เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐ
คำเทศนาเรื่อง เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐ
ข้อพระคัมภีร์ 1 คร 9:19-27
โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
เราได้มองเห็นชีวิตของชายผู้หนึ่งที่หัวใจเพื่องานในแผ่นดินสวรรค์อย่างแท้จริง ไม่สำคัญว่าเขาจะเคยร่วมเดินเป็นสาวกพระเยซูมาก่อนหรือไม่ ไม่สำคัญว่าท่านเริ่มต้นปฏิบัติตัวอย่างไรต่อพระคริสต์ แต่สิ่งที่ทักทอให้เราได้เห็นเป็นตัวหนังสือที่อ่านเห็นได้อย่างแจ่มชัดคือว่าเขาผู้นี้คือคนที่หัวใจ มีภาระใจให้พระเจ้าอย่างแท้จริงจนกระทั่งวันสุดท้าย กล้าที่จะแตกต่าง และกล้าหาญที่เดินไปอย่างมีอุดมการณ์ เขาถูกคนกล่าวขานว่าเป็นพวกคว่ำโลก กจ17:6 ถูกมองว่าเป็นพวกมารศาสนา กจ18:13 แต่เปาโลก็สำแดงออกถึงถ้อยคำที่ว่า เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐ? ท่านมิได้เพียงแต่พูดดูดีเท่านั้น แต่ตลอดเวลาชีวิตของท่านได้เป็นแบบอย่างที่ดี 3 ประการสำคัญคือ
ประการที่ 1 ถ่อมตัวถ่อมใจรับใช้คนทั้งปวง 1คร9:19
ตั้งข้อสังเกต: ที่ใดที่เปาโลไปที่นั่นเกิดคริสตจักร เราได้เห็นว่าทั้งมีคนที่เปิดใจและคนที่ปฏิเสธ ชีวิตของเปาโลเป็นชีวิตที่จูงใจผู้คน เป็นชีวิตที่ชนะใจผู้คน ชีวิตของท่านได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมายทำเช่นเดียวกับท่าน
ถึงแม้ว่าข้าพเจ้ามิได้อยู่ในบังคับของผู้ใด ข้าพเจ้าก็ยังยอมตัวเป็นทาสรับใช้คนทั้งปวง? เปาโลได้สลัดเอาเกียรติ ปริญญา ประสบการณ์ คุณวุฒิและวัยวุฒิทิ้งเสีย เขาเป็นแบบอย่างของคนที่ยอมถอดเอาตัวตนออกทิ้งไป ไม่มีฟอร์มใดๆ แต่ถ่อมตัวถ่อมใจลงยอมที่จะรับใช้ผู้อื่น หาโอกาสที่จะรับใช้คนรอบกาย ยินดีด้วยใจจริงที่จะเป็นบริกรรับใช้ นี่คือท่าทีของผู้ประกาศที่ดี หากเรามีความตั้งใจที่จะมีชีวิตที่มีแรงบันดาลใจให้คนกลับมาหาพระคริสต์ เราจะต้องอธิษฐานขอพระเจ้าให้เราถ่อมตัว ถ่อมใจก่อน ไม่สำคัญว่าเราเป็นคนระดับไหนในที่ทำงาน หรือที่บ้าน แต่หัวใจทุ่มเทลงเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ให้เวลากับเพื่อนฝูง แสดงความรักห่วงใยต่อกัน
จงอย่าเป็นคริสเตียนประเภท ความชั่วไม่มี ความดีก็ไม่ปรากฎ หมายถึงว่า เป็นพวกที่ไม่ได้ทำร้ายทำชั่วช้า อะไร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำคุณงามความดีเผื่อแผ่เจือจานให้ใครๆได้เห็น บ่อยครั้งที่ชีวิตแบบโลกได้สร้างอิทธิพลให้เรากลายเป็นคนที่อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ มีเชิง จึงทำให้หลายคริสตจักรขาดพวกที่จะปรนนิบัติ คนที่จะมองหาโอกาสรับใช้ผู้อื่น หลงในอำนาจในตำแหน่งอยากอยู่ตลอดหลายๆสมัย บ้าอำนาจ
แต่เปาโลยอมถ่อมตัวถ่อมใจที่จะรับใช้ผู้อื่น เรียนรู้จักให้คุณค่าคนอื่น มองเห็นแต่ข้อดีของคนอื่นๆ เห็นคนอื่นที่กำลังรอคอยรับการปรนนิบัติจากตนเอง ดูจาก ฟป 2:3 ชีวิตคริสเตียนในมุมมองของเปาโลคือ การเลิกพฤติกรรมชิงดีชิงเด่นกัน การมองเห็นคุณค่าของเพื่อนร่วมงาน เห็นคุณค่าของผู้อื่น ดร.จอห์นซีแมคเวลเคยกล่าวว่า อย่าทำลายความฝันของคนอื่น เพราะเขาอาจเหลืออยู่แค่นั้นก็ได้ ? อเล็กซานเดอร์ โซลเชน นิทเชน อดีตนักเขียนรางวัลโนเบลกล่าวว่า ความหมายของชีวิตในโลกนี้ไม่ได้อยู่ตรงที่ความมั่งมี แต่เป็นเรื่องของการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ?
