18.สิทธิพิเศษของการเกิดใหม่ (The Privileges of Regeneration)
บทเรียนพระคัมภีร์
สิทธิพิเศษของการเกิดใหม่
(The Privileges of Regeneration)
เขียนโดย…บรรพต เวชกามา
สิทธิพิเศษของการเกิดใหม่
ผู้ที่เกิดใหม่ด้วยน้ำและพระธรรมจะได้รับสิทธิ์พิเศษหลายอย่างดังต่อไปนี้ สิทธิเศษจะยั่งยืนสืบไปเป็นนิตย์ จนกระทั่งพระองค์เสด็จกลับมา
1. ได้เป็นบุตรของพระเจ้า
เมื่อเปาโลเขียนจดหมายไปยังชุมชนของพระเจ้าที่แคว้นกาลาเทีย ท่านบอกคนเหล่านั้นว่า ผู้ใดที่กลับใจเกิดจากเบื้องบน เชื่อในพระเยซูแล้ว เขาจะได้รับสิทธิพิเศษเป็นลูกของพระเจ้า ดังที่ท่านกล่าวว่า “เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ” (กท 3:26)
“และเพราะท่านเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงทรงใช้พระธรรม แห่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในใจของเรา ร้องว่า “อาบา” คือ “พ่อจ๋า” (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระบิดา”) เหตุฉะนั้นโดยพระเจ้า ท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท” (กท 4:6-7)
เมื่อท่านเขียนจดหมายไปยังชุมชนของพระเจ้าที่กรุงโรม ท่านก็บอกคนเหล่านั้นว่า เขาได้รับพระธรรมของพระเจ้า และได้เป็นลูกของพระเจ้าด้วย “เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระธรรม ผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือ “พ่อจ๋า” (รม 8:15)
ส่วนยอห์น เมื่อท่านเขียนหนังสือพระบารมีของพระเจ้า ท่านบอกกับคนทั้งหลายว่า “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า” (ยน 1:12-13)
“จงดูเถิด พระบิดาทรงโปรดประทานพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาแก่เราทั้งหลายเพียงไร ที่เราจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็ได้เป็นเช่นนั้น เหตุที่โลกไม่รู้จักเราทั้งหลาย ก็เพราะเขาไม่รู้จักพระองค์” (1 ยน 3:1)
2. ค่าของบาปได้รับการใช้หนี้ และพระองค์ไม่จดจำอีกเลย
นอกจากได้เป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว ยังได้รับการใช้หนี้บาปจากพระเจ้า พระองค์จะไม่จดจำความบาปนั้นอีกเลย ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า “ในพระเยซูนั้นเราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์คือได้รับการอภัยโทษบาปของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์” (อฟ 1:7)
ส่วนในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าได้ตรัสผ่านทางผู้เขียนหนังสือสดุดีว่า “ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น” (สดด 103:12)
“เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมด จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว” (อสย 44:22)
“เพราะเราจะให้อภัยบาปชั่วของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป” (ยรม 31:34)
ส่วนผู้เขียนหนังสือฮีบรู ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “เพราะเราจะกรุณาต่อการอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาไว้เลย” (ฮบ 8:12)
“แล้วตรัสต่อไปว่า “เราจะไม่จดจำบาปกับการอธรรมของเขาทั้งหลายอีกต่อไป” เมื่อมีการลบบาปแล้วก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาลบบาปอีกต่อไป” (ฮบ 10:17-18)
“ถ้าเราทั้งหลายจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในเราเลย” (1 ยน 1:7)
3. เป็นผู้ที่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่
นอกจากการถูกรับให้เป็นบุตรของพระเจ้า และได้รับการใช้หนี้บาปแล้ว ยังได้รับการถูกสร้างใมห่ พระเจ้าจะสร้างเราขึ้นใหม่ ดังที่เปาโลกล่าวว่า “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 คร 5:17)
“และจงให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความถูกต้อง และความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” (อฟ 4:23-24)
เมื่อท่านเขียนจดหมายไปยังชุมชนของพระเจ้าที่แคว้นกาลาเทีย ท่านก็ได้บอกคนเหล่านั้นว่า “เพราะว่าการที่ถือพิธีเข้าสุหัตหรือไม่ถือไม่เป็นของสำคัญอะไร แต่การที่ถูกสร้างใหม่นั้นสำคัญ” (กท 6:15)
“ตั้งแต่นี้ไป ขอย่าให้ผู้ใดมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูติดอยู่กายของข้าพเจ้าแล้ว” (กท 6:17)
ส่วนเปโตร เมื่อท่านเขียนจดหมายไปยังชุมชนของพระเจ้าที่กระจัดกระจายอยู่ว่า “สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เราทรงโปรดให้เราเกิดใหม่คือเกิดจากเบื้องบนเข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่โดยการเป็นขึ้นมาจากตายของพระเยซูคริสต์” (1 ปต 1:3)
