14.พระเจ้าช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นบาปอย่างไร (How God Saves Man?)
บทเรียนพระคัมภีร์
พระเจ้าช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นบาปอย่างไร
(How God Saves Man?)
เขียนโดย…บรรพต เวชกามา (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
ความบาปตามความเข้าใจของคนไทยทั่วไป
ความจริงแล้ว คนไทยไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็น “คนบาป” ทั้งนี้และทั้งนั้น เพราะคนไทยเข้าใจว่า “ความบาป” คือการทำผิด และการฝ่าฝืน “ศีลห้า” คือ
-ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
-ลักทรัพย์ คดโกงคนอื่น
-ล่วงประเวณีผัว-เมียของคนอื่น
-โกหกพกลมคนอื่น
-ดื่มเหล้าดื่มสุรามึนเมา
ถ้าไม่กระทำผิด หรือฝ่าฝืนสิ่งเหล่านี้ เขาก็ไม่ไม่บาป และไม่เป็นคนบาป ฉะนั้น เราจะได้ยินอยู่เสมอว่า “ไม่อยากทำผิดศีลห้า เพราะกลัวบาป
แต่คนไทยจะยอมรับว่าเขาเป็นคนที่เกิดมามี “กิเลส ราคะ ตัณหา” ชีวิตนี้เป็นทุกข์ เพราะเวียนว่ายอยู่กับ “การเกิด แก่ เจ็บ ตาย” เขาอยากจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ จึงได้พยายามที่จะ “ทำบุญ-ทำทาน” “เข้าวัด-ฟังธรรม” “บวชเรียน-เขียนอ่าน” เพื่อจะนำธรรมะมาขจัด กิเลส ราคะ ตัณหา และจะได้หลุดพ้น จากการเกิด แก่ เจ็บตาย
การกระทำสิ่งเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า เขาเป็น “คนบาป” เพราะคนที่มีกิเลส ราคะ ตัณหา และเวียนวายอยู่กับความทุกข์นั่นคือ การเกิด แก่ เจ็บตาย ก็คือ บาปกำเนิด (Original Sin) ในความหมายของพระคัมภีร์นั่นเอง
เมื่อคนไทยรู้ตัวว่า มีกิเลส ราคะ ตัณหา และเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์ นั่นคือ การเกิด แก่ เจ็บตาย แล้ว เขาจึงหาทางที่จะ “หลุดพ้น” จากสิ่งเหล่านี้ แต่หนทางของเขา “ตัน” เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาพึ่งตนเอง เขานำ “ศีลห้า” (หรือธรรมบัญญัติของพระเจ้า) มาเป็นเครื่องมือหรือหนทางเพื่อจะได้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ ทำอย่างไรเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ เพราะมันไม่ใช่หนทางหลุดพ้น
หนทางหลุดพ้นของพระเจ้าที่พระองค์ทำเพื่อมนุษย์
ดังนั้นพระเจ้าจึงได้มาทำ “หนทางหลุดพ้น” ให้กับเขา โดยให้ “พระเยซูอวตาร” (Incarnation) ลงมาเกิดเป็นมนุษย์
-มาทำตามศีลห้า (ซึ่งเป็นธรรมบัญญัติของพระเจ้า) แทนมนุษย์ (เพราะมนุษย์ทำด้วยตนเองไม่ได้)
-มาตาย (ทั้งฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณ) แทนมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องตาย มนุษย์ตกอยู่คำสาปแช่ง มี “ค่าจ้างของความบาป” ซึ่งได้แก่ความตาย
-มาเป็นขึ้นจากความตาย มีชีวิตใหม่ เป็นชีวิตเข้าสู่นิพพาน ไปมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าดังเดิม เหมือนตอนแรก ที่พระองค์สร้างมนุษย์ที่ปราศจากความบาป (กิเลส ราคะ ตัณหา)
การช่วยเหลือให้มนุษย์ให้หลุดพ้น เรียกว่าการช่วยให้หลุดพ้นโดยพระคุณ
การช่วยเหลือให้มนุษย์ให้หลุดพ้นโดยการกระทำของพระเยซูนี้ เรียกว่าการช่วยให้หลุดพ้นโดย “พระคุณ” เพราะ “ความเชื่อ” (Save by Grace through Faith) ไม่ใช่การประพฤติ หรือการกระทำตามศีลห้า (หรือธรรมบัญญัติ) ด้วยความสามารถของเราเอง (Not by work) ดังที่เปาโลกล่าวว่า “เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความหลุดพ้นด้วยพระคุณเพราะความเชื่อ ความหลุดพ้นนี้มิใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของจากพระเจ้า” (อฟ 2:8)
ความหลุดพ้นที่พระเจ้าประทานให้นี้ เป็นของประทาน หรือของขวัญมาจากพระจ้า ถ้าเป็นของประทานหรือของขวัญแล้ว เราไม่สามารถที่จะซื้อ หรือทำอะไรเพื่อจะรับเอาได้ เราจะได้รับของประทานหรือของขวัญนี้โดยพระคุณ หรือบารมีของพระเยซูคริสต์ โดยพระเจ้าได้ประทานพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แก่เราทุกคน เพื่อเราจะหลุดพ้นได้ เราจะต้องรับเอาด้วยความสำนึกในพระคุณ เพราะความหลุดพ้นของเรา ขึ้นอยู่กับ พระคุณ และความเชื่อ ไม่ใช่การกระทำด้วยความอุตสาหะวิริยะของพวกเรา
