เรื่อง ผู้เบิกทาง
คำเทศนาเรื่อง ผู้เบิกทาง
ข้อพระคัมภีร์ ฮร 2:1-18
โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
ในสัปดาห์นี้ที่จริงแล้วถือเป็นสัปดาห์สำคัญมากของคริสเตียน สำคัญกว่าการประชุม G20 ที่อังกฤษ แต่บางทีเราก็ลืมและไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องฝ่ายวิญญาณ หลายคนคงทราบว่าวันอาทิตย์หน้าก็ถึงวันอีสเตอร์ และในเย็นวันศุกร์นี้ทางคริสตจักรเราจะจัดนมัสการพระเจ้าพิเศษ เพราะเป็นวันศุกร์ประเสริฐ วันที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่บนไม้กางเขน หลายคริสตจักรอดอาหารอธิษฐาน และใช้เวลาอ่านพระคัมภีร์ระหว่างมัทธิวบทที่ 26-28 เพราะเราต่างก็จะใช่เวลาทบทวนระสึกถึงพระเมตตาคุณของพระเจ้า การที่พระองค์ยอมสละชีวิตเพื่อเป็นข้าไถ่บาปของเรา ผู้เขียนพระคัมภีร์ฮีบรูบทที่ 1:10 ว่า และ องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ในเบื้องต้นพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก และฟ้าสวรรค์เป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ 11 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่ สิ่งเหล่านี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม 12 พระองค์ทรงม้วนสิ่งเหล่านี้ไว้ดุจผ้าคลุม *สิ่งเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไป* แต่พระองค์ยังทรงเป็นอย่างเดิม และปีเดือนของพระองค์ไม่สิ้นสุด** สดด. 102:25-27
เป็นสัจธรรมที่ถูกต้องแน่นอน ที่สารพัดสิ่งในโลกนี้วันหนึ่งจะมีเวลาสูญสิ้นไป จะเก่าเก็บเช่นเดียวกับเสื้อผ้าอาภร แต่พระเจ้าพระผู้สร้างยังทรงเหมือนเดิม ปีและเดือนของพระองค์ไม่มีวันหมด หรือพูดง่ายๆก็คือว่า พระเจ้าไม่มีวันตาย และฑูตสวรรค์ก็เป็นเพียงเหล่าวิญญาณที่ส่งมาให้ดูแล และช่วยเหลือผู้ที่เชื่อให้ได้รับการช่วยกู้ ตรงนี้ผู้เขียนฮีบรูกำลังย้ำให้ผู้รับสารนี้เข้าใจความจริง เพราะคนสมัยนั้นเขาภาคภูมิใจใน 2 เรื่องคือ หนึ่งเขามีโมเสส สองเขามีเทวเทพ หรือเทพเจ้า หลายครั้งเขาให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้จนลืมความจริงเรื่องพระเจ้า พระเจ้าที่แท้จริง ทำไม ? เพราะพระองค์ผู้เป็นเจ้าของสรรพสิ่งทั้งปวง
ฮีบรูบทที่ 2 จึงเริ่มต้นกำชับผู้รับสารนี้ว่า คริสเตียนที่แท้จริงจะต้อง สนใจ มองไปที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดในชีวิต นั่นคือ มองกลับไปที่พระผู้สร้าง หัวใจของตอนนี้คือ ฮีบรู 3:4 แต่ต้นเหตุของสรรพสิ่งทั้งปวงก็คือพระเจ้า ความสำคัญหาใช่ตัวของเรา หรือผลงาน ความสำเร็จของเรา หรือสรรพสิ่งที่อยู่ในครอบครองของเรา เพราะหากเรามีทุกสิ่งในโลกนี้แต่ปราศจากพระเจ้า ไม่ได้รู้จักองค์พระสร้าง เมื่อถึงวันที่เราต้องจากโลกนี้ไปสิ่งที่เราคิดว่ามันสำคัญมากๆ มันกลับไม่มีประโยชน์หรือมีคุณค่าอะไรเลยสำหรับชีวิต ดังนั้นพระเจ้าจึงกำชับใน ฮีบรู 2:1 ว่า