รับใช้อย่างไร ? - มีความริเริ่มที่จะรับใช้ ไม่ใช่หากความจำเป็น หรือในภาวะวิกฤต
- ไม่คำนึงถึงยศและตำแหน่ง แต่ด้วยความรัก
- หยุดที่จะตั้งตนเป็นเจ้าเหนือผู้คน แต่เริ่มตั้งใจที่จะฟังผู้อื่น และรับใช้ซึ่งกันและกัน
สิ่งที่เกิดขึ้น : เปาโลมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะชนะใจคนมากยิ่งขึ้น ถามว่าอะไรคือเคล็ดลับในการประกาศของเปาโล ? คำตอบคือความไว้เนื้อเชื่อใจของผู้คน ที่จะยอมฟังและเห็นว่าชีวิตคริสเตียนของท่านน่ารัก และมีอะไรที่น่าสนใจที่จะเรียนรู้ได้ เพื่อนำผู้คนทั้งปวงกลับใจมาหาพระเจ้า และเป็นแบบอย่างอันดียิ่งแก่คนเหล่านั้น ดังนั้นหากพี่น้องที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอยากมีชีวิตอย่างเปาโล เป็นชีวิตที่มีส่วนในข่าวประเสริฐ จงเรียนรู้ที่จะถ่อมตัวถ่อมใจหาโอกาสรับใช้คนทั้งปวง ทำดีเพื่อชุมชนของเรา ให้เวลาและสร้างความสัมพันธ์ภาพที่ดีกับทุกๆคน ดู กท 6:9-10
ประการที่ 2 จุดตะเกียง ดีกว่าสาปแช่งความมืด 1 คร9:20-23
ทางอโคจร หมายถึง อะ แปลว่า ไม่ โคจรแปลว่า ไป, แวะเวียน รวมความว่า สถานที่ที่ไม่ควรแวะเวียน ผ่านไป บุคคลและสถานที่ที่พระภิกษุไม่ควรไปมาหาสู่ เพราะเข้าไปแล้วอาจเป็นการไม่สมควร เป็นโลกวัชชะ เป็นข้อเสียหายที่ถูกชาวโลกติเตียน ถือว่าไม่เหมาะสมต่อสมณสารูปมี ๖ ประการ ดังนี้
หญิงแพศยา หญิงหม้าย สาวเทื้อ ภิกษุณี บัณเฑาะก์ (กระเทย) ร้านขายสุรา (สาวเทื้อคือ นางก็ประดับกายพริ้วเพรา ยั่วยวนเธอด้วยกระบิดกระบวนสตรีต่างๆ)
เป็นการง่ายที่คนส่วนใหญ่มักจะตำหนิสิ่งที่บกพร่อง และแยกตัวเองออกจากสังคมที่แตกต่างกับตนเอง เราจึงทำทุกสิ่งเพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากคำติเตียนใดๆ และมากยิ่งไปกว่านั้นเรามักจะสาบเสียเทเสียใส่ กลุ่มคนที่มีมุมมองตรงกันข้ามกับเราเองอย่างแข็งขัน เราพยายามทุกวิธีที่จะแยกคนเหล่านั้นออกไปจากชีวิตของเรา ไม่คบค้าสมาคม ไม่กินร้อนช้อนกลางกับพวกนี้ แต่ชีวิตที่ขอมีส่วนในข่าวประเสริฐแบบเปาโลท่านกลับมีชีวิตที่แตกต่าง คือ ? จุดตะเกียงดีกว่าสาบแช่งความมืด? หมายถึงว่า แทนที่ท่านเองจะแยกตัวเองจากคนเหล่านั้น
เช่น - พวกยิวที่เคร่งในศาสนายิวจัด
- พวกที่อยู่นอกธรรมบัญญัติ ไม่เคร่งครัด
- พวกที่อ่อนแอ
แต่เปาโลกลับเอาตัวเองเข้าไปอยู่ร่วมในกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างมีเป้าหมาย ทำให้คนเหล่านั้นกลับมองว่าเปาโลไม่ได้เป็นศัตรู แต่เป็นเพื่อนที่ดี มีอะไรดีๆที่น่าเรียนรู้ การยอมรับก็เกิดขึ้น นั่นก็คือโอกาสที่จะนำพาคนเหล่านั้นกลับใจมาหาพระคริสต์ การเข้าไปแทรกอยู่ในทุกสังคมโดยที่ตัวเราเองมีจุดยืนชัดเจนเป็นแนวทางที่จะไปส่องสว่าง ไปจุดตะเกียงให้เกิดความสว่าง ดีกว่าไปสาบแช่งความบาป คนบาป และการอธรรม