พระเจ้าช่วยให้เราหลุดพ้นโดยพระคุณ
พระคุณเป็นของประทานที่ให้แก่มนุษย์ ไม่ใช่เนเพราะคุณความดีของเขาแต่อย่างใด แต่เพราะพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ความรัก”แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า “Love” ภาษาอังกฤษแปลมาจากภาษากรีกว่า “Agape”) ของพระองค์ จึงได้ประทานพระคุณนี้แก่เขา ซึ่งถ้าจะเอาตามความเป็นจริงแล้ว เขาจะต้องตาย จะต้องถูกลงโทษ เพราะเขาเป็นคนบาป
แต่พระองค์ได้ประทานพระคุณให้แก่เขา เพื่อเขาจะหลุดพ้นได้ โดยส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์เจ้า มาตายบนกางเขน เพื่อรับโทษบาปแทนเขา พระคุณของพระเจ้าจึงทำให้มนุษย์เป็นอิสระจากบาป
ใครก็ตามที่เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า และเข้าสนิทในความตายกับพระองค์ เขาจะหลุดพ้น ดังที่เปาโลกล่าวว่า “เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้หลุดพ้น” (ทต 2:11)
ในโลกนี้ไม่มีใครที่ยอมสละตำแหน่งอันสูงส่งมารับตำแหน่งอันต่ำสุด นอกจากพระเยซูคริสต์เท่านั้นพระองค์เป็นพระเจ้าผู้สูงสุด แต่พระองค์ยอมมาเกิดเป็นมนุษย์ (ในฐานะที่ต้อยต่ำ) และสละชีวิตของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่บาปคนทั้งหลายที่เป็นศัตรูกับพระองค์ นี่แหละเรียกว่า “พระคุณของพระเจ้า” เพราะการกระทำเช่นนี้ ไม่มีในพวกมนุษย์เลย
พระเจ้าประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อไถ่เราทั้งหลายได้อย่างไร ทำไมพระองค์จึงเลือกที่จะช่วยเราให้พ้นจากการเป็นคนบาป (ที่มี กิเลส ราคะ ตัณหา) พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งให้ท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล” (ยน 15:16)
นี่แหละเป็นพระคุณพระเจ้าที่ไม่หวังผลตอบแทน เปาโลกล่าวว่า พระคุณของพระเจ้าทำให้เราทั้งหลายเป็นขึ้นจากความตาย “แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพรหมวิหารสี่อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายหลุดพ้นนั้นก็หลุดพ้นโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมา (จากความตาย) กับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้นในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์” (อฟ 2:4-7)
นอกจากเราจะได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เปาโลยังบอกเราอีกว่า พระเจ้า(ในพระเยซู) ได้มาไถ่บาปของเราด้วยโลหิตของพระองค์ เราได้รับการไถ่ด้วยพระกรุณาอ้นอุดมของพระองค์ “เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งทรงโปรดประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ ในพระเยซูนั้นเราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์” (อฟ 1:6-7)
การที่พระเจ้าช่วยเหลือเราให้หลุดพ้นโดยพระคุณนี้ เป็นการช่วยเราเพราะเป็น “พรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา” ของพระเจ้า เราจะต้องรับเอา โดยความเชื่อ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า “และพระคุณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั้นมีมากเหลือล้นสำหรับข้าพเจ้า พร้อมด้วยความเชื่อ และพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” (1 ทธ 1:14)
ข้อพระคัมภีร์ที่ยืนยันว่า พระเจ้าช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นโดยพระคุณ
“เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัติ (ศีลห้า และศีลอื่นๆ) นั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์” (ยน 1:17)
“ข้าพเจ้าได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพันธกรแห่งบารมีพระเจ้าตามพระคุณซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า ซึ่งทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้าโดยฤทธิ์เดชของพระองค์” (อฟ 3:7)
“เหตุฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นในพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” (2 ทธ 2:1)
