ข้อพระคัมภีร์ 1 ซมอ 2: 12-17 โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
คำนำ : รักแผ่นดิน ถิ่นเกิด เถิดพี่น้อง จงอย่าต้อง แบ่งแยก แตกเป็นสี จงช่วยเหลือ รักใคร่ สามัคคี แผ่นดินนี้ ของคนไทย ทุก..ทุกคน อย่าให้ใคร มายุ-แยง แบ่งเป็นฝ่าย อย่าให้ใคร มาเป่าหู ดูสับสน จงอย่าดึง ฟ้าต่ำ ช้ำเหลือทน ไทยทุกคน นั้นมีพ่อ องค์เดียวกัน....
นับเป็นบทกลอนที่ไพเราะและมีสาระสกิดใจ เราต้องรู้รักสามัคคีไม่ดึงเอาฟ้ามาต่ำลง ในยุคเวลาที่ทุกวันนี้มีการขัดแย้งกัน เช่นเดียวกับบ้านใหญ่เมื่อลูกๆทะเลาะกันก็จะดึงให้พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ลงมาเกี่ยวข้องด้วย และที่น่าเศร้าใจยิ่งนักเมื่อผู้ใหญ่กลับมาทะเลาะกันเสียเองเพราะเรื่องของเด็กๆ ในวันพ่อปีนี้ขอหยิบยกเอาเรื่องราวของเอลี มหาปุโรหิตที่เมืองชิโลห์มาแบ่งปันให้ฟังว่า ถึงบทบาทหน้าที่ของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย และบทบาทของบุตรธิดา เป็นอย่างไรหากบิดามารดา หรือเมื่อผู้ใหญ่อ่อนแอ เลี้ยงดูแลเด็กแบบปล่อยปะละเลย ผิดถูกอย่างไรไม่เตือน ส่งผล3ประการดังต่อไปคือ
ประการที่ 1 อันธพาล ข้อ 12
คำว่าอันธ แปลว่า มืด โง่ ทึบ บอด คำว่าพาล แปลว่า คนชั่วร้าย คนเกเร คำว่าอันธพาล จึงแปลว่า คนปัญญาโง่ทึบ คนเกะกะระราน ( กุ๊ย)
แทบไม่อยากจะเชื่อว่า บุตรชายทั้งสองของเอลีจะเป็นคนอันธพาล หากจะว่าตัวของเขาทั้งสองอยู่ในสังคมสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะซามูเอลก็เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกัน และแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงเขา แต่เขาก็ถูกส่งตัวมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับลูกๆของเอลี เติบโตมาด้วยกัน แต่ซามูลเอลกลับนิสัยใจคอดี เป็นเด็กรักดี รักพระเจ้า รับใช้พระเจ้า ส่วนลูกๆของเอลีกลับอันตธพาล เป็นคนเจ้าอารมณ์และนักเลงโต
ข้อที่ 22 บอกเราว่าเอลีชรามากแล้ว มันเหมือนป้ายชี้ทางให้เรารู้ว่า คนเราเมื่อร่างกายอ่อนแรงหมดไฟ บางทีก็ไม่สามารถพูดหรือสอน หรือทำอะไรได้มากเหมือนยุคก่อนๆ ยิ่งไปกว่านั้นเองเราก็เห็นว่าบางทีเอลีก็อาจจะพูดมาก็มาก ตักเตือนลูกมาก็มากมาย จนตนเองเบื่อๆ แต่หลายๆคนก็มีคำถามว่า เอลีเป็นถึงขั้นผู้นำเป็นผู้รับใช้พระเจ้าเชียวนะ ทำไมลูกๆของท่านกลับไม่ได้เรื่องได้ราวสักคน ทำตัวอันธพาล อวดเบ่ง คุยโวโอ้อวด และวางมาด มันก็น่าเศร้าใจจริงๆที่หลายครั้งเราก็เห็นลูกๆของบรรดาผู้นำหลายคนทำตัวไม่เป็นแบบอย่าง มีคนกล่าวว่า ? ลูกอาจารย์หลานนักเทศน์?
