เกย์ กะเทย เลสเบี้ยนและรักร่วมเพศ!
บทความเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
เอลตัน จอห์น
เกย์ กะเทย เลสเบี้ยนและรักร่วมเพศ!
ธวัช เย็นใจ
เอลตัน จอห์น (Elton Hercules John) นักดนตรีและ
นักร้องชื่อดังแห่ง 70’s มีชื่อเสียงมากว่า ๔ ทศวรรษ
อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี ๑๙๖๔ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
นอกจากเป็นนักดนตรีแล้ว ยังเป็นโปรดิวเซอร์ และนัก
แต่งเพลงอีกด้วย แนวเพลงของเขาเป็นแบบร็อคและป๊อบ
ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้คือ เร็กจินัลด์ เคนเนธ ดไวท์(Reginald
Kenneth Dwight) มีชื่อเล่นว่า “เร็ก”หรือเร็กจี้
รูปร่างของเขาอ้วนฉุ แต่ฝีมือดนตรีอยู่ในระดับโลก!
และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เซอร์” จาก
พระราชินีอังกฤษในปี ๑๙๙๘ !
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เอลตัน จอห์นได้จัดทัวร์แสดงคอนเสิร์ตในเอเชีย ปรากฏว่าเมื่อไปเปิดแสดงที่ประเทศจีนก็เกิดปัญหาขึ้น(จนได้) เพราะเขาประกาศอุทิศเพลงหนึ่งเพื่อ “อ้าย เหวย เว่ย” ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวทางด้านสิทธิมนุษยชน ที่ทางการจีนจับตาเพื่อจะเชือดอยู่ ทั้งยังไม่เห็นด้วยกันรางวัลใดๆที่อ้าย เหวย เว่ยได้รับจากโลกเสรีซีกตะวันตก ผู้คนต่างพากันแสดงความเป็นห่วง เพราะมันกระทบกระเทือนไปถึงนักร้องนักแสดงคนอื่นๆด้วย ที่กำลังมีแผนการจะเข้าไปจัดแสดงคอนเสิร์ตในประเทศจีน
เมื่อเอลตัน จอห์นจะเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซีย ก็เจอการต่อต้านจากบรรดาผู้นำและผู้นับถือศาสนาอิสลาม มีการเดินขบวนคัดค้าน และยกป้ายประท้วงกันอย่างเอิกเกริก ไม่ยอมให้นักร้องผู้นี้มาเปิดการแสดงในประเทศของตน เพราะพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของเอลตัน จอห์น คือ เป็นพวกที่ “นิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน” ซึ่งการชอบสมสู่กับเพศเดียวนี้เป็นสิ่งที่ผิดต่อความเชื่อของพี่น้องมุสลิม
เป็นสิ่งที่ผิดในพระคัมภีร์ของคริสเตียนเช่นเดียวกัน!
แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เอลตัน จอห์นได้ประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่า เขาเองเป็นพวกที่เคลื่อนไหวเพื่อเหล่าเลสเบี้ยน (ทอม-ดี้) เกย์ ไบเซ็กช่วล (เสือไบ) พวกแปลงเพศ และตัวเขาเองได้แต่งงานอยู่กับกินเพศเดียวกัน ซึ่งตอนนี้กฎหมายของหลายประเทศ(โดยเฉพาะในแถบยุโรป) ได้ยอมอ่อนข้อให้แก่คนพวกนี้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่มะกัน นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีของสหรัฐอเมริกา ที่ได้ออกมาเออออห่อหมกเห็นด้วยกับพวก “ถั่วดำ” และ “ฉิ่งฉับ”
เอลตัน จอห์น ได้อยู่กันฉันท์สามีภรรยากับผู้ชายคนหนึ่งชื่อเดวิด เฟอร์นิช (David Furnish) ตั้งแต่ปี ๑๙๙๓ จนกระทั่งในเวลาต่อมาประเทศอังกฤษออกกฎหมายให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ทั้งคู่จึงได้เข้าพิธีสมรสกันในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๐๐๕ ข่าวบอกว่ามีคนเด่นคนดังจำนวนมากไปร่วมในพิธีดังกล่าว
มันก็เลยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปกันใหญ่ เนืองนองด้วยความผิดบาปทางรักร่วมเพศ!
มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ประการแรกว่า รักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือไม่? ประการที่สอง ถือว่าคนที่รักเพศเดียวกันเป็นคนที่เจ็บป่วยทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณหรือไม่? ประการที่สาม พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับเรื่องเกย์
กะเทย เลสเบี้ยนและโฮโมเซ็กช่วลอย่างไร?