“เขาก็จะวิงวอนขอวงพระพรให้แก่ท่านทั้งหลายและอาลัยท่านเป็นอันมาก เพราะเหตุพระคุณของพระเจ้าซึ่งสถิตอยู่ในท่านอย่างเหลือล้น จงขอบพระคุณพระเจ้า เพราะของประทานซึ่งพระองค์ทรงประทานนั้นที่เหลือจะพรรณนาได้” (2 คร 9:14-15)
“แต่เราเชื่อว่าเราเองก็หลุดพ้นโดยพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้าเหมือนอย่างเขา” (กจ 15:11)
“แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เขาเป็นผู้ถูกชำระให้เป็นคนบุญคนบุญ โดยไม่คิดมูลค่าโดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระองค์ โดยความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นว่าเราถูกพระองค์ชำระให้เป็นคนบุญของพระเจ้า ในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น” (รม 3:24-25)
“เมื่อเราจะได้ถูกชำระให้เป็นคนบุญแล้วโดยพระคุณของพระองค์ และจะได้เป็นผู้ได้รับมรดกที่มุ่งหวังคือชีวิตเข้าสู่นิพพาน” (ทต 3:7)
“แต่ถ้าเป็นทางพระคุณ ก็หาได้เป็นเพราะทางการประพฤติไม่ ถ้าเป็นทางการประพฤติ พระคุณก็จะไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป (รม 11:6)
“แต่ถ้าเป็นทางพระคุณก็หาได้เป็นเพราะทางการกระทำตามธรรมบัญญัติของโมเสสเพื่อการถูกพระเจ้าชำระให้เป็นคนบุญไม่ ฉะนั้นแล้ว พระคุณก็ไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป แต่ถ้าเป็นทางการกระทำก็หาได้เป็นเพราะทางพระคุณไม่ ฉะนั้นแล้ว การกระทำก็ไม่เป็นการกระทำอีกต่อไป (รม 5:21)
“ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าในเรื่องท่านทั้งหลายเสมอ เพราะพระคุณของพระเจ้าซึ่งทรงประทานแก่ท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์” (1 คร 1:4)
“แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ ก็เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้า มิได้ไว้ตรงกันข้าม ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก มิใช่ตัวข้าพเจ้าเองทำ พระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้าต่างหากที่ทำ” (1 คร 15:10)
“แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหนเดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า” (2 คร 12:9)
“ข้าพเจ้าไม่ได้รกระให้พระคุณของพระเจ้าเป็นโมฆะ เพราะว่าถ้าการถูกชำระให้เป็นคนบุญเกิดจากธรรมบัญญัติของโมสสแล้ว พระคริสต์ก็ตายโดยเปล่าประโยชน์” (กท 2:21)
“แต่เมื่อพระเจ้าผู้ทรงสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และได้ทรงโปรดบัญชาใช้ข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ ทรงพอพระทัย” (กท 1:15)
“ขอให้องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา และพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ ทรงชูใจและตั้งใจของท่านไว้ให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง” (2 ธส 2:16-17)
“และเมื่อท่านทั้งหลายได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ทรงพระคุณล้ำเลิศ ผู้ได้ทรงเรียกให้ท่านทั้งหลายเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในพระคริสต์ พระองค์เองก็จะทรงโปรดปรับปรุงท่านให้มั่นคง และมีกำลังขึ้น” (1 ปต 5:10)
พระคุณของพระเจ้าเป็นของประทานที่ประทานให้กับมนุษย์ผู้ล้มลงในความบาป (มีบาปกำเนิด Original Sin ซึ่งได้แก่กิเลส ราคะ ตัณหา) โดยพระคุณนี้เขาจึงได้รับความหลุดพ้นกลายเป็นคนที่ถูกชำระให้เป็นคนบุญของพระองค์ ซึ่งได้แก่การเป็นคนบุญที่อาศัยอยู่ในร่างของคนบาป คือเป็นคนบาปที่ไม่มีค่าของความบาป
โดยพระคุณของพระเจ้านี้ จึงทำให้คนบาปได้มีชีวิตใหม่ ได้รับความหลุดพ้น พระธรรมของพระองค์เป็นผู้ค้ำประกัน เปาโลเน้นอย่างมากว่า ความหลุดพ้นนี้ ไม่ใช่โดยการประพฤติ แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ซึ่งเป็นของประทาน เป็นของขวัญจากพระเจ้า ที่ให้กับคนบาปโดยไม่คิดมูลค่า โดยความเชื่อคนบาปจึงถูกชำระให้เป็นเป็นคนบุญ และเป็นผู้ที่พระองค์พอพระทัย
เขียนโดย Banpote Wetchgama (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
แก้ไขล่าสุด ใน วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม 2012 เวลา 16:15 น.