เรื่อง สองสิ่งที่พอพระทัย ฟีเลโมน 1
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่พอพระทัย ฟีเลโมน 1
โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
คำนำ บางครั้งชีวิตของเราก็เพียรพยายามมากที่จะทำอะไรบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้คนที่เรารักพึงพอใจ ตัวอย่าง วานก่อนภรรยาไม่อยู่ทำกับข้าวให้สุนัข ( อุดส่าห์ต้มเนื้อเครื่องในอย่างดี แต่มันกลับเมินไม่สนใจใยดี ) บางคนสรรหาช่อดอกกุหลาบราคาเป็นแสนๆบาท เพียงเพื่ออยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าตนเองรัก และรู้สึกดีมากๆ แต่แท้จริงบางครั้งสิ่งที่ต้องการนั้นอาจไม่ใช่ เช่นเดียวกับพระเจ้าที่เรารักและบูชาอยู่ หลายครั้งเราก็พยายามสารพัดทุกสิ่งเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย
ตัวอย่าง ฟาริสีพวกเขาถวายทุกๆสิ่งอย่างสัตย์ซื่อไม่เว้นแม้กระทั่ง ผักชี สาระแหน่ แต่สิ่งซึ่งพระองค์ต้องการคือความรัก ความเมตตา และยุติธรรมเขากลับเมิน และให้ความสำคัญเป็นอันดับท้ายๆ มธ23:23-24
พระวจนะธรรมฟีเลโมน มีบทเรียน 2 ประการ มีสองสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยในชีวิตของเรา ซึ่งเราได้เห็นจากพระคัมภีร์สั้นๆจากฟีเลโมน
หนึ่ง ความรัก และ ความเชื่อของฟีเลโมน ฟม1:
ก.เบื้องหลัง
ฟีเลโมนอยู่ในเมืองโคโลสีเป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างดี มีทาสใช้งานในบ้าน คริสเตียนสมัยนั้นได้ใช้บ้านของเขาเพื่อจัดประชุม
นมัสการ โอเนสิมัสเป็นทาสในบ้านได้ขโมยเงินและหนีไปกรุงโรม ซึ่งนายทาสสามารถทำร้ายต่อทาสอย่างไรก็ได้ ต่อมาโอเนสิมัส
ได้รู้จักกับ อ.เปาโล ขณะที่เปาโลติดคุกที่นั่นจึงได้แบ่งปันเรื่องราวพระเยซูให้ทาสฟัง โอเนสิมัสได้กลับใจเป็นคริสเตียน เปาโลรักเขา
เหมือนลูกอบรมสั่งสอนเขา แต่ตามกฎหมายโอเนสิมัสเป็นสมบัติของฟีเลโมน ดังนั้นจึงยากที่เปาโลจะส่งโอเนสิมัสไปหาฟีเลโมน
และคงจะยากสำหรับฟีเลโมนที่จะรับ โอเนสิมัสคนที่ทำผิดมหันต์ได้ง่ายๆ นี่คือสาเหตุที่เปาโลได้เขียนจดหมายฝากไปหาฟีเลโมน
เพื่อให้อ่าน
ข.คำสอนสำคัญ : คริสเตียนจะต้องมีความรัก ความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า และต่อธรรมิกชน
เปาโลกล่าวชมเชยถึงแบบอย่างความรัก ความเชื่อในชีวิตฟีเลโมน เปาโลเรียกฟีเลโมนว่าเพื่อนร่วมงาน และน้องเอ่ย
ทุกครั้งที่เปาโลอธิษฐาน และทุกครั้งที่เปาโลนั่งนึกถึงลูกแกะแต่ละคนที่ดูแลอยู่ ชีวิตของฟีเลโมนจะแล่นออกมา ซึ่งจุดเด่นที่สัมผัส
คือความรักที่เขามีต่อพระเจ้า และต่อพี่น้องในคริสตจักร
-ฟีเลโมนเป็นตัวอย่างของคริสเตียนที่เติบโตแล้ว คือ
-รักพระเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด หมายความว่าอย่างไร ? โลกนี้ หรือทรัพย์สิ่งของใดๆในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดมีค่าเท่ากับพระเจ้า
พร้อมที่จะติดตามพระเจ้าแม้ว่าจะเผชิญกับความยากลำบาก แม้ว่าจะต่องต่อสู้กับความขี้เกียจฝ่ายวิญญาณ แม้ว่าจะเจอ
มรสุมในชีวิตทุกรูปแบบ แต่เขาก็ตัดสินใจที่รัก และเชื่อในพระเยซูคริสต์อยู่ ไม่เปิดรับเอาข่าวประเสริฐอื่นๆอีก....