เราจะต้องสนใจในพระวจนะของพระเจ้าให้มากๆ
เหตุผล : มิเช่นนั้นจิตใจของเราจะยิ่งห่างไกลพระเจ้าไปทุกวินาที และดำเนินชีวิตไปจากพระเจ้า และจิตใจของผู้คนจะหลงทางไป ไม่ยอมรับเอาความจริง และสุดท้ายก็จะละเลยต่อความรอดที่พระเจ้าประทานให้เสีย โลกของสารพัดสิ่งในโลกนี้ก็ควบงำจิตวิญญาณของลูกหลานของเราทุกวัน สื่อต่างๆล้วนอันตราย โลกที่พัฒนาทางเทคโนโลยีกำลังดึงจิตใจ ล่อจิตใจของเราออกจากทางของพระเจ้า จนเวลาของเราที่เคยมีให้พระเจ้าก็เริ่มลดน้อยลงไป มีเรื่องราวที่ไม่เป็นเรื่องกดดัน ชักนำให้เราหัวเสีย และให้เราจบดิ่งลงในบาปง่ายขึ้นมาก
เราจะต้องสนใจในสิ่งที่พระเจ้าได้กระทำเพื่อเรา
เหตุผล : เราต้องคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าได้เริ่มกระทำให้พวกเราว่ามีคุณค่าสูงส่งเพียงใด ฮร 2:3-4 พระเจ้าทรงโปรดเมตตาให้ความรอดแก่มนุษย์ด้วยวิธีที่แสนง่ายดาย ไม่ต้องบำเพ็ญตนทำดีเพื่อได้ขึ้นสวรรค์ เพียงแต่เชื่อและดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้า เป็นวิธีทางลัด และใครๆก็สามารถรอดได้ถ้าเชื่อในพระเยซูคริสต์
สังเกตคำว่า -ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอง
-พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วย โดยสำแดงการอัศจรรย์ หมายสำคัญ อิทธิฤทธิ์ต่างๆ
-พระเจ้ามิได้มอบโลกใหม่ คือสวรรค์ไว้กับฑูตสวรรค์ แต่ทรงมอบพระสิริ และอำนาจทั้งสิ้นที่พระบุตร ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของท่าน ( หมายถึงพระเยซูคริสต์)
ผู้เขียนฮีบรูชี้ให้พิจารณาถึงสิ่งที่พระคริสต์ทำเพื่อเรา
1.พระเยซูคริสต์ ทรงสิ้นพระชนม์ ด้วยความทุกข์ทรมาน ข้อ 9
-เพื่อนำผู้เชื่อ หรือบุตรพระเจ้าเข้าสู่ศักดิ์ศรี
2.พระเยซูคริสต์ ทรงชิมความตายเพื่อมนุษย์ทุกคน ข้อ9
-เพื่อทุกคนจะอยู่ได้โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ และทรงเบิกทางรอดให้ทุกคน
3.พระเยซูคริสต์ ทรงพร้อมที่จำดำเนินงานนี้ โดยยอมรับความทุกข์ทรมาน ข้อ 10
-เพื่อทำการชำระคนทั้งหลายให้บริสุทธิ์
4.พระเยซูคริสต์ ทรงกำจัดจุดอ่อนแอของมนุษย์เสียสิ้น คือ
- การเป็นศัตรูกับพระเจ้า นำพาให้เรา มาเป็นพี่น้องกัน ไม่ละอายที่จะรับเราเป็นพี่น้องกัน
- เพื่อเราจะได้เป็นครอบครัวของพระเจ้า ฮร 3:6
- ทำลายกิจการงานของซาตาน และการเป็นทาสของบาป และซาตาน
- พระเยซูทรงรับบทบาทเป็นผู้กลางระหว่าง มนุษย์กับพระเจ้า และทรงเป็นพระเจ้าที่เข้าใจความอ่อนแอ
ของมนุษย์ทุกคน ฮร 2:17-18
นี่คือสาระสำคัญที่พระเจ้าต้องการจะบอกพวกเราให้ทราบถึงความจริง ว่าทำไมคริสเตียนจะต้องภาคภูมิใจในพระเจ้า ทำไมเราจะต้องยึดพระเจ้าไว้ให้มั่น ทำไมเราต้องรับใช้พระองค์ และมาชุมนุมกันในเช้าวันนี้ เพราะเรารู้ว่า
