ธรรมชีวิต 1-7 มกราคม 2013
1 มกราคม 2013
“ปีใหม่ไปสู่ความไม่รู้”
เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียก...ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน
ฮีบรู 11:8
อุปสรรคที่ยากเย็นที่สุดอย่างหนึ่งในการติดตามพระคริสต์คือการกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ เราต้องการรู้ล่วงหน้าว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรหากเราเชื่อฟัง และพระองค์จะพาเราไปไหน แต่เราได้รับเพียงการยืนยันว่าพระองค์จะทรงอยู่ด้วยและทรงควบคุมดูแล จากนั้นเราก็มุ่งไปสู่สิ่งที่ไม่รู้กับพระองค์
อับราฮัมเป็นแบบอย่างของผู้ที่เต็มใจเดินกับพระเจ้าไปสู่อนาคตที่ไม่แน่นอน “เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทางไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน” (ฮบ.11:8)
อับราฮัมรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกท่านและทรงมอบพระสัญญาแก่ท่าน และนั่นก็เพียงพอแล้ว ท่านเต็มใจจะวางอนาคตไว้กู้พระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ ขอมอบอนาคตไว้กับพระเจ้าด้วยความวางใจและก้าวออกไปด้วยความเชื่อ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
2 มกราคม 2013
“รักมากพอ”
...แม้จับผู้ใดที่ละเมิดประการใดได้ ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่
กาลาเทีย 6:1
ทุกวันนี้ผู้คนมักพูดถึงการทำตามแบบพระเยซูด้วยการ “ยอมรับ” และ “สนับสนุน” ผู้อื่นในแบบที่เขาเป็น พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เราจะต้องไม่เผชิญหน้าเพื่อตักเตือนเมื่อพวกเขาทำสิ่งผิด
พระเยซูทรงรักและยอมรับผู้อื่น แต่พระองค์ไม่ผ่อนปรนกับการเผชิญหน้า เราจะเห็นได้จากลูกาบทที่ 7
พระเยซูทรงรับคำเชิญไปทานอาหารในบ้านของซีโมนที่เป็นฟาริสี ขณะที่อยู่ในเรือนของเขาพระองค์ทรงยอมให้หญิงที่ชื่อเสียงไม่ดีคนหนึ่ง มาชโลมพระบาทด้วยน้ำมันหอมราคาแพง พระเยซูทรงทราบความคิดของซีโมนที่มีต่อหญิงคนนี้ขณะที่นางกำลังแสดงออกถึงความรักต่อพระองค์ (ข้อ 36-39) ดังนั้น พระองค์จึงตำหนิซีโมนในเรื่องความหน้าซื่อใจคดของเขา
ดูเหมือนซีโมนตั้งใจจะเชิญพระเยซูมาที่บ้านเพื่อจะจับผิดพระองค์ พระเยซูทรงเตือนให้เขารู้ถึงความบกพร่องในการต้อนรับแ-ขกตามมารยาทที่เขาควรปฏิบัติ อีกทั้งพระองค์ทรงทราบถึงอดีตที่ผิดบาปของหญิงคนนั้น (ข้อ 44:46) และการกลับใจที่แท้จริงของนาง พระองค์จึงตรัสว่า “ความผิดบาปของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกเสียแล้วเพราะนางรักมาก” (ข้อ 47) พระเยซูทรงให้เกียรติทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นนักศาสนาที่เคร่งครัด คนเก็บภาษีที่คดโกง หรือหญิงโสเภณี แาต่พระองค์ไม่เคยโอนอ่อนกับความบาปของเขา ทรงรักมนุษย์มากพอที่จะตักเตือนพวกเขา เราก็ควรจะทำเช่นนั้นด้วย
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์มีใจกล้าที่จะพูดความจริงด้วยใจรักในการเตือนสติ ผู้อื่นด้วยเถิด ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
3 มกราคม 2013
“สัมผัสทั้ง 5”
ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน
ยากอบ 1:17
การได้รับความรื่นรมย์ทางประสาทสัมผัสต่างๆของเรา ฟังดูเป็นสิ่งที่ไม่ดี นั่นอาจเป็นเพราะเราอยู่ในโลกที่หมกมุ่นแต่สิ่งบันเทิง แต่พระเจ้าทรงเห็นชอบที่เราจะมีความรื่นรมย์ใจอย่างที่เหมาะสมผ่านสัมผัสทั้งห้า