4. มีชีวิตเข้าสู่นิพพานจะไม่พบกับความตายอีกเลย
เมื่อเปาโลเขียนจดหมายไปยังชุมชนของพระเจ้าที่เมือง เอเฟซัส ท่านบอกคนเหล่านั้นว่า “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อ เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนัง คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อและความคิดในใจ ตามสันดานเราจึงเป็นคนควรแก่พระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่น แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายหลุดพ้นนั้นก็หลุดพ้นโดยพระคุณ” (อฟ 2:1-5)
ในหนังสือยอห์น ท่านเขียนไว้ว่า “เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตเข้าสู่นิพพาน เพราะว่าพระเจ้าทรงมีพรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตเข้าสู่นิพพาน” (ยน 3:15-16)
“เราบอกความจริงแก่ท่านทังหลายว่า ถ้าผู้ใดฟังคำของเราและวางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ผู้นั้นก็มีชีวิตเข้าสู่นิพพาน และไม่ถูกพิพากษา แต่ได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว” (ยน 5:24)
“พระเยซูตรัสกับเธอว่า ‘เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ทีวางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม”’ (ยน 11:25-26)
“และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตเข้าสู่นิพาพานให้เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิตผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต ข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เขียนถึงท่านทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตเข้าสู่นิพพาน” (1 ยน 5:11-13)
5. จะไม่ถูกสาปแช่งและจะไม่ได้เข้าสู่การพิพากษาลงโทษ
“เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในพระเยซูคริสต์” (รม 8:1)
“เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้หลุดพ้นโดยพระบุตรนั้น ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในรพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า” (ยน 3:17-18)
“เราบอกความจริงแก่ท่านทังหลายว่า ถ้าผู้ใดฟังคำของเราและวางใจในพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา ผู้นั้นก็มีชีวิตเข้าสู่นิพพาน และไม่ถูกพิพากษา แต่ได้ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว” (ยน 5:24)
6. พระเจ้าอาศัยอยู่กับเขา
“เราจะทูลพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่านเพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป คือพระธรรมแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน” (ยน 14:16-17)
“ถ้าพระธรรมของพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วนั้น จะทรงกระทำให้กายซึ่งต้องตายของท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยเดชแห่งพระธรรมของพระองค์ ซึ่งทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย” (รม 8:11)
“ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยเชื่อพึ่งอาศัยในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงมีพรหมวิหารสี่ต่อข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กท 2:20)
“ดังนี้แหละเราจึงรู้จักพรหมวิหารสี่โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละชีวิตของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเรา เพื่อพี่น้อง” (1 ยน 3:16)
7. ได้รับการบันทึกชื่อไว้แล้วในหนังสือแห่งชีวิต
“แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของท่านท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์” (ลก 10:20)
“ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาวและเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์” (วว 3:5)
“สิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือผู้ใดที่ประพฤติเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนหรือพูดมุสาจะเข้าไปในนครไม่ได้เลย เฉพาะคนที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิตของพระผู้เป็นลูกแกะ (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระเมษโปดก”) ของพระเจ้าเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้” (วว 21:27)
8. ความหลุดพ้นบาปได้รับการค้ำประกัน
“สารพัดที่พระบิดาทรงประทานแก่เรา จะมาสู่เรา และผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขาเลย” (ยน 6:37)