-เบื้องหลังคริสเตียนในโคโลสี : มีคำสอนผิดของพวกนอสติกระบาดมาก เขาอ้างว่า พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า อ้างว่าพระเยซู
เหมือนเทวดา ทูตสวรรค์ พวกนี้สอนว่าร่างกายไม่เกี่ยววิญญาณดังนั้นการทำบาปอะไรๆก็ไม่มีผลต่อวิญญาณ เขาจึงสอนว่า
เป็นคริสเตียนก็ทำบาปได้ทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีการทำผิดศีลธรรมมากมาย
แต่ฟิเลโมนเป็นตัวอย่างที่ดี ในเรื่องความรัก และความเชื่อที่มีต่อพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุทำให้เปาโล แลพี่น้องประทับใจ ฟม1:7
สิ่งเหล่านี้ทำให้พี่น้องได้รับการเสริมสร้าง ทำให้พี่น้องชื่นใจ และเกิดจุดเปลี่ยนในสังคม และเป็นตัวอย่างที่ดี ที่เดินกับพระเจ้า
ค. เช่นเดียวกับพวกเราคริสเตียนในยุคนี้ เรากำลังอยู่ในสภาพสังคมที่เลวร้ายสุดๆ มีคำสอนแปลกใหม่ๆมากมาย มีพระเยอะ ความรู้
ใหม่กำลังมาแรง มีคนที่มีความรู้ความสามารถมากมายกล้าประกาศตัวเองเป็นเกย์ เราจะต้องประกาศตัวเองชัดเจนว่าเราเป็นคน
ใหม่ เป็นคริสเตียนแล้ว เรามีความเชื่อในพระเจ้า เราเชื่อว่ามีพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงองค์เดียว เราจะต้องสำแดงตนเป็นพยานที่ดี
ต่อคนในสังคมของเรา เราคือเกลือ และความสว่างที่จะส่องออกไป อย่าให้โลกนี้ หรือระบบของโลกเข้ามาแทรกซึมในหลักข้อ
เชื่อของเรา ให้ความเชื่อ และความรักของเราโลดแล่น เบ่งบานสดใสต่อเพื่อนฝูง และมีชีวิตที่สัมผัสชีวิต
พระเจ้าไม่ต้องการให้เราถวายสาระแหน่ ยี่รา ในชีวิตของเรา หมายถึงไม่ต้องการให้เราพยายามทำสิ่งโน้นสิ่งนี้มากมายเพื่อพระเจ้า
แต่สิ่งที่พระองค์ต้องการจากเรามากนั่นก็คือ ขอเพียงหัวใจของเรารัก และเชื่อในพระองค์ และรักพี่น้องในคริสตจักรของเรา คำว่า
รักบรรดาธรรมิกชน หมายถึงใคร ? ไม่ได้หมายถึงว่าคนที่นอกคริสตจักร แต่หมายถึงพี่และน้องในโบสถ์ของเราก่อน รักกันให้
มากๆ เอาใจใส่คนในคริสตจักรของเราให้ดีๆ ห่วงใยกัน อธิษฐานเผื่อกัน ปรนนิบัตัซึ่งกันและกัน ให้เวลาพูดคุยต่อกันให้มากขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่ส่งกันไปที่นครปฐม หนองงูเหลือมเท่านั้น แต่เราจะต้องกลับมาให้เวลากับธรรมิกชนมากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่
พระเจ้าพอพระทัย ยน 13: 34-35
-ในความรักไม่มีความกลัว ความรักที่ปราศจากความกลัว ?ในความรักในไม่มีความกลัว แต่ความรักที่สมบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย เพราะว่าความกลัวเข้ากับการลงโทษ และผู้ที่มีความกลัวก็ยังไม่มีความรักสมบูรณ์? (๑ ยน. ๔.๑๘)
หนึ่งความรักที่ไม่ได้มาจากพระเจ้าจะมีความกลัว (phobos-กลัว วิตก กังวล ตกใจ คำขู่เข็ญ การใช้อำนาจบังคับ) สอง ความรักที่มาก
พระเจ้ามีความสมบูรณ์แบบ teleios (เทเลออส-ดีรอบคอบ ครบถ้วน เป็นผู้ใหญ่เต็มที่ เลิศประเสริฐ บริสุทธิ์)
มีเรื่องเล่าว่า เพื่อนของเจ้าบ่าวคนหนึ่งส่งข้อความ SMS เพื่ออวยพรในวันแต่งงาน ?ยอห์น.๔.๑๘-ขอให้อ่านในงานเลี้ยงด้วย? (ซึ่ง
จริงๆเขาตั้งใจเขียน ๑ ยน.๔.๑๘) ลองเปรียบเทียบพระคัมภีร์สองข้อนี้ดูซิครับ มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว
สอง ลืม และยกโทษต่อกัน ฟม 1:10
ก.คำถามที่สำคัญ
- หากมีใครที่ไม่เป็นคริสเตียนแล้วทำผิดต่อบาปต่อคนอื่น ต่อมาภายหลังมาเป็นคริสเตียน เราควรจะยกโทษให้เขาหรือไม่?