เหตุผลประการแรกคือ พระเจ้าทรงสร้างให้เรามีสัมผัสทั้งห้า คือ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนั้นดี
ประการที่สอง พระเจ้าทรงสร้างให้สัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการ ให้เราพิจารณาจากพลับพลาซึ่งเป็นสถานนมัสการที่เป็นแบบแผนแห่งแรกของพระเจ้า ในพลับพลามีหีบพันธสัญญาหุ้มทองคำตกแต่งอย่างงดงาม พระเจ้าทรงเห็นชอบกับสิ่งสวยงาม ในพลับพลามีแท่นเผาเครื่องหอมบูชาซึ่งปุโรหิตจะเผาเครื่องเทศกลิ่นหอมที่ปรุงโดยช่างปรุง พระเจ้าทรงพอพระทัยในกลิ่นที่หอมและนอกจากนี้ในพลับพลามีโต๊ะที่สร้างอย่างปราณีต พร้อมทั้งจานชามและคนโท ทรงเห็นชอบในรสชาติที่ดีของอาหาร ม่านที่อยู่รอบพลับพลาทำจากด้ายสีสวยสดและผ้าลินินเนื้อดี ทรงเห็นชอบในสีสันและเนื้อผ้าที่งดงาม เราได้พบใน 2 พงศาวดาร 29:28 ว่า ดนตรีก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการนมัสการ พระเจ้าทรงพอพระทัยในเสียงอันไพเราะ
พระเจ้าทรงเห็นคุณค่าของ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสที่ดี แต่พระองค์ไม่ประสงค์ให้เรานมัสการสิ่งเหล่านั้น พระองค์ประสงค์ให้เรามีความยินดีและสำนึกในพระคุณซึ่งจะนำพาให้เรานมัสการพระองค์ ผู้ทรงสร้างและประทานสิ่งดีทุกอย่างแาก่เรา
ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงประทานสัมผัสทั้ง 5 ให้กับเราทั้งหลาย ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
4 มกราคม 2013
“หนังสือที่ดีที่สุด”
พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ในการสอน...และการอบรมในทางธรรม
2 ทิโมธี 3:16
ระหว่างที่แม่ไปส่งจอร์แดนที่ศูนย์เด็กก่อนวัยเรียน เขาซักถามถึงเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ แม่จึงรู้ว่าเขาเข้าใจผิดโดยคิดว่าพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ครั้งแรกในวันอีสเตอร์นี้เธออยากแก้ไขความเข้าใจของเขาจึงจอดรถที่ข้างทาง และเล่าเรื่องพระเยซูสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ให้เขาฟัง และสรุปว่า “พระเยซูฟื้นจากความตายนานแล้ว และตอนนี้พระองค์อยากจะเข้ามาอยู่ในใจของเรา” แต่จอร์แดนก็ยังไม่เข้าใจ เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไรอีก จึงพูดขึ้นว่า “เราแวะร้านหนังสือกันดีมั้ย เมื่ออาทิตย์ที่แล้วแม่เห็นหนังสือเกี่ยวกับอีสเตอร์ เราจะได้ซื้อมาอ่านด้วยกันไงจ๊ะ” ด้วยความฉลาดเกินวัย จอร์แดนตอบแม่ว่า “เราอ่านพระคัมภีร์เลยไม่ดีเหรอฮะ”
จอร์แดนคิดถูกแล้ว หนังสืออรรถาธิบายและหนังสือต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระคัมภีร์ล้วนแต่มีประโยชน์ แต่มันไม่ควรมาแทนที่พระคัมภีร์ซึ่งเป็นการสำแดงพระองค์ของพระเจ้า
ไม่มีหนังสืออื่นใดที่เขียนมาถึงเราโดย “การดลใจจากพระเจ้า” (2 ทธ.3:16) นักเขียนอูยีน ปีเตอร์สัน กล่าวว่า “พระสุรเสียงของพระเจ้ากำลังตรัสกับเรา เชื้อเชิญเรา สัญญาเรา อวยพรเรา ตักเตือนเรา สั่งเรา และเยียวยาเรา” ให้เราคิดอย่างจอร์แดนและมุ่งไปอันดับแารกที่พระคัมภีร์ซึ่งเป็นแหล่งความจริงสูงสุด
ข้าแต่พระเจ้าขอทรงช่วยให้จิตใจและความคิดของข้าพระองค์รักในพระวจนะของพระองค์มากๆ ด้วยเถิด ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
5 มกราคม 2013
“ความแตกต่าง”
ฝ่ายโมเลสจึงทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่าจึงจะไปเฝ้าฟาโรห์และนำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์” พระองค์จึงตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่...”