“เราให้ชีวิตเข้าสู่นิพพานแก่แกะนั้น แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีผู้ใดแย่งชิงแกะเหล่านั้นไปจากมือของเราได้ พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้” (ยน 10:28-29)
“เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตเข้าสู่นิพพาน” (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ชีวิตนิรันดร”) (ยน 3:15)
“เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงยอมทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่ผู้ที่ทรงเลือกไว้นั้น เพื่อเขาจะได้รับความหลุดพ้น ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ พร้อมทั้งศักดิ์ศรีนิรันดร์” (2 ทธ 2:10)
“เพราะว่าตัวแมลงจะกินเขาเหมือนกินเสื้อผ้า และตัวหนอนจะกินเขาเหมือนกินขนแกะ แต่การช่วยกู้ของเราจะอยู่เป็นนิตย์ และความหลุดพ้นของเราจะอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์” (อสย 51:8)
9. ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 เราอยู่ในพระเยซู (Justification)
การถูกชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นบาปขั้นที่ 1 หรือที่เรียกว่า “เราอยู่ในพระเยซู”นี้ เป็นบุญที่พระเจ้าประทานให้ เมื่อเราเกิดใหม่แล้ว พระองค์ก็ประทานสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งให้แก่เรา คือเราเป็นคนบุญ ได้รับความหลุดพ้นในขั้นที่ 1 ซึ่งมีความหมายว่า เราอยู่ในพระเยซู ค่าของความบาปของเราได้รับการใช้หนี้แล้ว เราจึงไม่มีค่าของความบาปอีกเลย ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 นี้ เป็นความหลุดพ้นของคนบาปที่ไม่มีความผิดบาปอีก เขาถูกตัดสินในชั้นศาลแล้วว่าเป็นคนไม่มีความผิด
“เพราะเหตุนั้นเมื่อเราเป็นถูกชำระให้เป็นคนบุญแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นเราจะพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้าโดยพระองค์” (รม 5:9)
“เพราะว่าเราทั้งหลายเห็นว่า คนหนึ่งคนใดจะถูกชำระให้เป็นคนบุญได้ ก็โดยอาศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามธรรมบัญญัติ” (รม 3:28)
“เหตุฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้เป็นคนบุญ เพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติภาพในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา” (รม 5:1)
“และให้วิญญาณจิตของท่านเปลี่ยนใหม่ และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความถูกต้อง และความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” (อฟ 4:23-24)
“เพราะฉะนั้นธรรมบัญญัติจึงควบคุมเราไว้จนพระคริสต์เสด็จมา เพื่อเราจะได้เป็นคนที่ถูกชำระให้เป็นคนบุญโดยความเชื่อ” (กท 3:24)
“ไม่มีผู้ใดเป็นคนที่ถูกชำระให้เป็นคนบุญได้ โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่โดยเชื่อพึ่งอาศัยในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ถึงเราเองก็มีใจเชื่อพึ่งอาศัยในพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้ถูกชำระให้เป็นคนบุญโดยเชื่อพึ่งอาศัยในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ เพราะว่าโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น ไม่มีมนุษย์คนใดเป็นคนที่ถูกชำระให้เป็นคนบุญได้เลย” (กท 2:16)
10. ความหลุดพ้นบาปขั้นที่ 2 พระเยซูอยู่ในเรา (Sanctification)
เมื่อเราเป็นที่ถูกชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นบาปในขั้นที่ 1 แล้ว ต่อมาเราก็อยู่ในการถูกชำระให้บริสุทธิ์ในความหลุดพ้นบาปขั้นที่ 2 ที่เรียกว่า “พระเยซูอยู่ในเรา” หลังจากกลับใจเกิดจากาเบื้องบนแล้ว เราจะได้รับการชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่หนึ่ง ต่อจากนั้นเราก็จะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ในการถูกชำระให้บริสุทธิ์ในความหลุดพ้นบาปขั้นที่ 2 คือเรากำลังจะเป็นคนดีขึ้นไปเรื่อย ซึ่งเราเรียกว่า “พระเยซูอยู่ในเรา” พระองค์จะช่วยให้เราเป็นคนดีขึ้น ซึ่งพระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ชำระให้บริสุทธิ์” คือเรากำลังถูกชำระให้บริสุทธิ์ขึ้นทุกๆวัน
“แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเป็นคนอย่างนั้น แต่ท่านได้รับการชำระแล้ว ได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว ในความหลุดพ้นขั้นที่สอง ได้รับการทำให้เป็นคนบุญในพระนามของพระเยซูคริสต์แล้ว และพระธรรมแห่งพระเจ้าของเรา” (1 คร 6:11)
“ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกและกำหนดไว้แล้ว และพระธรรม (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์”) ได้ทรงชำระแล้ว เพื่อให้มีความนบนอบเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และให้ได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์ ขอพระคุณและสันติภาพจงเกิดทวีคูณแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด” (1 ปต 1:2)
“ขอให้องค์พระเจ้าแห่งสันติภาพ ทรงให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจและร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราจะเสด็จมา” (1 ธส 5:23)
“เหตุฉะนั้นพระเยซูก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานภายนอกประตูนครเดียวกัน เพื่อทรงชำระประชาชนให้บริสุทธิ์ด้วยพระโลหิตของพระองค์” (ฮบ 13:12)
“และโดยน้ำพระทัยนั้นเองที่เราทั้งหลายได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น” (ฮบ 10:10)
โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ได้ทรงกระทำให้คนทั้งหลายที่รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์เป็นนิตย์” (ฮบ 10:14)
“ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระคำของพระองค์เป็นความจริง” (ยน 17:17)
“บัดนี้ข้าพเจ้าฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ซึ่งมีฤทธิ์อาจก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาวิมุตติชน (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ธรรมิกชน”) (กจ 20:32)
“และพวกท่าน ซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ถูกกันกับพระเจ้า และเป็นศัตรูในใจด้วยการชั่วต่างๆ บัดนี้พระองค์ทรงโปรดให้คืนดีกับพระองค์ โดยความตายแห่งพระกายเนื้อหนังของพระองค์ เพื่อจะได้ถวายท่านแด่พระเจ้าให้เป็นผู้บริสุทธิ์ไร้มลทิน และปราศจากตำหนิ” (คส 1:21-22)
“ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้าพระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น” (1 คร 3:17)
“และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความถูกต้องและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง” (อฟ 4:24)
11.ความหลุดพ้นบาปขั้นที่ 3 เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่สอง(Glorification)
ความหลุดพ้นที่เราได้รับหลังจากกลับใจใหม่เกิดจากเบื้องบนนั้น มีอยู่ 3 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 คือเราถูกชำระให้เป็นคนบุญ ขั้นที่ 2 เรากำลังถูกชำระให้เป็นคนบริสุทธิ์ ได้รับการชำระล้างให้เป็นคนดีขึ้นทุกวัน ขั้นที่ 3 คือเราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมาครั้งที่สอง ความหลุดพ้นที่เราได้รับตั้งแต่แรกนั้นก็จะครบบริบูรณ์ ซึ่งพระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ศักดิ์ศรี”
“เมื่อท่านทั้งหลายได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ทรงพระคุณล้ำเลิศ ผู้ได้ทรงเรียกให้ท่านทั้งหลายเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในพระคริสต์ พระองค์เองก็จะทรงโปรดปรับปรุงท่านให้มั่นคง และมีกำลังขึ้น” (1 ปต 5:10)
“พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในโลกใหม่คราวเมื่อบุตรมนุษย์จะนั่งบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองนั้น พวกท่านที่ได้ติดตามเรามาจะได้นั่งบนบัลลังก์สิบสองที่พิพากษาชนอิสราเอลสิบสองเผ่า” (มธ 19:28)
“แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้หลุดพ้นซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายอันต่อต้อยของเราให้เหมือนพระกายอันทรงสง่าราศีของพระองค์ ด้วยฤทธิ์ภาพซึ่งทำให้พระองค์ปราบสิ่งสารพัดลงใต้อำนาจของพระองค์” (ฟป 3:20-21)
“และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นคนบุญ และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นคนบุญ พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย” (รม 8:30)
“จะไม่มีสิ่งใดถูกสาปแช่งอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระผู้เป็นลูกแกะ (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “แพระเมษโปดก”) ของพระเจ้า จะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์ เขาเหล่านั้นจะเห็นหน้าของพระองค์และพระนามของพระองค์จะประทับอยู่หน้าผากเขา กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสดงอาทิตย์ เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขา และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์” (วว 22:3-5)
เขียนโดย Banpote Wetchgama (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)