คำเทศนาเรื่อง ภาระใจขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้อพระคำ มาระโก 6:30-42 โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
ชีวิตของคริสเตียนที่เติบโตขึ้นในความเชื่อแล้ว จะมีกิจวัตร2 อย่างคือ การใช้ชีวิตติดสนิทกับพระเจ้า จากนั้นก็จะก้าวสู่การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้อื่น โดยจะกระทำวนเวียนเช่นนั้นตลอดเวลา และประเด็นสำคัญของชีวิตคริสเตียนจะต้องกระทำทั้งสองสิ่งนี้ให้สมดุล คือไม่ใช่ว่ายุ่งกับกิจกรรม-กับคนจนไม่มีเวลาเข้าหาพระเจ้า หรือถอนตัวจากสังคม-ผู้คนมาอยู่กับพระเจ้าจนลืมสังคม จากพระวจนะของพระเจ้าในมาระโก 6:34 ทำให้เราได้เห็นถึงแบบอย่างภาระใจของพระเยซูคริสต์ 3 ประการคือ
ประการที่ 1 ไม่หมก มุ่นกับกิจกรรมจนกระทั่งทอดทิ้งพระเจ้า มก 6:30
หลายครั้งที่ชีวิตของเราจะต้องโลดแล่นไปพร้อมๆกับงาน กิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้น ประชุมที่สำคัญบ้างและทั้งที่ไม่ได้สำคัญๆอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งเมื่อนั่งดูตารางปฎิทินของเราแทบจะไม่มีว่างเว้น ตัวอย่าง: ทุกวันนี้คริสตจักรแต่ละแห่งมักตื่นตัวในการจัดสัมมนา และประชุมบ่อยๆตลอดเดือน หากเราไม่ฉลาดพอทุกๆวันของเราก็จะเต็มไปด้วยงานประชุม เสวนา และในที่สุดเวลาที่มีค่าที่เราควรจะจัดแบ่งให้พระเจ้าก็จะไม่ได้เกิดขึ้น ตัวอย่าง : เช่นเดียวกับเรื่องมารีย์กับมารธา หลายๆครั้งที่เรากระทำเช่นเดียวกับมารธา ที่สาละวนอยู่กับงานที่เคยชิน จนพลาดสิ่งที่สำคัญกว่า ลก10:40-41 ตัวอย่าง : พระเยซูตรัสสอนว่า คนจนอยู่กับท่านเสมอ ยน 12:8 เพราะว่ามีคนจนอยู่กับท่านเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอ"
นั่นกำลังบอกให้เรารู้ว่า งานสังคมสงเคราะห์จะไม่มีวันหมดสิ้นในโลกนี้ ทุกๆวันเราจะเห็นผู้คนที่ยากลำบาก คนที่ต้องการความช่วยเหลือ คนที่ต้องการให้เรายื่นมือเข้าไปดูแลเขา ดังนั้นคริสเตียนเราจะต้องไม่ลืมตัวเองว่าจะมุ่งมั่นกับงานบริการคนอื่นๆ รับใช้คนโน้นคนนี้จนแทบไม่มีเวลาให้กับพระเจ้า การเฝ้าเดี่ยว หรือการแสวงหาพระเจ้า หลายครั้งที่เราติดต่อพระเจ้าจงระวังไม่เพียงแค่เป็นผู้รับสารจากคนอื่นแล้วส่งต่อๆไปถึงพระเจ้า เหมือนการส่งอีเมล์คลิกไปก็คิดว่าเสร็จกระบวนการแล้วหรือ? หรือการ FW อีเมล์ไปถึงพระเจ้า พระเจ้าทรงรู้ทุกสิ่งพระองค์ไม่ต้องการให้ใครฝากสารถึงพระเจ้า ตั้งแต่ไหนแต่ไรในปฐมกาลพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะสนทนาคุยกับมนุษย์ หลายครั้งที่เราก็รู้ว่าพระองค์คือแหล่งแห่งสติปัญญา และพระกำลังมากมาย แต่เราก็ไม่ได้นั่งลงเพื่อที่จะแสวงหาการทรงนำ หรือการแนะแนวทางจากพระเจ้า เราพึงพอใจกับการนั่งสอนหนังสือที่จดบันทึกเรื่องของพระเจ้าอย่างเอาจริงเอาจัง แต่เรากลับเพิกเฉยต่อเสียงของพระเจ้า ตัวอย่าง : เช่นเดียวกับพวกธรรมาจารย์และฟาริสีที่เคร่งครัดในการถวายสิ่งๆเล็กๆน้อยๆอย่างขาดเสียไม่ได้ แต่พระเยซูตรัสว่า สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือความรัก ที่เขากลับพลาดที่จะกระทำอย่างเอาจริงเอาจัง ลูกา บทที่ 11:42 "แต่วิบัติแก่เจ้า พวกฟาริสี ด้วยว่าพวกเจ้าถวายทศางค์ของสะระแหน่และขมิ้นและผักทุกอย่าง และได้ละเว้นความชอบธรรมและความรักพระเจ้าเสีย สิ่งเหล่านั้นพวกเจ้าควรได้กระทำอยู่แล้ว แต่สิ่งอื่นนั้นก็ไม่ควรละเว้นด้วย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างแม้งานของพระองค์จะเหนื่อยและหนักแค่ไหน แม้ภาระกิจจะรัดตัว ผู้คนจะมาหาพระองค์จนเวลาแทบจะทานอาหารไม่มี แต่พระองค์ก็ไม่ละเลยต่อการอธิษฐาน การเสาะหาสถานที่เปลี่ยวเพื่อการอธิษฐาน มาระโก บทที่ 1:35 ครั้นเวลาเช้ามืดพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว และทรงอธิษฐานที่นั่น
ลูกา 5:16 แต่พระองค์เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐานแต่คริสเตียนเรากลับหาเสาะหาที่เปลี่ยวเพื่อกระทำในสิ่งตรงกันข้าม คือนอนหลับ สิ่งเหล่านี้มันคือชีวิต และความรับผิดชอบของส่วนบุคคล คนอื่นๆจะมาตั้งกฎเกณฑ์ให้กันไม่ได้ คงถึงเวลาแล้วที่เราทั้งหลายจะให้ความสำคัญกับการมีเวลากับพระเจ้า เราบอกใครๆต่อใครๆว่าพระองค์คือเจ้าบ่าวของคริสตจักร แต่คริสตจักรหมายถึงเราทั้งหลายกลับไม่ค่อยมีเวลาให้กับเจ้าบ่าวของตนเอง ตัวอย่างโป๊ป เตือนให้เข้าวัดบ้าง 04 มิถุนายน โป๊ปหวังคริสตังรู้จักแบ่งเวลาขอบคุณพระบ้างในชีวิตประจำวัน สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงหวังเห็นคริสตังแบ่งสรรเวลาในแต่ละวันให้กับการ ขอบคุณพระ มิใช่ เอาแต่ทำงานและพักผ่อนโดยลืมนึกถึงพระองค์ ย้ำ ห้ามลืมไปวัดวันอาทิตย์เด็ดขาด เพราะนี่คือวันที่เราจะได้พบ กับความงดงามของพระศาสนจักร และได้รับความหมายแท้จริงให้ชีวิต ที่มา นสพ.ผู้จัดการ 4 มิย 09
เราจะสร้างอุปนิสัยจนมันกลายเป็นกิจวัตรในชีวิตของเราอย่างไรในเรื่องนี้ ให้เราตั้งกฎเกณฑ์ในตัวเองว่า ถ้าไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้า ไม่ได้อ่านพระคำจะไม่ทานอาหารเช้า หรือถ้าไม่ได้รับพระคำ จะไม่หลับ หรืออาจจะตั้งเวลาไว้ว่าทุกวัน8.00 น.เราจะอธิษฐานรวมพลังกันทั้งคริสตจักร หากเราไม่ได้มองเห็นเรื่องเหล่านี้เป็นงานที่เร่งด่วน เราจะทอดทิ้งพระเจ้าไปได้ง่ายขึ้น และหันไปยุ่งๆกับภาระกิจการงานประจำ และงานไม่ประจำของเรา รวมถึงกิจกรรมต่างๆทั้งในครอบครัว สังคมของเพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งในคริสตจักรมากจนเกินเหตุ เราจะเริ่มกลายเป็นนักกิจกรรม จนกระทั่งเวลาของเรากับพระเจ้าเริ่มมีปัญหา เริ่มลดน้อยถอยลง จึงนำพาชีวิตของเราไม่ได้เกิดผลในพระเจ้ามากตาม ยน 15:7 เพราะเราขาดการติดสนิทพระเจ้า
แบบอย่างพระเยซูคริสต์คือ ไม่หมกมุ่นกับกิจกรรมจนกระทั่งทอดทิ้งพระเจ้า
ประการที่ 2 ไม่หมก มุ่นกับพระบิดาเจ้า จนกระทั่งทอดทิ้งฝูงชน มก 6:34
ในบางครั้งคริสเตียนก็เอาจริงเอาจังกับพระเจ้ามาก พระเจ้าสัมพันธ์ดีมากๆ แต่มนุษย์สัมพันธ์มีปัญหา หลายคนยุ่งกับการเฝ้าเดี่ยว การอธิษฐาน และการอ่านพระคำของพระเจ้า เขาเหล่านี้ไม่สนใจใยดีว่าใครจะเป็นลม เป็นแล้ง และดิ้นตายข้างๆ บางคนจดจ่ออยู่กับการทำลายสถิติการอ่านพระคัมภีร์และชั่วโมงที่ยาวนานของการอธิษฐานเช้าตรู่ หรือการเข้าร่วมกิจกรรมของพระเจ้า จนไม่สนใจว่าเพื่อนบ้านชื่ออะไร เพื่อนมนุษย์จะเป็นอย่างไร คนรอบข้างเขากำลังเผชิญกับปัญหาเรื่องใด หมายถึงว่าจิตใจของเราจดจ่อที่พระเจ้ามากจนไม่มีเวลาพอที่จะให้กับครอบครัว หรือเพื่อนสนิท
มก6:34 พระเยซูคริสต์ทรงมีพระทัยสงสารผู้คน มิได้นั่งสงบลำพังตลอดเวลา แต่ทรงเปิดพระเนตรมองดูความต้องการของคนอื่นๆ และเห็นถึงความหิวโหย และสภาพปัญหาที่ยากลำบากของคนรอบข้างพระองค์ เห็นคนที่ถูกกระทำเป็นเหมือนฝูงแกะที่ขาดการดูแลเอาใจใส่ เห็นน้ำตาของเพื่อน เห็นถึงลึกที่ทำให้เพื่อนเจ็บ ซึ่งต่างกับคนในยุคสมัยนี้มาก ทุกวันนี้เรากลับเห็นแต่ความต้องการของตนเองสูง เห็นถึงความยากลำบากที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ เห็นถึงโรคภัยไข้เจ็บของเราเอง เห็นถึงความประปลอดภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับหน่วยงาน หรือองค์กรของตนเองมากจนเราลืมมองดูที่จะเห็นความต้องการของคนอื่นว่าเป็นเช่นไร เรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่าง : อ.เปาโลสอนว่า 1คร10:33 ข้าพเจ้าเองได้พยายามกระทำทุกสิ่งเพื่อให้เป็นที่พอใจของคนทั้งปวง มิได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่เห็นแก่ประโยชน์ของคนทั้งหลาย เพื่อให้เขารอดได้ พี่น้องที่รัก เราได้เพียรพยายามแค่ไหนในการทำให้คนทั้งปวงพอใจ เราพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถแล้วหรือยังที่จะทำให้เพื่อนพี่น้องในคริสตจักรได้รับประโยชน์
ประการที่ 3 ไม่หมก เม็ดจากความรับผิดชอบ มก 6:35-38 หมกเม็ด ประกอบด้วยคำว่า หมก และ เม็ด หมก แปลว่า ซุกไว้ข้างใต้ เช่น ปลาช่อนมักจะหมกตัวอยู่ในโคลน. เขาแอบเอา ไหเหล้าไปหมกไว้ในกองฟาง. เม็ด หมายถึง เล่ห์เหลี่ยม สาระ หรือประเด็นสำคัญ สรุปคำว่าหมกเม็ด หมายถึง ซ่อนประเด็นหรือสาระสำคัญไว้, ซ่อนเงื่อนไขบางประการไว้, ซ่อนเงื่อนไขซึ่งจะ นำไปสู่ประเด็นอื่น
พวกสาวกกลับเห็นในสิ่งตรงกันข้ามพระเยซูคริสต์ พวกเขาขอร้องเชิงบังคับพระเยซูให้เป็นคนสั่งประชาชน สั่งให้พวกเหล่านั้นออกไปเสียเพื่อให้ทุกคนได้รับผิดชอบภาระของตนเอง ไม่ใช่ให้ภาระตกอยู่ที่สาวก โดยเสนอเหตุผลหลายข้อหลายอย่างเพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบ และหมกเม็ด 1.เพราะเวลาเกือบค่ำลงแล้ว 2.เพราะที่นี่กันดารอาหารนัก 3.เพราะแต่ละคนควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ใช่เป็นภาระผู้อื่น 4.เพราะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะจัดซื้ออาหารด้วยเงินมากมาย (คนทำงาน 8 เดือน)
