการทดลองและการทดสอบพัดมาปะทะตัวคุณ พระเจ้าทรงเป็นความรัก “เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง” (รม. 8:28) เมื่อ “ลมตะวันตก” พัดกระหน่ำมาที่คุณด้วยเจตนาของการลงโทษ พระเจ้าทรงเป็นความรักเพราะ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก” (ฮบ. 12:6)
เมื่อ “ลมตะวันออก” ทำท่าว่าจะหอบเอาทุกสิ่งไปจากคุณ พระเจ้าทรงเป็นความรัก “และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้นจากทรัพย์อันรุ่งเรื่องของพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (ฟป. 4:19)
บางทีคุณอาจจะรู้สึกท้อแท้และเศร้าใจ หากเป็นเช่นนั้น จงระลึกว่าพระเจ้ายังคงห่วงใยคุณ สิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่นั้นคือสิ่งที่พระเจ้าส่งมาหรือทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง
ใช่แล้ว ไม่ว่าลมจะพัดไปในทิศทางใด พระเจ้าทรงเป็นความรัก
ข้าแต่พระเจ้าแห่งชีวิต โปรดให้ข้าพระองค์หันกลับมาหาแสงสว่างของพระองค์ทุกวัน เพื่อข้าพระองค์จะเติบโตเป็นคนที่พระองค์ทรงต้องการให้ข้าพระองค์เป็น กราบทูลในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน