เปิดใจ กว่าจะมาถึงวันนี้ของคนวงการไอที
หลายคนอยากรู้ว่าผมเอาเวลาไหนมาพัฒนาตัวเองในด้านไอที และไอทีทำให้เสียเวลางานของพระเจ้าไหม และทำไมผมไม่ตัดสินใจมาทำงานในด้านไอทีไปเลย
พระเจ้ามอบหมายให้ผมเป็นศิษยาภิบาล
ตอบ : ตอบยากสำหรับคำถามต่างๆนาๆ ผมมั่นใจตั้งแต่เมื่อ 20กว่าปีที่ผ่านมาว่าพระเจ้าได้มอบงานของการเป็นศิษยาภิบาลให้ผมรับผิดชอบ ผมก็กระทำอย่างนั้นตลอดมา แม้จะดีบ้างไม่ดีบ้าง หมายถึงว่างานที่ผมทำบางอย่างสำเร็จ บางอย่างก็ยังไม่สำเร็จแต่ผมก็ไม่ได้ทำให้งานการรับใช้ได้รับผลเสีย ผมกลับเรียนรู้ที่จะเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาพัฒนางานรับใช้ให้ดีขึ้น
ผู้นำพัฒนาตัวเองได้แม้ไม่มีพื้นฐาน
แต่ขณะเดียวกันนพระเจ้าก็ให้ผมมีโอกาสได้เรียนรู้งานในด้านไอที ( สายเว็บไซต์ ) คือไม่ได้ตั้งใจจะสนใจอะไรมากมายแต่ก็เห็นว่า มันเป็นอีกแนวทางหนึ่งการรับใช้พระเจ้า เป็นเครื่องมือหนึ่งในหลายๆวิธีการในการประกาศ ในการประชาสัมพันธ์งานคริาสตจักรของพระเจ้าสู่สายตาไปทั่วโลก ก็เลยหาเวลาเรียนรู้จากหนังสือต่างๆ จากการไปอบรมพิเศษ จากการเรียนรู้ด้วยตนเองที่บ้าน ผมยังเรียนรู้ตลอดเวลา ในขณะที่คนอื่นๆนอนหลับ ที่จริงผมก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าใครๆ เพียงแต่ว่างานที่ผมนำเสนอออกไปเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาวงการคริสเตียนก็ยังไม่ค่อยมีใครทำเท่าไร พึ่งจะมาเริ่มทำกันมากขึ้นก็ไม่กี่ปีนี้เอง
ไอทีเป็นเครื่องมือ แต่ไม่ใช่หนึ่งเดียวของวิธีการ
ผมเห็นว่าหลายคนติดต่อมาอยากจะรับเชื่อ บางคริสตจักรก็เป็นพยานว่าเขาได้นำคนมารับเชื่อพระเจ้าผ่านเว็บ และเห็นหลายคนเดินเข้าคริสตจักรเพราะเขาเห็นป้ายโฆษณาจากเว็บไซต์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพันธกิจไอที ทำให้ผมเห็นว่าคริสตจักรของพระเจ้าควรจะเปิดใจรับสิ่งเหล่านี้มาในคริสตจักร โดยปราศจากอคติว่าไอทีเป็นซาตาน ไอทีทำให้ศิษยาภิบาลทิ้งงานรับใช้พระเจ้า แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่เห็นด้วยกับผู้นำหลายคนเข้าใจว่าไอทีคือสิ่งเดียวที่ทำให้คริสตจักรเกิดผล (ไม่จริงหรอก) งานเยี่ยมเยียน และการประกาศอื่นๆก็ใช้ได้ผลด้วย เพียงแต่เราก็ไม่ต้องตกยุคกับโลกเกินไป
เริ่มต้นไอที แม้ไม่มีคนสนับสนุน
ก็อย่าท้อใจหากเราเริ่มทำอะไรในเรื่องไอที แล้วไม่มีคนสนับสนุน หรืออธิษฐานเผื่อสักเท่าไร เพราะที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้มีใครมากมายที่สัญญาจะมีส่วนในงานไอที บางรายสัญญาแหม... ฟังดูเหมือนจะมาจากสวรรค์ชั้นเจ็ด แต่ที่ไหนได้ไม่เคยมีส่วนใดๆเลย บางคนรับปากว่าจะช่วยเหลือเรา หากเราช่วยงานหรือสนับสนุนฐานเสียงให้เขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม แต่พอได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ตามที่วาดฝันทุกอย่างก็จบสิ้น เงียบหายไปจากเรา ผมไม่เคยหวังในตัวของคนที่สัญญาของมนุษย์ เริ่มต้นจากตัวเอง และปัจจัยของตนเอง ในระยะแรกของการเรียนรู้ของผมนั้น ภรรยาเองก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยที่ไหน บ่นเช้าบ่นเย็นเหมือนกัน ทุ่มเทเวลากับไอทีไม่ว่า ยังต้องเทกระเป๋าเงินอีกด้วย ไอ้อย่างหลังนี่แหละตัวดี ผู้หญิงในบ้านไม่ชอบ ไอทีนะใช้เงินทองไม่น้อย หนังสือแต่ละเล่มใช่ว่าถูกๆที่ไหนกัน สมัยก่อนไปอบรมเรียนกับหน่วยงานอื่นๆเสียวันละ 3500-4500 บาทก็เคยจ่ายไปแล้ว ดังนั้นอย่ารอจนกว่าใครสนับสนุนถึงค่อยลงเล่น ยอมลงทุนด้วยเงินตัวเองนั่นแหละ เดี๋ยวมันจะเป็นเอง (อะไรที่เราจ่ายราคาแพงเราจะจริงจังกับมัน และมันมีค่าสำหรับเราตลอดไป )