หลายคนมักจะชอบสาบแช่งความมืด แต่ขณะเดียวกันตนเองก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้เกิดแสงสว่างเกิดขึ้น หรือมีอิทธพลในด้านดีต่อชุมชนของตนเอง หลายครั้งที่คริสเตียนมักกล่าวโทษสังคม กล่าวโทษยุคนี้ว่าเป็นยุคแห่งความชั่วช้า แต่หากเราไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อส่องสว่าง มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย จงให้ความสว่างของท่านส่องไปต่อหน้าคนทั้งปวงอย่างนั้น เพื่อว่าเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ และจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ ? มัทธิว 5:16
ดังนั้นในวันนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่าเป็นคนที่กล่าวโทษสังคม หรือชุมชน หรือการเมืองไทย หรือความบาปชั่ว แทนที่จะสาบแช่งความมืด จงออกไปจุดตะเกียง เป็นคนที่ถือคบเพลิงส่องประกายแบบอย่างชีวิตให้กับเพื่อนสนิทมิตรสหายของเรา นำพาเขามาสู่ทางของพระเจ้า จุดเป้าหมายของเราคือ ? จะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง ? หมายถึงว่าวิธีการเราเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา แต่หัวใจแก่นของข่าวประเสริฐเราไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจะต้องอธิษฐานขอสติปัญญาจากพระเจ้าในการประกาศข่าวประเสริฐด้วย อย่ายึดติดกับวิธีการแบบเดิมๆในการประกาศ แต่จงพร้อมที่ปรับเปลี่ยนวิธีการของตัวเองให้เหมาะกับกลุ่มคนที่เรากำลังจะประกาศ มองหาสื่อในการนำเสนอข่าวประเสริฐที่ใหม่ๆ และตื่นเต้นน่าสนใจกว่ายุคที่ผ่านๆมา
ประการที่ 3 ให้การประกาศเป็นวาระของชีวิต 1 คร 9:16
คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าการประกาศเป็นเรื่อง หรือกิจกรรมของคริสตจักร เป็นกิจวัตรของผู้นำคริสตจักร หลายคริสตจักรกลับทุ่มเทงบประมาณไปลงที่กิจกรรมเป็นส่วนใหญ่ แต่ความจริงก็คือว่า อะไรที่เราพูดถึงบ่อยๆเดี๋ยวมันจะเกิดขึ้น ตัวอย่าง : หากเราพูดถึงว่า อยากจะมีรถ มีบ้าน มีโอกาสไปเที่ยว เดี๋ยวเวลาและสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น
อ.เปาโลมีท่าทีอย่างไรต่องานรับใช้หรือ การประกาศเป็นพยานเรื่องราวของพระเจ้า ท่านถือเป็นวาระแห่งชาติ หรือเป็นวาระแห่งชีวิตของท่าน เปาโลไม่ได้โออวดว่าได้ทำผลงานไว้เยอะในเรื่องเป็นพยานและเป็นพยาน แต่ท่านมองเห็นว่า นั่นคือภาระใจ เป็นภาระกิจของพระเจ้าที่มอบหมาย และการที่ท่านไม่ได้เพียรพยายามที่จะทำนั่นแหละคือความหายนะของชีวิต เป็นเวลาที่เสียหาย
