กระต่ายกับเต่า (ภาคพิเศษ)
กระต่ายกับเต่า (ภาคพิเศษ)
หลายปีก่อนที่โบสถ์ของเราทุกเช้าวันอาทิตย์จะมีการสอนภาษา
อังกฤษแก่เด็กๆลูกของชาวบ้านในละแวกนั้น วันหนึ่งขณะที่พวกเขา
รอครูอยู่ เราก็มาทายปัญหาเพื่อฆ่าเวลา เด็กคนหนึ่งถามว่า
“มีเต่าอยู่สิบตัว แต่มีสี่ตัวหายไป ถามว่ามันหายไปไหน?” เราพยายาม
ตอบแต่ไม่ถูก เด็กจึงเฉลยว่า “มันไปเชียร์เพื่อนของมันแข่งกับกระต่าย!”
โฮ......
ดูเหมือนว่ายิ่งได้ใจเมื่อเห็นผู้ใหญ่ทายไม่ถูก เด็กคนนั้นก็ตั้งคำถามอีกว่า “ตกตอนเย็น เต่าทั้งหมดก็หายไป ถามว่ามันหายไปไหน?” เราก็เดาทางไม่ถูกอีกนั่นแหละ ในที่สุดก็ต้องบอกว่า “ยอม” เด็กยิ้มแล้วตอบว่า “มันไปงานเลี้ยงฉลองที่เต่าชนะกระต่าย”
เออ...เต่านี่สามัคคีกันดีเหลือเกิน
นิทานเรื่องกระต่ายวิ่งแข่งกับเต่าภาคดั้งเดิมนั้น จบลงตรงที่ว่า กระต่ายถือว่าตนเองวิ่งเร็วกว่าและประมาทคู่แข่งขัน จึงแวะนอนหลับข้างทาง เต่าจึงต้วมเตี้ยมๆเข้าเส้นชัยไปอย่างไร้ข้อกังขา บทเรียนจากเรื่องนี้ก็คือ แม้ว่าจะเชื่องช้าและมีกำลังน้อย แต่ด้วยความเพียรพยายาม ขยันหมั่นเพียรอย่างเต็มที่ ทำให้ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
ข้อพระคัมภีร์สำหรับหนุนใจสำหรับคริสเตียนก็คือ ฟป. ๓.๑๔ “ข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย” ชีวิตของผู้เชื่อนั้นถ้าอยู่เฉยๆก็เท่ากับเป็นการถอยหลัง เปาโลบอกให้ลืม(อดีต)สิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปข้างหน้า มุ่งไขว่คว้าหาความเติบโตฝ่ายวิญญาณและพระพรจากเบื้องบน
นิทานภาคต่อมาคือ กระต่ายรู้สึกผิดหวังมาก จึงไปท้าเต่าให้มาแข่งขันกันอีกครั้ง เป็นนัดล้างตา ซึ่งเต่าก็รับคำท้าแต่โดยดี คราวนี้กระต่ายนำโด่งตั้งแต่เส้นสตาร์ทจนถึงเส้นชัย แบบม้วนเดียวจบ ประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดสอนมันว่า อย่าได้ประมาทคู่แข่งขันเป็นอันขาด (แม้ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอที่สุด) การหยุดงีบหลับนั้นคือหายนะอันยิ่งใหญ่
ข้อคิดคือขอให้เต็มที่ขณะทีชีวิตอยู่ “มือของเจ้าจับการงานอะไร ก็จงทำด้วยเต็มกำลังของเจ้า” (ปญจ. ๙.๑๐) แถมยังบอกอีกด้วยว่า เมื่อตายไปแล้ว ก็จะไม่ต้องทำงานทำการอะไรอีก หลายครั้งเรามาถึงจุด “แค่นี้ก็ดีแล้ว” ขอให้ตระหนักว่า สิ่งที่ดีอาจจะเป็นอุปสรรคต่อสิ่งที่ดีที่สุด
นิทานภาคที่สาม วันหนึ่งเต่าก็อาจหาญไปท้าแข่งกับกระต่ายอีก แต่มีข้อแม้ว่าจะเป็นฝ่ายกำหนดเส้นทางแข่งขันเอง เมื่อกระต่ายตกลง การประลองความเร็วของทั้งสองก็เริ่มขึ้น ปรากฏว่ากระต่ายนำหน้าไปลิ่ว แต่พอถึงใกล้เส้นชัยมันก็เจอแม่น้ำขวางกั้นอยู่ จึงไม่รู้ว่าจะข้ามไปได้อย่างไร ขณะที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่นั้น เต่าก็มาถึงและคลานลงน้ำว่ายข้ามไปถึงเส้นชัย ขณะที่กระต่ายยังอยู่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำ
บทเรียนจากตอนนี้ก็คือ การกำหนดหลักการเพื่อให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบ (กระทำอย่างไม่ยุติธรรม) มักจะส่งผลให้เป็นผู้ชนะเสมอ
แล้วก็มาถึงภาคสุดท้าย ทั้งกระต่ายและเต่าต่างมีความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่อยากให้มีฝ่ายหนึ่งชนะและฝ่ายหนึ่งแพ้ แม้ว่าจะผลัดกันแพ้ชนะก็ตาม มันจึงนัดแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้แปลกมาก เมื่อเริ่มออกที่เส้นสตาร์ทกระต่ายก็ให้เต่าขึ้นขี่บนหลังของมัน และวิ่งไปจนถึงแม่น้ำที่ขวางกั้นก็ผลัดกัน เต่าก็เอากระต่ายขึ้นใส่หลังของมันแล้วว่ายข้ามไป แล้วทั้งคู่ก็เข้าสู่เส้นชัย การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีใครแพ้ มีแต่ชนะทั้งคู่
สรุปก็คือ นี่เป็นวิถีชีวิตของคริสเตียน พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าไม่ปรารถนาให้สักคนเดียวต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนรอด มากยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงต้องการให้เราผู้เชื่อทุกคนประสบความสำเร็จในฝ่ายจิตวิญญาณ
แบบ win-win คือทุกฝ่ายชนะ!
เปาโลได้บอกแก่ทิโมธีว่า “ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ตั้งแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า” (๒ ทธ. ๔.๗ ก.) ถ้าเปาโลพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็จบ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและเสียใจอย่างยิ่ง และอาจจะหมดหวังสำหรับหลายคน
แต่ท่านพูดต่อไปว่า “ไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่(พระเจ้า)จะประทานแก่ทุกคนที่รักการเสด็จมาของพระองค์ด้วย” (๒ ทธ. ๔.๘ ข.)
คริสเตียนที่รัก ไม่ว่าคุณจะเป็นกระต่าย ที่มีความเร็วสูง ความสามารถมากและรุดหน้าไปไกลกว่าคนอื่น
หรือไม่ว่าคุณจะเป็นเต่าที่เชื่องช้า งุ่มง่าม และไม่ค่อยทันเพื่อน
แต่ทั้งคริสเตียนกระต่ายและคริสเตียนเต่าสามารถประสบความสำเร็จฝ่ายจิตวิญญาณได้ ถ้าเราจะช่วยเหลือ
เกื้อกูล ประคับประคอง เอื้ออาทร และมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราทุกคนสามารถไปถึงจุดสุดยอดแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้าได้.