-ถ้าเราละทิ้งหัวใจและแก่นแท้ของพระวจนะไป จะยิ่งทำให้เราเอง และครอบครัวของเรายิ่งไปไกลจากพระเจ้า
-แต่กลับกัน เราควรยิ่งเข้าใกล้ชิดพระเจ้ายิ่งขึ้น เพราะคิดถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงเริ่มต้นกระทำเพื่อเรานั้น เป็นพระคุณอันใหญ่ยิ่งเพียงใด ทรงรับเอา แบกรับความทุกข์ทรมานเพื่อคนบาปอย่างท่าน และข้าพเจ้า ทรงชิมกับความทุกข์มรมาน และความตาย และทรงยินยอมถ่อมใจรับภาระกิจที่ต่ำต้อยนี้ และทรงช่วยกำกัดจุดอ่อนแอในชีวิตของเราเสียสิ้น เพื่อเราจะกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกับพระเจ้าอีกครั้ง เราเป็นพี่น้องกัน เราอาจจะมีความหลากหลายในฐานะ และพื้นฐานการเลี้ยงดูมาจากบิดามารดา เราอาจจะยืนอยู่ในบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่เราก็คือครอบครัวของพระเจ้าเดียวกัน โดยมีพระเจ้าผู้เป็นต้นเหตุของสรรพสิ่งทั้งปวง วันนี้ถ้าหากชีวิตของเราอ่อนแอ และกำลังเผชิญกับมรสุมในชีวิต ในครอบครัว ในการงานของเรา อย่าลืมว่าพระเยซูคริสต์ทรงรับรู้ และเข้าใจปัญหาของท่านดี ทรงเคยสวมรองเท้าคู่เดียวกับเรามาก่อน
-ชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็เพียงน้อยวันเท่านั้นเอง วันหนึ่งก็ถึงเวลาได้พักผ่อน พระคัมภีร์เรียกการนี้ว่า การเข้าสู่พำนัก พักการงานทั้งสิ้นในโลกนี้ และเราจะได้อยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ตลอดเป็นนิตย์ ซึ่งวันเวลาย่อมยาวนานกว่าจณะที่เราอยู่ในโลกนี้เสียอีก ...... ดังนั้น... ตราบใดที่เรายังคงอาศัยอยู่ในโลกนี้ เราจะต้องเผชิญกับคนที่ไม่เชื่อ และเราจะต้องเจอพบกับสารพัดปัญหา ความวุ่นวาย การเมือง การเงิน และการงานที่ยุ่งวุ่นๆ เราต้องรับผิดชอบการงานในโลกนี้ให้สำเร็จ ก็ขอให้เราดำเนินต่อไป....
ในเวลาใดที่เรารู้สึกอ่อนล้า หมดแรง อย่าลืมว่าพระเยซูคริสต์ตรัสว่า บรรดาผู้งาน และแบกภาระที่หนักจงมาหาเรา พระองค์จะช่วยให้ท่านหายเหนื่อยเป็นสุข ไม่มียามใด เวลาใดที่มีความสุขเท่ากับการที่เราได้อยู่ใต้พระคุณพระเจ้า และเหตุนี้เองกษัตริย์ดาวิดจึงกล่าวว่า ท่านดาวิดอยากอยู่ในพระนิเวศน์ของพระเจ้าตลอดไป...
.
เปาโลเคยกล่าวว่า : ข้าพเจ้าไม่ท้อใจถึงแม้ว่าร่างกายดินนี้ จะกำลังทรุดโทรมไป แต่จิตวิญญาณของท่านกำลังเติบโตขึ้น และแข็งแรงอยู่ในพระคริสต์
เปโตรสานุศิษย์พระคริสต์กล่าวว่า จงละความกระวนกระวายใจของท่านไว้กับพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย
สิ่งที่ห่วงไม่ใช่การที่พระเจ้าจะทอดทิ้งเราไป แต่จิตใจของเราเองที่มักจะเย็นชา และเดินห่างไกลพระองค์ การปลีกตัวออกห่างจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราทั้งหลาย อาเมน