อพยพ 3:11-12
เมื่อโมเสสยืนอยู่ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้านั้น ท่านทราบดีว่าตนเองไม่สามารถจะทำตามที่พระเจ้าขอให้ท่านทำได้ ครั้งหนึ่งท่านเคยพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในประเทศอียิปต์ แต่โมเสสกลับหันหลังให้กับความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีทางจะเป็นอื่นไปได้นั้นเสีย แล้วยืนเคียงข้างกับประชากรของท่านคือพวกทาส พวกเขาไม่ยอมรับท่าน เมื่อท่านต้องหลบหนีเนื่องจากได้ฆ่าคน โมเสสได้ใช้เวลาหลายปีในป่าทุรกันดารเพื่อเลี้ยงแกะให้กับชายคนหนึ่ง ท่านได้กลายจากคนที่เป็นผู้นำอันสูงส่งไปสู่ความต่ำต้อยที่สุด
โมเสสมองเห็นแต่เพียงความผิดพลาดของตนเองในขณะที่ท่านไตร่ตรองการร้องขอของพระเจ้าและสำรวจดูความสามารถของตนเองอยู่นั้น ท่านก็มองเห็นความล้มเหลวอีกประการหนึ่งของตนเอง สิ่งที่พระเจ้าทรงขอจากท่านนั้นดูเหมือนจะเกินความสามารถของท่าน สำหรับโมเสสแล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระผู้เป็นเจ้าแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่พระเจ้าโมเสสได้ช่วยกันเปลี่ยนแปลงดุลยภาพ และทำให้สิ่งที่โมเสสไม่สามารถจะทำได้ด้วยตนเองนั้นเป็นไปได้
หากเราคิดถึงแต่ข้อจำกัดและความอ่อนแอของตนเอง เราก็อาจจะพ่ายแพ้ได้ง่ายๆ แต่พระเจ้าตรัสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่” เราจะพบฤทธิ์อำนาจและพลังของเราได้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะทรงเรียกให้เราดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์ ให้เคลื่อนย้ายภูเขาหรือทำสิ่งที่ยากเย็นประการก็ตาม พระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงต้องการความสามารถของเราเท่านั้น และยังทรงต้องการความไว้วางใจและการเชื่อฟังจากเราด้วย
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เป็นของพระองค์ โปรดสถิตอยู่กับข้าพระองค์และช่วยให้ข้าพระองค์เชื่อฟังพระองค์อันเป็นสัญญาณแห่งความไว้วางใจ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
6 มกราคม 2013
“จานสกปรก”
...จงอยู่ในพระองค์ เพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราทั้งหลายจะได้มีใจกล้า และไม่หลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย เมื่อพระองค์เสด็จมา
1 ยอห์น 2:28
ขณะที่ผมยังเป็นเด็ก คุณพ่อของผมมักจะเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อแบ่งปัน และหนุนใจในคริสตจักรอื่นๆและในการประชุม บางครั้งคุณแม่ก็จะร่วมเดินทางไปด้วย โดยที่ผมกับน้องต้องอยู่กันตามลำพังสัก 2-3 วัน เราชอบที่ได้อยู่อย่างอิสระ แต่ไม่ชอบที่จะต้องล้างจานเอง ผมนึกถึงตอนที่เราพยายามประวิงเวลาของงานล้างจานออกไปให้นานที่สุด โดยเอาถ้วยชาม แก้วน้ำ และช้อนส้อมที่ใช้แล้วทั้งหมดไปกองสุมไว้ในกาละมัง หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ พูดถึงปลายสัปดาห์ ในกาละมังจะไม่มีที่วางให้เราใส่ได้อีก ดังนั้น ตอนเย็นก่อนวันที่พ่อและแม่จะกลับมา เราก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับถ้วยชามที่กองอยู่ในเตาทั้งหมด โดยใช้เวลารวมหลายชั่วโมง มันจะน่าอายขนาดไหนถ้าพ่อกับแาม่กลับมาเร็วกว่าที่เราคาดไว้