พระธรรมปฐมกาลบันทึกว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์นั้น ทรงสร้างตามพระฉายาและให้มีเพียงสองเพศเท่านั้น คือชายและหญิง พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้ทั้งคู่แต่งงานอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา และมีลูกมีหลานสืบต่อไป (ปฐก. ๑.๒๖-๒๘) แต่ต่อมาความผิดบาปในเรื่องรักร่วมเพศก็เกิดขึ้น พระคัมภีร์บันทึกว่าผู้ชายในเมืองโสดมมีความคิดวิปริตไป พวกเขาล้วนเบี่ยงเบนทางเพศกลายเป็นเกย์เต็มบ้านเต็มเมือง (ปฐก. ๑๙.๔-๕)
โมเสสได้เขียนบทบัญญัติเกี่ยวกับพวกรักร่วมเพศไว้ในพระธรรมเลวีนิติอย่างชัดแจ้ง “ห้ามผู้ชายนอนหลับกับผู้ชายด้วยกันเช่นเดียวกับหลับนอนกับผู้หญิง เป็นที่พึงรังเกียจ” และบอกต่อไปว่า “ชายใดนอนกับผู้ชายเหมือนกับผู้หญิง ทั้งสองคนทำผิดในสิ่งอันพึงรังเกียจ ทั้งสองคนต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ ที่พวกเขาต้องตายนั้น พวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ” (ลวต. ๑๘.๒๒, ๒๐.๑๓)
ในสมัยของผู้วินิจฉัยอิสราเอล พวกชอบไม้ป่าเดียวกันทวีมากขึ้น! (ผวฉ. ๑๙.๒๒)
ต่อมาจนถึงในสมัยโรมัน นอกจากความผิดบาปทางเพศระหว่างชายกับชายแล้ว (จักรพรรดิโรมหลายองค์เป็นเกย์) ได้พัฒนาไปเป็นหญิงกับหญิงด้วย ประพฤติการโสโครกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขาทำสิ่งที่น่าอับอายทางกายต่อกัน “เขามีกิเลสตัณหาอันอัปยศทางกาย พวกผู้หญิงก็เปลี่ยนจากเพศสัมพันธ์ทางธรรมชาติให้ผิดธรรมชาติไป” มีจิตใจเสื่อมทรามและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม (รม. ๑.๒๔-๒๗)
เปาโลได้เขียนจดหมายไปบอกแก่ทิโมธีซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าในคริสตจักรเอเฟซัส ถึงความผิดบาปของมนุษย์ในยุคปัจจุบันถึง ๑๓ อย่างทั้งของคนที่เป็นคริสเตียนและคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า ในสองอย่างนั้นคือ “พวกที่ล่วงประเวณีและชายหรือหญิงที่มีพฤติกรรม)รักร่วมเพศ” (๑ ทธ. ๑.๘-๑๐) แสดงว่าในสมัยศตวรรษแรกนั้นพวกเกย์ได้แพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วมาก
เป็นที่รู้กันดีว่า การร่วมเพศทางทวารหนักนอกจากจะเป็นความผิดบาปแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรดเอดส์ ใครเป็นแล้วตายสถานเดียว เพราะยังไม่มียาขนานใดสามารถรักษาให้หายได้(มีแต่ยาที่ชะลออาการเท่านั้น)
ขอให้เข้าใจว่า พระเจ้าทรงรักโลกและรักมนุษย์มากที่สุด จนยอมเสียสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์คือพระเยซูคริสต์ ให้เสด็จเข้ามาในโลกนี้ และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อตายแทน(ไถ่บาป)มนุษย์ทุกคน (ยน. ๓.๑๖) พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้(จิตวิญญาณของ)พวกเราสักคนเดียวพินาศในบึงไฟนรก
แต่ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็ทรงเกลียดชังความผิดบาปอย่างเข้ากระดูกดำอีกด้วย!
ดังนั้น ณ เวลานี้มีคำแนะนำว่า หากคนหนึ่งคนใดที่เป็นเกย์ กะเทย หรือเลสเบี้ยนเข้ามายังคริสตจักร(โบสถ์) เราคริสเตียนจะต้องให้ต้อนรับขับสู้เขาเหมือนกับคนทั่วไป เพราะทุกคนเป็นคนบาป คนที่ไม่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศก็เป็นคนบาป(ทำบาปอย่างอื่น) เช่นกัน (รม. ๓.๒๓, รม. ๖.๒๓) อย่าได้แสดงความรังเกียจรังงอน เราต้องประกาศและเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐของพระเยซู นำเขาให้สารภาพบาป กลับใจเสียใหม่ มาถึงความรอดและชีวิตนิรันดร์
เมื่อเขาได้รับการชำระความผิดบาปด้วยพระโลหิตของพระคริสต์แล้ว แน่นอน วิถีชีวิตและพฤติกรรมของเขาจะเปลี่ยนแปลงและมีชีวิตใหม่ (๒ คร. ๕.๑๗)
เราเชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีกระแสของพวกเกย์ กะเทย เลสเบี้ยนและรักร่วมเพศเพิ่มมากขึ้น
ดูทางทีวีสิ เกย์ กะเทย และพวกรักร่วมเพศเกลื่อนจอไปหมดเลย
อีกทั้งพวกดารานักร้องและนักแสดงทั้งหลายออกอาการ “ปลาหมึก” กันอย่างโจ่งแจ้ง
มีพวกนักการเมือง อาจารย์ในมหาวิทยาลัย ครู นักศึกษา นักเรียน และคนทั่วไปต่างเดินกระแด๊ะๆ กระตุ้งกระติ้งและสะดีดสะดิ้ง จนบางคนตั้งข้อสังเกตว่า ในบรรดาผู้ชาย ๑๐ คนที่เดินตามห้างสรรพสินค้านั้น เป็นเกย์ กะเทยเสีย ๘ คน เหมือนผู้คนในสมัยโนอาห์ที่ “เค้าความคิดในใจของพวกเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา” เหมือนเมื่อครั้งที่ทูตสวรรค์ไปยังโสดม(เมืองแห่งการรักร่วมเพศ) บอกโลตและคนในครอบครัวว่า “จงออกไปจากเมืองนี้ เพราะเราจะทำลายที่นี่แล้ว เนื่องจากมีเสียงร้องกล่าวโทษพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าดังมาก และพระเจ้าได้ทรงใช้เรามาเพื่อจะทรงทำลายเมืองนี้เสีย” (ปฐก. ๑๙.๑๒-๑๓)
ดังนั้น คริสตจักรของพระเจ้าควรจะมีการวางแผนว่า จะตั้งรับต่อความผิดบาปเหล่านี้ได้อย่างไร? และด้วยวิธีไหน? จะด้วยการต่อต้านแบบหัวชนฝา หรือหันมานำวิญญาณของคนเหล่านี้ให้มาถึงความรอดและชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์?
เริ่มต้นได้แล้วนะครับ.