การสนับสนุนตามมาเมื่อเรามีผลงาน
แรกๆคนไม่เห็นอะไร คนไม่กล้าที่จะลงขันกับเรา แต่พองานของเราออกมาดีขึ้น คนต่างๆก็มองเห็นผลงาน ก็อยากมีส่วนสนับสนุนเอง พระเจ้าาทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง บางท่านถวายมาจำนวนไม่มากก็จริงแต่เป็นประจำทุกๆเดือนก็ทำให้งานไอทีของเราไปได้เรื่อยๆ ผมทำมา 10ปีแล้ว มานั่งนับดูหมดเงินไปไม่น้อยนะครับ แต่ผมก็พบความจริงว่า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อเที่ยงธรรม ทรงสามารถช่วยผมในการก้าวเดินต่อไปได้ ดังนั้นอย่ารอจนกว่าฝนจะตกถึงจะเริ่มไถนา หว่านข้าวนะครับ ลองเริ่มต้นเรียนรู้ไปก่อน
เอาเวลามาจากไหนในการทำเว็บตั้ง 100 เว็บ
ผมก็เคยถามนักเขียนบางท่านที่มีชื่อเสียงที่ดี และมีชื่อเสียงไม่ดีทั้งหลายว่า เขาเอาเวลามากมายจากไหนมานั่งลงเขียนหนังสือ หรือบทความเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ท่านเหล่านั้นก็บอกว่า ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องน้ำ บนเครื่องบิน และนั่งรอรถป้ายรถเมย์
แต่ผมไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมเพียงใช้เวลาหลังจาก 2-3 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืนมานั่งลงศึกษาอย่างต่อเนื่อง อะไรที่ทำไม่ได้ก็ไม่ลดละความพยายาม ก็ทำการโน๊ตไว้ก่อนเพื่อศึกษาต่อไป อะไรที่ทำได้สำเร็จแล้วก็จดบันทึกไว้เผื่อว่าจะได้นำไปสอนไปถ่ายทอดต่อไปอีก ผมก็ทำอย่างนี้ตลอด 10ปี จึงมีผลงานมากมายที่เห็นๆกัน แต่อีกอย่างหนึ่งก็คืออดีตผมรับทำเว็บให้กับหลายๆหน่วยงาน ทำให้เหนื่อยไม่มีมากมายขนาดนั้น ผมก็คิดว่าเราน่าจะสร้างผู้นำคริสตจักรหรือผู้นำองค์กรที่สนใจอยากพัฒนาตัวเองขึ้นมาในด้านไอที ในที่สุดผมก็เริ่มเปิดสอนในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันหยุดของผม หลายๆรุ่นในที่สุดก็ไม่ต่ำกว่า 100 คนที่เข้ามาเรียนกับผม เห็นไหมครับว่านี่คือวิธีการที่พระเยซูก็สอนไว้ เปาโลก็เตือนทิโมธีว่าให้สอนคนที่สามารถสอนคนอื่นได้อีก
งานไอทีไปได้ดี ทำไมไม่คิดจะออกไปทำงานไอทีโดยตรงล่ะ?
ผมก็เคยตั้งคำถามนี้ตลอดมา แต่สิ่งหนึ่งก็คือว่า เราก็ต้องเข้าใจว่าพระเจ้าเลือก และเรียกเราไว้เพื่อให้มารับใช้ มาเป็นศิษยาภิบาลดูแลฝูงแกะของพระเจ้า งานนี้สำคัญกว่างานไอทีไม่ใช่หรือครับ ตราบใดที่พระเจ้าทรงใช้ได้อยู่ผมก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่จะให้ผมทิ้งงานไอทีที่ทำอยู่ก็ตอบว่าไม่... จนกว่าพระเจ้าจะตรัสให้ผมทราบว่า พอแล้วลูก.... วันนี้ผมคิดว่า ความคิดของบางคนอาจจะไม่ใช่แค่แคบเท่านั้น แต่ยังใจแคบด้วยต่องานไอที เวลาผ่านไปอีกหน่อยเขาจะถึงบางอ้อเอง
เป้าหมายต่อไปคืออะไร
ผมอธิษฐานว่าถ้าพระเจ้าทรงนำพา และสิ่งนี้สำคัญในพระทัยพระเจ้า ผมจะขยายพันธกิจไอทีออกไป 300 เว็บ ภายใน 3 ปีนี้ ผมเชื่อมั่นว่าโดยพระเจ้าสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความปรารถนาที่จะเห็นเรื่องราวของพระเจ้าไปสู่สายตาของคนทั้งโลกในโลกไซเบอร์ อยากจะเห็นมีการประกาศข่าวประเสริฐ มีการเลี้ยงดูสมาชิกผ่านไอทีไปมากกว่านี้ แต่ละเว็บก็มีจุดเน้นที่ต่างกัน แต่ทั้งสิ้นก็เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ให้ผู้คนได้เห็นความรักของพระเจ้า บุคคลผู้ใดที่เห็นว่าผมพอจะเป็นพระพรต่อท่านใด ก็ติดต่อผมได้ ยินดีรับใช้ท่านและหน่วยงานต่างๆ
แก้ไขล่าสุด (วันศุกร์ที่ 16 กรกฏาคม 2010 เวลา 12:28 น.)