เช่นเดียวกับพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสไว้ประหนึ่งว่า ? สังคมแย่เพราะคนดีท้อแท้ใจ? ด้วยเหตุนี้เอง อ.เปาโลจึงไม่ได้ทิ้งภาระหน้าที่นี้ปัดไปให้อนุชนคนรุ่นใหม่ หรือคนอื่นๆ แต่เปาโลกลับพูดว่า ? จำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องประกาศข่าวประเสริฐนั้น ? คริสตจักรในยุคนั้นจึงเกิดขึ้นมากมาย สาวกของพระเจ้าก็ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็เพราะว่าในสมัยนั้นมีคนอย่างเช่น อ.เปาโล คนที่มองเห็นว่าการประกาศข่าวประเสริฐเป็นภาระกิจที่ทรงมอบหมายให้กระทำ หาใช่เป็นงานของคริสตจักรหรือองค์การองค์กร หลายคนวันนี้ทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตเพื่อองค์กรหรือองค์การ คณะของตนเอง เพียรพยายามที่จะจงรักภักดีต่อองค์กร แต่ลืมที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่อพระคริสต์ และพระองค์กำลังมองเสาะแสวงหาคนเช่นนั้นที่จะอุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้าอย่างเอาจริงเอาจัง และหาช่องทางและโอกาสที่จะได้กล่าวเป็นพยานถึงความรอด กล้าที่จะลงทุน กล้าที่จะยอมจ่ายราคาแห่งความยากลำบากนั้นเอง
เมื่อพูดถึงการประกาศหลายคนรอคอยให้ถึงเทศกาลแห่งการประกาศ หรือเวลาแห่งการพื้นฟูก่อน หรืออาจจะรอให้ใครมาปลุกใจให้ออกมาทำการประกาศจึงค่อยลุกขึ้นมาทำ ให้เราพูดกับตัวเองบ่อยๆว่า การประกาศคือ พระราชกิจมอบหมาย ไม่ใช่ใครคนใดมอบหมายให้เราไปทำ แต่พระเจ้าได้มอบหมายให้ผู้ที่เชื่อออกไปทำ ดังนั้นจงถือเป็นภาระกิจเร่งด่วน และเป็นงานที่เราจะต้องให้ความสำคัญที่สุด และถ้าพระเจ้าใช้ให้ผู้เชื่อออกไปทำ เราก็ไปโดยมีพระเจ้าทรงนำพา คอยสนับสนุนเราอยู่ อย่ากลัวเลยจงพูดเป็นพยานต่อไปด้วยใจกล้าหาญ
ออกไปรับใช้ด้วยความอดทนที่ยาวนาน ตัวอย่างการไดร์ปลาหมึกที่หาดสามร้อยยอด อ.ปรานบุรี หลังจากที่เหมาเรือลำละ 1500 บาทออกไปไดร์ปลาหมึกกลางทะเลลึก บทเรียนและประสบการณ์ที่ได้รับวันนั้นคือ เราต้องกล้าเสี่ยงที่จะออกไปไดปลาหมึก ต้องเข้าใจว่าบางครั้งก็ได้มาก บางครั้งก็คว้าน้ำเหลว ต้องอดทนนานในการไดปลาหมึก เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงและปรับวิธีการจากผู้อื่นว่าเขาทำอย่างไรจึงได้ปลาหมึกติดมามากมาย อย่ามองดูที่ปริมาณแต่เพ่งดูที่เป้าหมาย บางครั้งปลาหมึกที่จับมาได้อาจจะไม่คุ้มหากวัดกันที่ราคาและปริมาณ แต่จงดูที่เป้าหมายของการออกไปครั้งนั้นก็เพื่อพักผ่อน และสร้างความพันธ์ร่วมกับเพื่อนร่วมงาน เช่นเดียวกันกับการประกาศเราก็ต้องไม่ท้อแท้ใจง่ายๆ หรือเลิกล้มเมื่อมีคนปฏิเสธ หรือต่อต้านอย่างรุนแรง หรือเมื่อไม่มีใครออกไปร่วมไม้ร่วมมือด้วย ไม่มีคนช่วยจ่ายเงินต่างๆให้ เราจะเป็นต้องอาศัยความอดทนนาน แสดงความรักที่อดทนนาน ไม่สำคัญว่าเราได้กี่คนมารับเชื่อ แต่สำคัญที่เราตั้งใจที่ทำตามพระมหาบัญชามอบหมายนั้นแค่ไหน?
เราได้ตีราคา และความสำคัญของการประกาศข่าวประเสริฐอย่างไร ? จงให้การประกาศข่าวประเสริฐเป็นวาระแห่งชีวิตของท่านเถิด อาเมน.
แก้ไขล่าสุด (วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฏาคม 2010 เวลา 16:39 น.)