- หากคริสเตียนที่เคยรักพระเจ้า และพี่น้อง ต่อมาทำผิดบาป และทำผิดต่อพี่น้อง และความผิดนั้นถูกเปิดเผย เรายอมรับเขาว่า
เป็นสมาชิกในคริสตจักรหรือไม่ ?
ข. เปาโลขอให้ฟีเลโมนยกโทษ และลืมกับสิ่งที่โอเนสิมัสได้กระทำ
สิ่งที่ยากของทั้งสองฝ่ายระหว่างฟีเลโมนเจ้านายที่เป็นคริสเตียน กับโอเนสิมัสทาสที่ลักขโมยเงินไปจะต้องเผชิญหน้ากันอย่างไร
เมื่อทั้งสองเป็นคริสเตียน และเชื่อในพระเจ้า ฟีเลโมนก็เจ็บ ส่วนโอเนสิมัสก็กลัวและรู้สึกผิด
หลายครั้งเมื่อเราดำเนินชีวิตในความเชื่อ เราอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันก็เผชิญกับความขัดแย้ง และความรู้สึกที่เจ็บปวดเมื่ออีกฝ่าย
กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ถูกใจเรา หรืออาจจะมองเห็นในจุดในมุมที่แตกต่างกัน ดังนักเรียนยกพวกตีหัวกันเอง ไม่ยอม
ลดลาวาศอก ปล่อยให้รากขมขื่นเกิดขึ้น......
สิ่งที่เปาโลได้ให้ฟีเลโมนใคร่ครวญในการลืมความผิด และให้อภัยกับคนที่ทำผิดต่อเรา
1.ให้อภัยกันเพราะเห็นแต่ความรักของพระเจ้า ฟม1:5
2.หวนคิดถึงน้ำพระทัยพระเจ้า คือให้โอเนสิมัสหนีไป เพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยตลอดไป ข้อ 15
3. เขาคือพี่น้องที่รักยิ่ง
4.เขาเป็นคน และเป็นเพื่อนคริสตชน ข้อ 16
ทุกครั้งที่เรากำลังรู้สึกโกรธกัน และรู้สึกว่าใครสักคนกำลังทำให้เราโกรธเข้าแล้ว ทำให้เราเบื่อหน่ายที่จะทำงานด้วย และอ่อนใจที่จะต้องพูดคุยกันอีกต่อไป ให้เราจำไว้เสมอว่าเปาโลได้เตือนเราด้วยในวันนี้ อย่างน้อยขอให้เรารักกันและกัน ยอมรับกันและกัน เพราะเห็นแก่ความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักเรา อดทนต่อเรามามากเพียงใด เราควรจะยิ่งกว่านั้นที่จะรักกันเพราะเห็นแก่พระองค์ วันนี้หากยังทำไม่ได้ขอให้เราเริ่มต้นด้วยการอธิษฐานขอพระเจ้า ..... ขอให้เราสามารถมองเห็นความเป็นคน และคริสต
ชนด้วยกัน อย่างไงๆเราก็จะต้องไปอยู่ในสวรรค์ที่เดียวกัน ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในความสว่างนั้นไม่มีอะไรที่ทำให้สะดุด (๑ ยน. ๒.๑๐)
โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้ บางครั้งก็ถูกแทรกซึมเอาความแข็งกร้าว และทิฐิเข้ามาในชีวิตคริสเตียนโดยไม่รู้ตัว ความหย่อยิ่งทนงตน การมองเห็นโทษคนอื่นเท่าภูเขา เราเห็นการขัดแย้งจากระดับผู้นำในสังคม เห็นการขัดแย้งที่รุนแรง และชินกับการเรียอกร้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง
ตัวอย่างของการให้อภัยที่ดีตัวอย่างหนึ่ง คือคุณคิม ฟุค เหยื่อสงครามเวียดนาม ......
ขอพระเจ้าโปรดเมตตาให้เรามีความรักเหมือนอย่างพระองค์