อะไรที่ทำให้ลูกๆของเอลีเป็นเช่นนั้นหรือ? หลายคนคาดว่าบางทีเอลีอาจจะยุ่งกับงาน มีภาระกิจมากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาหันไปดูครอบครัว เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนสำหรับเราว่า อย่าให้งานของเรามาแย่งเวลาที่ดีของเราไปจากลูกๆ หรือภรรยา เราจะต้องมีเวลาดูแลคนในบ้านของเรา สามารถปกครองดูแลบ้านเรือนของตนเอง เช่นเดียวกันในพระคัมภีร์ใหม่เปาโลเตือนทิโมธีว่า ในการแต่งตั้งผู้นำผู้ปกครองดูแลคริสตจักรควรจะเลือกเอาคนที่มีชีวิตที่เป็นแบบอย่าง คนที่สามารถปกครองดูแลบ้านเรือนได้ดี ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? มันหมายความว่าหากเขาปกครองในบ้านเล็กๆไม่ได้ เขาจะบริหารปกครองกิจการงานพระเจ้าไม่ได้เช่นกัน
ชีวิตของเราเป็นป้ายบอกทางที่สำคัญที่สุด เราจะให้คนอื่นอ่านป้ายชีวิตของเราอย่างไร หากเราเป็นป้ายที่ใช้การไม่ได้เราก็กลายเป็นป้ายที่ทางผิด นำพาผู้คนหลงทางผิดไป จำเป็นที่เราจะต้องหันกลับมาพึ่งพาพระเจ้า และในบทบาทหน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย หรือผู้ใหญ่ในบ้าน ในคริสตจักร ในบริษัท ในสังคม เราได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อดูแลคนของเราหรือไม่? ไม่เช่นนั้นแล้วคนของเราจะปกครองเขาไม่ได้ และสิ่งต่างๆที่เราพยายามสรรสร้างขึ้นมาก็จะล่มสลาย ไม่มีประโยชน์อันใดเลย ทำอย่างไรที่เด็กๆของเราจะไม่เป็นคนอันธพาล ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และส่งเสริมสนับสนุนลูกๆให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ดีๆกับคริสตจักร หรือกลุ่มอนุชน อบรมสอนอนุชนหนุ่มสาวของเราให้รักพระเจ้า ยำเกรงพระเจ้า เดินวันต่อวันกับพระเจ้า และดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของพระวจนะของพระเจ้าให้มากที่สุด ประการที่ 2 อันตรธาน disappear ข้อ 12 ลูกๆของเอลีอยู่ใกล้แต่ไกล เขาไม่ได้นับถือพระเจ้าเลย ธรรมเนียบปฎิบัติต่างๆที่วางไว้ในอดีตที่ดีงามเขาก็ปฎิเสธเลิกล้ม และไม่รับไว้ นับวันยิ่งเดินห่างไกลไปจากพระเจ้า เช่นเดียวกับคนในยุคในสมัยนี้ไม่ว่าเด็กวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่เราล้วนมักเดินหันหลังให้พระเจ้า พ่อดีใช่ว่าลูกจะดีด้วย เอลีจึงกลายเป็นคนดีที่ล้มเหลว พื้นฐานของเอลีเป็นคนดี ไม่ล่วงประเวณี หรือลักเล็กขโมยน้อย รักความสงบ แต่เขาล้มเหลว แม้ว่าเอลีจะรู้ว่าลูกๆกระทำตัวในทางที่ไม่ดีงาม ไม่สมควรแต่เอลีก็เพียงแค่เตือนลูกๆธรรมดา ไม่มีมาตรการในการเฆียนหรือลงวินัย
ภาษิตไทยสอนว่า รักวัวให้ผูก รักถูกให้ตี หมายถึงว่า จะเลี้ยงดูลูกให้ดีต้องดูแลใกล้ชิด ไม่ปล่อยปละละเลย ตัวอย่าง พ่อแม่บ้านนั้นเขาดีนะ ไม่เคยให้ท้ายลูกเลย เวลาลูกทำผิด ก็ว่ากล่าวตักเตือนหรือลงโทษ เข้าทำนอง รักวัวให้ รักลูกให้ตี เราผู้ที่เป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีบทบาทในสังคมต้องตระหนักให้ดีว่าลูกหลานของเรามีโอกาสหลงผิด หันหลังให้พระเจ้าได้ง่ายๆ แฟชั่นสมัยใหม่มีโอกาสดึงชักจูงคนของเราออกห่างไกลพระเจ้า เห็นคนอื่นสักร่างกายก็ไปสักตามเขา เห็นเขาใส่สายเดียวเราก็ไปซื้อมาให้เขา ไปย้อมผม ไปเจาะลิ้น ไปเสริมจมูกเสริมคาง เราไม่ห้ามแถมให้เงินทองไปใช้จ่ายแบบนั้น
อย่าลืมว่า เรามีบทบาทสำคัญที่จะเป็นแบบอย่างชีวิตในทางที่ดี ที่ถูกต้อง ไม่เพียงแค่สอนด้วยคำพูด แต่ต้องเป็นแบบอย่างในด้านวาจา การกระทำ เมื่อเราบอกลูกๆว่าให้อ่านพระคัมภีร์เราเองได้อ่านบ้างไหม? เมื่อเราบอกเขาให้เฝ้าเดี่ยวเราได้เฝ้าเดี่ยวหรือยัง? เราจะต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดีด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วลูกๆของเรา เด็กๆในคริสตจักรของเราก็จะหลงหายไปจากทางของพระเจ้าไป เขาจะเริ่มอันตรธานจากพระเจ้าไป ไม่นับถือพระเจ้า ตัวอย่าง : น้องมานา พ่อแม่ฝึกลูกให้รู้จักถวายทรัพย์ทุกอาทิตย์จะเอาเงินใส่ซองฝากไว้เพื่อถวายพระเจ้า เชื่อว่าโตขึ้นจะต้องเป็นเด็กที่ที่พระเจ้าอวยพระพร เพราะเขาถูกฝึกที่จะให้ และเรียนบทเรียนในการถวาย
แบบอย่าง : ลูกๆของเอลีปุโรหิต เขาถูกฝึกมาว่าได้กินง่ายๆ แค่เอาไม้สามง่ามไปแทงที่หม้อกระทะ ก็ได้มาง่ายๆ เขาเป็นฝ่ายรับๆๆๆ จนชินชา ไม่ค่อยเรียนรู้จักแบ่งปัน หรือให้ โตขึ้นมาจึงกลายเป็นคนที่อันธพาล และอันตรธานจากพระเจ้า
ประการที่ 3 อันตราย 17, 25 เอลียืนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถพูดได้ สอนได้ แต่เขาไม่ได้ทำ สุดท้ายแม้ว่าเขาจะตำหนิลูกๆทั้งสองเขาก็ไม่ยอมฟัง เพราะจิตใจของเขาด้านไปเสียแล้ว เช่นเดียวกันหลายครั้งในบทบาทของเราเราพูดได้ แต่เราก็ไม่กล้าทำอะไรลงไป สุดท้ายจึงทำให้เกิดเรื่องเศร้า ใจของเราไม่เข้มแข็งพอ เราอ่อนแอเกินกว่า เอลีลุกขึ้นมาต่อว่าลูกๆ และจัดการกับความผิดบาปของลูกๆในเวลาที่มันสายเกินไป ลูกๆของเอลีก้าวมาสู่เวลาที่อันตราย ในระยะที่อันตราย
ดูจากข้อ 14 -ไม่เอาวิธีการเดิมๆ เอาแต่ใจ ต้องการเนื้อดิบ - เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ฟังใคร อวดเบ่ง อวดเก่ง อวดใหญ่ - สังเกต ? ข้าก็จะเอา ลูกๆของเอลียืนอยู่ในจุดที่อันตรายเมื่อเขาดูหมิ่นของถวายแด่พระเจ้า
ข้อ17บทเรียน (หลายครั้งลูกๆของเราไม่สำนึกว่าอะไรคือส่วนของเราเอง อะไรคือส่วนของพระเจ้า) - ข้อ 22 ลูกๆของเอลีทำบาปผิดในบริเวณทางเข้าเต้นนัดพบ สถานที่พระเจ้าให้คนบาปมาพบกับพระเจ้า แต่บุตรเอลีกลับใช้สถานที่นี้ในการเข้าหาผู้หญิง กระทำให้ตัวมลทิน และสถานที่เป็นมลทิน หลายๆครั้งที่เราก็เห็นพี่น้อง เห็นคนในครอบครัวของเรายืนอยู่ในจุดที่อันตราย แต่เราก็ไม่กล้าหาญที่จะตักเตือน บอกเขาตรงๆ อาจจะเพราะว่าใจเราไม่กล้าหาญพอ หรือเราคิดไปว่เขาคงไม่ฟังเรา หรือคิดว่าธุระไม่ใช่จะไปยุ่งทำไมกัน ในบทเรียนที่นี่เราพบว่า เอลีช้าเกินไป......
ตัวอย่าง : หลานชายคุณหนุ่ย เล่นอยู่ในจุดที่อันตรายเกินไป หลังเลิกเรียนก็พากันข้ามฟากไปเล่นอีกฝั่งข้างโน้น หลังจากนั้นก็ยืนริมน้ำเจ้าพระยา ลื่นถลาลงตกลงไป3 คน แต่สองคนตะกุยตระกายขึ้นมาได้ แต่หลานชายคุณหนุ่ยไม่มีแรงพอที่จะรู้วิธีเอาตัวรอด บวกกับกระแสน้ำที่วนและไหลแรง จึงทำให้เขาเสียชีวิตด้วยอายุเพียงแค่ 13 ปี ทำให้ผู้เป็นแม่และยายร้องไห้เศร้าใจ ทำนองเดียวกันในฝ่ายจิตวิญญาณ เด็กๆของเรา ลูกหลานของเราก็อาจจะกำลังเล่นอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด กำลังเล่นกับการทดลองอันใหญ่หลวง กับบาป และบางทีเขาอาจจะไม่แรงมากพอที่จะเอารอดชนะการทดลองนั้น
2ซมอ 2: 1 ซามูเอล 4:21 นางให้ชื่อเด็กนั้นว่า อีคาโบด กล่าวว่า "พระสิริพรากไปจากอิสราเอลแล้ว" เพราะเขายึดหีบแห่งพระเจ้าไป บทเรียนตรงนี้หมายถึงว่า เพราะการไม่ร่วมรับผิดชอบของบาป และปล่อยให้คนในพระเจ้าทำบาป จึงทำให้เกิดอีคาโบด หมายถึง พระสิริพรากไปจากอิสราเอล พบความพ่ายแพ้ต่อศัตรู ชีวิตปัญหา แต่เพราะพระบิดาเจ้าในสวรรค์ทรงเมตตามนุษย์โลกจึงประทานพระบุตรลงมาประสูติชื่อว่าเยซู พระสิริ และสันติสุขจึงเกิดขึ้นเหนือประชาชาติในโลกนี้ ดังนั้นให้เราขอบพระคุณพระเจ้า และเตรียมใจเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสในปีนี้โดยการจัดเตรียมของขวัญให้พระเจ้า นำคนมารู้จักพระเจ้า ชักชวนเป็นพยาน นำคนมาคริสตจักร ลูกา 2:14 "พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงโปรดปรานนั้น"
ทำนองเดียวกัน ในบทบาทของเราที่เป็นเด็กที่อ่อนอาวุโส พระคัมภีร์มีคำสอนว่าเราจะลืม สภษ 30:17 นัยน์ตาที่เยาะเย้ยบิดา และดูถูกไม่ฟังมารดา จะถูกกาแห่งหุบเขาจิกออก และแร้งจะกินเสีย ในยุคนี้เด็กสมัยนี้เรียนเก่ง โตไว ฉลาดมาก บางคนพูดเก่งได้หลายภาษา แต่ใช่ว่าจะเอาความรู้สติปัญญามากดหัวพ่อแม่ หรือคนรุ่นเก่าๆ สุภาษิต20:29 ศักดิ์ศรีของคนหนุ่ม คือกำลังของเขา แต่ความงามของคนแก่คือผมหงอกของเขา พระคัมภีร์สอนให้เราพิจารณาถึงคนอาวุโสท่ามกลางเรา อย่าทอดทิ้งหรือดูหมิ่นดูแคลนท่าน แต่ให้เอาใจใส่ท่านขณะที่ยังมีเวลา และสามารถทำได้ หากเรารู้จักปฎิบัติเช่นนี้ พระเจ้าสัญญาให้พรแก่ท่าน ชีวิตของท่านจะไปดีมาดี เกิดผลดี ได้รับพระพรจากพระเจ้าเป็นผลตอบแทน เพราะการเป็นบุตรที่ดีย่อมมีรางวัล วันนี้ย่าให้ท่านเป็นพ่อแม่ที่อ่อนแอ และอย่าให้ท่านทอดทิ้งผู้เป็นบิดามารดา หรือผู้ที่ส่วนในชีวิตของท่าน หรือคนที่เฝ้าอธิษฐานเผื่อท่านเสมอๆ
|