หลายๆครั้งในชีวิตคริสเตียนเราก็มีเหตุผลมากมายที่พอจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบธุระของครอบครัว ของเครือญาติ ของพี่น้องในพระกายพระคริสต์ หรือโครงการต่างๆของคริสตจักร ดูเหมือนเราจะนั่งลงหาเหตุผลอันมากมายมาเพื่อแสดงถึงจุดยืนของตนเอง เช่นเดียวกับพวกสาวกของพระเยซูในสมัยนั้น เมื่อพวกเขาจำต้องรับผิดชอบงานใหญ่ในค่ำเย็นวันนั้น พวกเขานึกถึงปัญหาเรื่อง ? งบ? ไม่พอ เช่นเดียวกับรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่เข้ามาบริหารบ้านเมือง เมื่อต้องเข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง หลายครั้งเมื่อนำเสนอเมกะโปรเจคก็จะเผชิญกับปัญหาเงินกองคลังไม่มีเพียงพอ เช่นเดียวกับปัญหาการเช่ารถ NGV จะเช่าหรือซื้ออะไรคุ้มค่ากว่า พวกสาวกของพระเยซูในสมัยนั้นก็ก็คงจะนั่งเอามือกุมหัวคิดหนักว่าจะทำอย่างไรกับคนเรือนหมื่นที่หิวโหย ปัญหาของสาวกพวกเขาก็ใช่ว่าจะมีกำลัง และเงินทองอะไร พวกเขาจึงไม่พร้อมที่จะหุงหาอาหารเลี้ยงใครๆนอกจากสาวก12 คนกับพระเยซูในเย็นวันนั้นเท่านั้นเอง ด้วยเหตุผลงบประมาณไม่มีพอ จึงทำให้พวกเขาขอบายที่จะเลี้ยงดูคนเหล่านั้น
แต่พระเยซูคริสต์ตรัสถามพวกสาวกว่า ในพวกท่านมีขนมปังกี่ก้อนไปดูซิ..... สิ่งที่น่าสังเกตคือ พระเยซูถามถึงเต็มที่ที่พวกเขามี พระองค์มิได้ต้องการให้เขาทำเริ่มจากสิ่งที่ไม่มี พระองค์เป็นพระเจ้าไม่มีอะไรที่พระองค์จะทำไม่ได้ แต่กระนั้นพระเจ้าก็ไม่ทำหากเราไม่ยอมที่จะทำ แท้จริงทรงสามารถเลี้ยงคนเรือนหมื่นโดยไม่ต้องพึ่งอาศัยสาวกสักคนเดียวได้.... แต่ก็ทรงปรารถนาให้สาวกมีส่วนร่วม คริสตจักรคือภาชนะของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้ชีวิตของเรา ความเชื่อของเรา เราคือท่อแห่งพระพรของพระเจ้า ในวันนี้ขอให้เราเต็มที่เท่าที่เรามีอยู่ พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องให้สาวกทำอะไร หรือขอให้เราทำในสิ่งที่เกินกว่าที่เรามี และหากพระเจ้าประสงค์ให้เราทำสิ่งใหญ่โตมากกว่าสิ่งที่เรามี จงมั่นใจว่าพระเจ้ามีวิธี และพระเจ้าคือผู้รับผิดชอบ เพียงเรามีความเชื่อ และเชื่อฟังพระเจ้า
ในวันนี้ขอเพียงเราไม่หมกเม็ด คือซ่อนประเด็นหรือสาระสำคัญไว้, ซ่อนเงื่อนไขบางประการไว้เพื่อเลี่ยงการเผชิญกับพันธกิจที่ดูเหมือนเกินกำลัง ขอเพียเราเทในสิ่งที่เรามี เมื่อพระเจ้าทรงนำพาให้เรากระทำอะไรไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่ จะยากหรือง่าย จะเป็นเงินทองมากหรือน้อย อย่าคิดว่าเราจะทำไม่ได้ อย่าพยายามมองว่าจุดที่คิดว่าเราจะทำมันไม่ได้ แต่ให้เราดูจากสิ่งที่มีอยู่ ขอเพียงเราเต็มที่ เท่าที่เรามีให้กับพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ
เช่นเดียวกับศูนย์ AYC หรือค่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในคริสตจักร หรือเรื่องอะไรในชีวิตของท่าน ในครอบครัวของท่าน อย่าท้อถอย หรือถอดใจเสียก่อนเพราะเราคิดถึงสิ่งที่เรายังไม่มี แต่ขอให้เราเต็มที่เท่าที่เรามี อย่าให้เราคิดอย่างสาวกว่างบประมาณไม่มี จึงไม่ขอทำอะไรกับคนเรือนหมื่นคนที่รอคอย ถ้าพระเยซูทรงกระทำในวันนั้นได้ พระองค์ก็ทำได้ในชีวิตของเรา แต่สุดท้ายสาวกก็เชื่อฟังและทำตามพระเยซูสั่ง คนทั้งปวงก็เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า และอัศจรรย์ใจยิ่งนัก และต่างก็สรรเสริญพระเจ้ามาก และทุกอย่างก็เพียงพอ และยังเหลือเกินคาด
|