เนื่องจากเราไม่รู้แน่ชัดว่าพระคริสต์จะเสด็จกลับมาเมื่อไหร่ (มธ.24:36, 42-44) ฉะนั้น เราต้องไม่ดำเนินชีวิตคริสเตียนแบบขี้เกียจ การคาดหมายว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาได้ทุกเวลาน่าจะช่วยให้เราเป็นทาสที่ “สัตย์ซื่อและฉลาด” (ข้อ 45) และมีชีวิตดังคนที่ “มีใจกล้าและไม่หลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย” เมื่อพระองค์เสด็จมา (1 ยน.2:28)
พระคริสตจะเสด็จมาอีกครั้งดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ บางทีอาจจะเป็นวันนี้ก็ได้! คุณยังมี “จานสกปรก” ที่ต้องจัดการอยู่หรือเปล่า? ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องเตรียมพร้อม
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะไม่สะสมสิ่งที่ไม่ดีไว้ในชีวิต ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
7 มกราคม 2013
“ความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิด”
แต่หญิงนั้นได้ซ่อนชายทั้งสองเสีย...
โยชูวา 2:4
ในปี 1803 โธมัล เจฟเฟอร์สัน มอบหมายให้ลูอิสและคลาร์คนำคณะออกสำรวจบุกเบิกข้ามอเมริกา ไปจนถึงชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิค คณะสำรวจชุดนี้ถูกเรียกว่า “หน่วยค้นพบ” พวกเขาปฏิบัติภารกิจตามชื่อที่ตั้งไว้ได้อย่างลุล่วง โดยสำรวจพบสัตว์และพืชพันธุ์ใหม่ถึง 300 ชนิด พบอินเดียแดงเกือบ 50 เผ่า คณะสำรวจนี้ได้พบและร่วมทางไปกับพ่อค้าขนสัตว์ชาวฝรั่งเศลซาคาจาเวียภรรยาของเขา เธอมีคุณประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยเป็นทั้งล่ามและผู้นำทาง ซาคาจาเวียได้กลับไปหาครอบครัว พี่ชายของเธอได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า เขาช่วยจัดหาม้าพร้อมทั้งแผนที่ของดินแดนทางตะวันตกที่จะต้องสำรวจให้ด้วย หากไม่ได้รับความช่วยเหลือซึ่งคาดไม่ถึงนี้จากซาคาจาเวียและพี่ชาย การสำรวจอาจไม่บรรลุผล
พระคัมภีร์พูดถึงคณะสำรวจที่ได้รับความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิดเช่นกัน อิสราเอลส่งผู้สอดแนมเข้าไปในเมืองเยรีโค ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในดินแดนแห่งพันธสัญญา ราหับรับปากว่าจะชวนพวกเขาหลบหนีออกจากเมือง เพื่อแลกกับการคุ้มครองครอบครัวของเธอเมื่อเมืองเยรีโคล่มสลาย พระเจ้าทรงใช้เธอเพื่อเตรียมหนทางสู่ชัยชนะให้กับอิลราเอลในการเข้าไปยึดครอง และตั้งรกรากในแผ่นดินแห่งพันธสัญญา คุณกำลังพบกับสภาวะท้าทายหรือเปล่า? จงระลึกว่าพระเจ้าสามารถประทานความช่วยเหลือจากแหล่งที่เราคาดไม่ถึง
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นความช่วยเหลือในยามยากลำบากแก่ข้าพระองค์เสมอ ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
แก้ไขล่าสุด (วันอังคารที่ 01 มกราคม 2013 เวลา 23:59 น.)